บันทึกเล่มเล็ก ของชายคนนึงที่เจ๊งหุ้น ตอนที่ 2
ต่อจากตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31748840
หุ้นดี ด้วยราคาต้นทุน สวยงาม อย่าง
BJC ราวๆ 19 บาท
GRAMMY ราวๆ 15 บาท
BEC ราวๆ 30 บาท
CPF ราวๆ 25 บาท
INTUCH ราวๆ 30 บาท
ไม่มีประโยชน์เลยครับ เพราะผมตัดสินใจขายหุ้นทั้ง port ด้วยการขาดทุน 2% เพื่อมาเล่นหุ้น day trade คำถามคือทำไม ผมถึงอยากเล่น day trade เพราะผมจะเล่นแบบ net settlement คือวางเงินหลักประกัน แล้วใช้วงเงินเล่น โดยกะทำกำไร ปีนึง เป็น 100 เป็น 1000 เท่าเลยครับ
ตอนนั้นยอมรับเลยครับว่า อ่อนประสบการณ์ และเพิ่งเริ่มศึกษา technical analysis เท่านั้น เวลาซื้อ ผมก็จะดูหุ้นที่ วอลุ่ม เข้า จาก ticker และ ดูกราฟ ว่าแท่งเทียน เบรค แนวต้านได้ ผมจะเคาะขวา ทันที เชื่อมั๊ยครับว่า เล่นครั้งแรกๆ กำไร เป็นกอบเป็นกำ ผมก็นึกดีใจ เอาวะ จะรวยแล้วหละ
แต่ไม่ทันไร เรื่องมันก็กระจ่างครับ ว่ามันไม่เสมอไป ครั้งหลังๆ หุ้นที่ผมเข้าไปเคาะขวา ก็เจอประเภทที่ว่า เคาะแล้วดอย คือหุ้นถูกเทขายอย่างรวดเร็วหลายช่อง และทำใจ cut-loss ไม่ได้ และ cut ไม่ทัน มาขายหุ้นอีกที ก็ ATC เพราะผมเล่นแบบ net settlement การซื้อขายต้องจบในวันเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานกำไรที่ได้มาก็หมด โดนเข้าไปถึงทุน เสียหายไปถึง 30% ของเงินเก็บทั้งหมด
ผมเลิกเล่น และ กลับมาตั้งหลักครับ "เฮ้ย มันไม่ง่ายหวะ" นี่คือความรู้สึกของผมตอนนั้น ผมจึงกลับมาคิดว่าอะไรกันนะที่จะชนะตลาดหุ้นได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ด้วยความที่ผมเรียนจบทางด้าน Statistics (สถิติ) มา
ผมจึงพยายามไปคิดค้นสูตรการซื้อขายของตัวเองใหม่ ด้วยหลักวิชาการทาง สถิติ ผมคุ้นๆนะ ว่าต้องใช้การทดสอบ แบบ Pearson's chi-squared (เพียร์สัน ไคสแควร์) แหม่ ดูวิชาการขึ้นมาแล้วนะครับ
แต่ขอเบรคไว้ก่อน ไว้จะหาเวลามาเล่าต่อนะครับ
http://www.facebook.com/hoonkakkak
บันทึกเล่มเล็ก ของชายคนนึงที่เจ๊งหุ้น - เรื่องเล่าต่างๆ จากประสบการณ์การเล่นหุ้น - ชีวิตจะดำเนินต่อไปอย่างไรโปรดติดตาม
บันทึกเล่มเล็ก ของชายคนนึงที่เจ๊งหุ้น ตอนที่ 2
ต่อจากตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31748840
หุ้นดี ด้วยราคาต้นทุน สวยงาม อย่าง
BJC ราวๆ 19 บาท
GRAMMY ราวๆ 15 บาท
BEC ราวๆ 30 บาท
CPF ราวๆ 25 บาท
INTUCH ราวๆ 30 บาท
ไม่มีประโยชน์เลยครับ เพราะผมตัดสินใจขายหุ้นทั้ง port ด้วยการขาดทุน 2% เพื่อมาเล่นหุ้น day trade คำถามคือทำไม ผมถึงอยากเล่น day trade เพราะผมจะเล่นแบบ net settlement คือวางเงินหลักประกัน แล้วใช้วงเงินเล่น โดยกะทำกำไร ปีนึง เป็น 100 เป็น 1000 เท่าเลยครับ
ตอนนั้นยอมรับเลยครับว่า อ่อนประสบการณ์ และเพิ่งเริ่มศึกษา technical analysis เท่านั้น เวลาซื้อ ผมก็จะดูหุ้นที่ วอลุ่ม เข้า จาก ticker และ ดูกราฟ ว่าแท่งเทียน เบรค แนวต้านได้ ผมจะเคาะขวา ทันที เชื่อมั๊ยครับว่า เล่นครั้งแรกๆ กำไร เป็นกอบเป็นกำ ผมก็นึกดีใจ เอาวะ จะรวยแล้วหละ
แต่ไม่ทันไร เรื่องมันก็กระจ่างครับ ว่ามันไม่เสมอไป ครั้งหลังๆ หุ้นที่ผมเข้าไปเคาะขวา ก็เจอประเภทที่ว่า เคาะแล้วดอย คือหุ้นถูกเทขายอย่างรวดเร็วหลายช่อง และทำใจ cut-loss ไม่ได้ และ cut ไม่ทัน มาขายหุ้นอีกที ก็ ATC เพราะผมเล่นแบบ net settlement การซื้อขายต้องจบในวันเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานกำไรที่ได้มาก็หมด โดนเข้าไปถึงทุน เสียหายไปถึง 30% ของเงินเก็บทั้งหมด
ผมเลิกเล่น และ กลับมาตั้งหลักครับ "เฮ้ย มันไม่ง่ายหวะ" นี่คือความรู้สึกของผมตอนนั้น ผมจึงกลับมาคิดว่าอะไรกันนะที่จะชนะตลาดหุ้นได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ด้วยความที่ผมเรียนจบทางด้าน Statistics (สถิติ) มา
ผมจึงพยายามไปคิดค้นสูตรการซื้อขายของตัวเองใหม่ ด้วยหลักวิชาการทาง สถิติ ผมคุ้นๆนะ ว่าต้องใช้การทดสอบ แบบ Pearson's chi-squared (เพียร์สัน ไคสแควร์) แหม่ ดูวิชาการขึ้นมาแล้วนะครับ
แต่ขอเบรคไว้ก่อน ไว้จะหาเวลามาเล่าต่อนะครับ
http://www.facebook.com/hoonkakkak
บันทึกเล่มเล็ก ของชายคนนึงที่เจ๊งหุ้น - เรื่องเล่าต่างๆ จากประสบการณ์การเล่นหุ้น - ชีวิตจะดำเนินต่อไปอย่างไรโปรดติดตาม