จากกระทู้ที่ผ่านมาของผม
http://ppantip.com/topic/13082823 ซึ่งผมมีแผลคีลอยด์กว้างมากและมีหลายจุด จะไม่ขอกล่าวอะไรมากนะครับ ลองเข้าไปอ่านดูได้ครับ ... นั่นแหละ ผมจึง ตัดสินใจ ที่จะผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อนั้นออก ตอนแรกเข้าไปปรึกษาคุณหมอที่ รพ.ศิริราชครับ คุณหมอก็แนะนำให้ฉีด หรือวิธีอื่นๆเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ผมยืนยัน(ด้วยความดื้อรั้น) ว่าต้องการตัดออก โดยต้องการตัดแผลส่วนตรงหน้าอกก่อน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับตัวผมเองในเรื่องของการใช้ชีวิต เพราะมันทั้งคันและเสียความมั่นใจอย่างมาก และปัญหาใหญ่สำหรับคุณหมอเหมือนกันที่จะผ่าออกยังไง? ใหญ่ขนาดนี้555
ดังนั้น คุณหมอเลยสรุปว่าลองตัดชิ้นเนื้ออันเล็กที่อยู่ไหล่ด้านหลังก่อนดีไหม แล้วค่อยดูผลมันก่อนว่าจะตอบสนองการรักษาดีแค่ไหน ส่วนเรื่องแผลด้านหน้าอกนั้น อาจต้องใช้วิธีตัดชิ้นเนื้อต้นขามาแปะแล้วเย็บติด แต่.. จะต้องแลกมากับสีผิวที่จะไม่สวยสีจะไม่เหมือนกัน สีผิวเนื้อที่ตัดมานั้นจะคล้ำดำ เสี่ยงต่อแผลนูนขึ้นมาซ้ำอีก อาจใหญ่กว่าเดิม หรือ... จะใช้วิธีฉีดโบท็อกซ์(โบท็อกซ์ที่ฉีดหน้ากันนั่นแหละครับ) เข้าบริเวณแผล(เป็นCase study) เพราะมีรายงานว่ามันเรียบแบนลง แต่ต้องรอการอนุมัติจากทางโรงพยาบาลครับ ผมก็เห็นด้วยนะ สรุปเลยผ่าตัดคีลอยด์ที่ด้านหลังทั้งซ้ายขวาครับ (คุณหมอที่ศิริราชน่ารักมากๆเลยครับ ทุกๆแผนกทุกๆคนเลย เท่าที่สัมผัสมาหลายครั้ง คะแนนเต็ม100 ผมให้100ครับ)
ภาพก่อนผ่าตัด
นัดผ่าแผลวันที่ 10 กุมภาพันธ์57 ที่ผ่านมา(วันนี้ที่ผมโพสวันที่ 11 มีนา 57) และแล้วผมก็ผ่าตัดเสร็จแล้ว ผ่านไปด้วยดี ขอบอกว่าตอนนั้นกลัวมาก หมอฉีดยาชาแล้ว แต่ตอนผ่านั้นมันรู้สึกเจ็บอยู่ตลอดเวลาครับตอนถูกเฉือนอ่ะ ยังนึกในใจนี่ถ้าไม่ฉีดยาชานะ กูตายแน่!! 555
หลังจากการผ่าตัดเสร็จแล้วนะครับ คุณหมอจะให้เราทำการฉายแสงร่วมด้วย 3 วัน นันละ 1 ครั้งครับ ฉายแสงจริงๆไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆนะครับ ใช้เวลาในการฉายประมาน 1 นาทีเท่านั้น แต่ที่ใช้เวลนานคือการไปนั่งรอคิวครับ นานมากจริงๆ แต่เราก็ต้องยอมรับอ่ะครับ เพราะคนไข้ที่นี่เยอะมากๆ ทุกวันเลย
