นิยายเอาไปเต็ม 100 คะแนน
ละคร ไม่ให้คะแนน
ไม่ถึงกับติดลบ ถ้าดูแบบไม่เคยอ่านนิยาย อาจดูว่าสนุก แต่คาแรกเตอร์ตัวละคร ตีความผิดไปหมด ไม่มีคะแนนจะให้เลย
แก่นของนิยายเรื่องนี้อยู่ที่ คาแรกเตอร์ของตัวละครล้วน ๆ หลินหลานเซ่อ ฤทัยนาค จงซิน แดนนี่ ต้าห่าย เหม่ยจิง หลินเพ่ยอิง หย่งเหวิน ทุกตัวละครบุคลิกชัดเจนมาก โดยเฉพาะฤทัยนาค ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 17 ที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา มีไอคิวสูง แก้ไขปัญหาเก่ง ถึกทน เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ เป็นคนฉลาดที่ไม่อวดฉลาด มีน้ำใจ เรียบง่าย และไม่เรื่องมากแบบเด็กอายุ 17 ทั่ว ๆ ไป ไม่ควรเปลี่ยนคาแรกเตอร์นี้เลยเพราะโค้ดเนมของนาคคือ คิวบิก ซึ่งเป็นตำแหน่งเงาของฉายหงกรุ๊ป ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญและใหญ่พอ ๆ กับประธานอย่างท่านหลิน สามารถสั่งการทุกคนในฉายหงกรุ๊ปแทนประธานฉายหง และทุกคนต้องทำตาม เพราะถือว่าเป็นมันสมองของฉายหงกรุ๊ป ธุรกิจมาเฟียยักษ์ใหญ่ระดับโลก
คนเขียนบท ไม่มีกึ๋นพอ!!!!!!!!! ถ้าอ่านนิยายจริง ๆ ไม่ควรตีความออกมาแบบนี้ มีอาชีพเป็นนักเขียนบท แต่ไม่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของตัวละครออกมาได้ถือว่าแย่ เหมือนคุณดูถูกบทประพันธ์ของคนเขียนนิยาย
เรื่องฉากและองค์ประกอบอื่น ๆ ของละครสำหรับเราบางอย่างมองข้ามได้เพราะถือว่านิยายมาจากจินตนาการ คงยากที่จะหาสถานที่หรือองค์ประกอบต่าง ๆ ได้เหมือนในนิยาย
คนอ่านนิยายจะมีความประทับใจในนิยายแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่พระเอกต้องหล่อ นางเอกต้องสวย เราอ่านนิยายมาเป็นร้อย ๆ เรื่อง แต่สิ่งที่หลงรักนิยายเรื่องนี้คือ คาแรคเตอร์ของนางเอก ซึ่งสำหรับเราถือว่าเป็นแก่นของนิยายเรื่องนี้ และคิวบิกเป็นนิยายเรื่องแรกที่อ่านจบรอบ 1 แล้วต้องอ่านซ้ำรอบที่ 2 ต่อทันที เพราะหลงรักนางเอกของเรื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่าคนเขียนนิยายเก่งจริง ๆ เพราะถ้านางเอกไม่เจ๋งพอ!!!!!!! ระดับเจ้าพ่อมาเฟียคงไม่ถึงขนาดต้องคลั่งรัก ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่คนอ่านนิยายธรรมดา อดไม่ได้ที่จะต้องรัก “นาค” แบบหัวปักหัวปำ