อย่างในภาพนะครับ การฉายแสงนั้น คุณหมอเค้าจะต้องขีดเป็นเส้นตารางๆแบบนี้แหละครับ เส้นนี้จะอยู่ติดตัวเราเป็นสัปดาห์ๆล่ะครับ เพราะแผลเราห้ามโดนน้ำ และอีกอย่างคุณหมอเค้าจะห้าม ไม่ให้ลบออกน่ะครับ รอให้มันจางหายไปเอง ซึ่งมันรู้สึกคันยิบๆอ่ะ บอกไม่ถูก
นับตั้งแต่วันที่ผ่า คุณหมอจะนัดมาตัดไหมอีก1อาทิตย์ถัดมาครับ แต่ของผม2อาทิตย์ครับ เพราะดูแผลยังไม่ค่อยสมานกัน ตอนนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้วครับ แผลนั้นหายดีแล้ว ถอดไหมหมดแล้ว โดนน้ำอาบน้ำได้ปกติ คุณหมอนัดไปฉีดสเตียรอยด์ตรงแผล 1 ครั้ง เมื่อวันก่อน และคุณหมอแนะนำให้ใช้สกาเจลทาบริเวณแผลหลังอาบน้ำทุกครั้ง หรือบ่อยๆก็ได้
รอให้แห้งแล้ว ปิดทับด้วยแผ่นซิลิโคน ตัวแผ่ยซิลิโคนนี้เราจะติดไว้ทั้งวันเลยนะครับ เช่นอาบน้ำตอนเช้าเสร็จเราก็ปิดแผ่นซิลิโคนไว้ ถ้ากลัวมันไม่แน่นก็ใช้เทปสำหรับปิดแผลอ่ะครับ ปิดทับไว้อีกที แล้วก็ออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ เวลาเลิกงานกลับมาก็อาบน้ำพร้อมกับทำความสะอาดแผ่นซิลิโคนเสร็จแล้วผึ่งให้แห้งหรือหากระดาษเช็ดหน้ามาซับให้แห้ง พออาบน้ำไรเสร็จก็แปะต่อครับก่อนนอนจนถึงเช้า ทำแบบนี้ทุกวันอ่ะครับ คุณหมอบอกว่า 6เดือนถึงจะแน่ใจว่าจะไม่เป็นสการ์ซ้ำอีก ส่วนเจ้าแผ่นซิลิโคนนี้ผมใช้ขนาด6*12นิ้ว ราคาอยู่ที่900กว่าบาทครับซื้อที่ศิริราชเลย ถ้าแผลเล็กกว่านี้เราก็ตัดแบ่งใช้ได้ 1ชิ้นนั้นสามารถใช้ได้นาน2-4สัปดาห์ครับ^^
เดี๋ยววันหลังผมจะเอารูปตอนปิดแผลด้วยซิลิโคนแผ่น+แผลตอนที่ไม่ได้แปะอะไรเลยมาให้ดูครับ ว่าปัจจุบันเป็นยังไง จริงๆมันก็ราบเรียบอ่ะครับ แต่สีผิวมันก็ยังมีไม่เท่ากันนะ วันนี้ไม่ได้ถ่ายมาครับ ติดไว้ก่อน^^
[CR] ผ่าตัดแผลคีลอยด์ รีวิว
ดังนั้น คุณหมอเลยสรุปว่าลองตัดชิ้นเนื้ออันเล็กที่อยู่ไหล่ด้านหลังก่อนดีไหม แล้วค่อยดูผลมันก่อนว่าจะตอบสนองการรักษาดีแค่ไหน ส่วนเรื่องแผลด้านหน้าอกนั้น อาจต้องใช้วิธีตัดชิ้นเนื้อต้นขามาแปะแล้วเย็บติด แต่.. จะต้องแลกมากับสีผิวที่จะไม่สวยสีจะไม่เหมือนกัน สีผิวเนื้อที่ตัดมานั้นจะคล้ำดำ เสี่ยงต่อแผลนูนขึ้นมาซ้ำอีก อาจใหญ่กว่าเดิม หรือ... จะใช้วิธีฉีดโบท็อกซ์(โบท็อกซ์ที่ฉีดหน้ากันนั่นแหละครับ) เข้าบริเวณแผล(เป็นCase study) เพราะมีรายงานว่ามันเรียบแบนลง แต่ต้องรอการอนุมัติจากทางโรงพยาบาลครับ ผมก็เห็นด้วยนะ สรุปเลยผ่าตัดคีลอยด์ที่ด้านหลังทั้งซ้ายขวาครับ (คุณหมอที่ศิริราชน่ารักมากๆเลยครับ ทุกๆแผนกทุกๆคนเลย เท่าที่สัมผัสมาหลายครั้ง คะแนนเต็ม100 ผมให้100ครับ)
ภาพก่อนผ่าตัด
นัดผ่าแผลวันที่ 10 กุมภาพันธ์57 ที่ผ่านมา(วันนี้ที่ผมโพสวันที่ 11 มีนา 57) และแล้วผมก็ผ่าตัดเสร็จแล้ว ผ่านไปด้วยดี ขอบอกว่าตอนนั้นกลัวมาก หมอฉีดยาชาแล้ว แต่ตอนผ่านั้นมันรู้สึกเจ็บอยู่ตลอดเวลาครับตอนถูกเฉือนอ่ะ ยังนึกในใจนี่ถ้าไม่ฉีดยาชานะ กูตายแน่!! 555
หลังจากการผ่าตัดเสร็จแล้วนะครับ คุณหมอจะให้เราทำการฉายแสงร่วมด้วย 3 วัน นันละ 1 ครั้งครับ ฉายแสงจริงๆไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆนะครับ ใช้เวลาในการฉายประมาน 1 นาทีเท่านั้น แต่ที่ใช้เวลนานคือการไปนั่งรอคิวครับ นานมากจริงๆ แต่เราก็ต้องยอมรับอ่ะครับ เพราะคนไข้ที่นี่เยอะมากๆ ทุกวันเลย
อย่างในภาพนะครับ การฉายแสงนั้น คุณหมอเค้าจะต้องขีดเป็นเส้นตารางๆแบบนี้แหละครับ เส้นนี้จะอยู่ติดตัวเราเป็นสัปดาห์ๆล่ะครับ เพราะแผลเราห้ามโดนน้ำ และอีกอย่างคุณหมอเค้าจะห้าม ไม่ให้ลบออกน่ะครับ รอให้มันจางหายไปเอง ซึ่งมันรู้สึกคันยิบๆอ่ะ บอกไม่ถูก
นับตั้งแต่วันที่ผ่า คุณหมอจะนัดมาตัดไหมอีก1อาทิตย์ถัดมาครับ แต่ของผม2อาทิตย์ครับ เพราะดูแผลยังไม่ค่อยสมานกัน ตอนนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้วครับ แผลนั้นหายดีแล้ว ถอดไหมหมดแล้ว โดนน้ำอาบน้ำได้ปกติ คุณหมอนัดไปฉีดสเตียรอยด์ตรงแผล 1 ครั้ง เมื่อวันก่อน และคุณหมอแนะนำให้ใช้สกาเจลทาบริเวณแผลหลังอาบน้ำทุกครั้ง หรือบ่อยๆก็ได้
รอให้แห้งแล้ว ปิดทับด้วยแผ่นซิลิโคน ตัวแผ่ยซิลิโคนนี้เราจะติดไว้ทั้งวันเลยนะครับ เช่นอาบน้ำตอนเช้าเสร็จเราก็ปิดแผ่นซิลิโคนไว้ ถ้ากลัวมันไม่แน่นก็ใช้เทปสำหรับปิดแผลอ่ะครับ ปิดทับไว้อีกที แล้วก็ออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ เวลาเลิกงานกลับมาก็อาบน้ำพร้อมกับทำความสะอาดแผ่นซิลิโคนเสร็จแล้วผึ่งให้แห้งหรือหากระดาษเช็ดหน้ามาซับให้แห้ง พออาบน้ำไรเสร็จก็แปะต่อครับก่อนนอนจนถึงเช้า ทำแบบนี้ทุกวันอ่ะครับ คุณหมอบอกว่า 6เดือนถึงจะแน่ใจว่าจะไม่เป็นสการ์ซ้ำอีก ส่วนเจ้าแผ่นซิลิโคนนี้ผมใช้ขนาด6*12นิ้ว ราคาอยู่ที่900กว่าบาทครับซื้อที่ศิริราชเลย ถ้าแผลเล็กกว่านี้เราก็ตัดแบ่งใช้ได้ 1ชิ้นนั้นสามารถใช้ได้นาน2-4สัปดาห์ครับ^^
เดี๋ยววันหลังผมจะเอารูปตอนปิดแผลด้วยซิลิโคนแผ่น+แผลตอนที่ไม่ได้แปะอะไรเลยมาให้ดูครับ ว่าปัจจุบันเป็นยังไง จริงๆมันก็ราบเรียบอ่ะครับ แต่สีผิวมันก็ยังมีไม่เท่ากันนะ วันนี้ไม่ได้ถ่ายมาครับ ติดไว้ก่อน^^