เรื่องการแคสติ้งนักแสดง เคยมีคนบอกว่าต้องเปิดใจและให้โอกาส สำหรับเราพอทำใจได้ หลังจากที่เคยเม้นท์เรื่องการแคสนักแสดงแล้วว่าไม่เหมาะ และมีประสบการณ์จากเรื่อง ฟ้าจรดทราย เพราะเรามีอคติกับ ตุ้ย ธีรภัทร์ ว่ายังไง ๆ ก็ไม่เหมาะ และไม่หล่อแบบในนิยายด้วย แต่เป็นเพราะบทที่ตีความคาแรกเตอร์ได้ตรงกับนิยาย และอินเนอร์ที่แสดงออกมาแบบเข้าใจถึงแก่นของตัวละครนั้น ๆ ทำให้มองข้ามตัวตนของตุ้ยไปได้ และรู้สึกอินกับบทบาทของชารีฟที่ตุ้ยแสดงออกมา ส่งผลให้ทุกวันนี้เราเกิดอาการคลั่งตุ้ย และจะรอดูละครเรื่องต่อ ๆ ไป
ถ้าเราเป็นคนแต่งนิยาย สิ่งที่อยากได้จากผู้จัดละครคือการเคารพในบทประพันธ์ บทมีความสำคัญมาก ถ้านิยายสนุกอยู่แล้ว คุณต้องให้เกียรติบทประพันธ์ และตีความให้ตรง สำหรับคิวบิก และอีกเรื่องคือดาวเกี้ยวเดือน เราดูแล้วเหมือนแค่ต้องการพล๊อตเรื่อง แต่นำมาปรุงแต่งตามใจคนเขียนบทและผู้จัดละครเพื่อเอาใจตลาด ก็ไม่ต่างอะไรกับละครทั่วๆ ไป ไม่จำเป็นต้องคัดสรรบทประพันธ์ดี ๆ มาก็ได้ หานิยายเล่มละ 10 บาท ตามตลาดนัดก็มีพล๊อตเรื่องที่สามารถนำมาสร้างละครได้เยอะแยะ (ซึ่งในที่นี้เราไม่ได้ดูถูกคนแต่งนิยายเล่มเล็กนะ เพราะเล่มเล็กเราก็ชอบอ่านสนุกดีด้วย แต่สำหรับนิยายเล่มใหญ่จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะและใช้เวลาคิดผลงานนานกว่า ถ้าจะนำมาสร้างละครเพื่อเปลี่ยน เสริม เติมแต่งบทประพันธ์แบบตีความผิด ๆ เรารู้สึกว่าน่าเสียดายบทประพันธ์นั้น ๆ ซึ่งกว่าผลงานจะออกมาแต่ละเล่มผู้แต่งต้องใช้กำลังแรงกาย แรงใจตั้งเท่าไหร่ )
อาจจะดูเหมือนเราว่าแรง แต่ถ้าใครจะบอกว่าคนดูละครเยอะกว่าคนอ่านนิยาย เราก็ขอย้ำคำเดิมคือนิยายเล่มละ 10 บาท มีเยอะ เราไม่อยากให้บทประพันธ์ดี ๆ ต้องมาดูไร้ค่า เพราะคำว่าการตลาด
///***/// จากนิยาย สู่บทละคร สำหรับ คิวบิก
ละคร ไม่ให้คะแนน
ไม่ถึงกับติดลบ ถ้าดูแบบไม่เคยอ่านนิยาย อาจดูว่าสนุก แต่คาแรกเตอร์ตัวละคร ตีความผิดไปหมด ไม่มีคะแนนจะให้เลย
แก่นของนิยายเรื่องนี้อยู่ที่ คาแรกเตอร์ของตัวละครล้วน ๆ หลินหลานเซ่อ ฤทัยนาค จงซิน แดนนี่ ต้าห่าย เหม่ยจิง หลินเพ่ยอิง หย่งเหวิน ทุกตัวละครบุคลิกชัดเจนมาก โดยเฉพาะฤทัยนาค ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 17 ที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา มีไอคิวสูง แก้ไขปัญหาเก่ง ถึกทน เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ เป็นคนฉลาดที่ไม่อวดฉลาด มีน้ำใจ เรียบง่าย และไม่เรื่องมากแบบเด็กอายุ 17 ทั่ว ๆ ไป ไม่ควรเปลี่ยนคาแรกเตอร์นี้เลยเพราะโค้ดเนมของนาคคือ คิวบิก ซึ่งเป็นตำแหน่งเงาของฉายหงกรุ๊ป ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญและใหญ่พอ ๆ กับประธานอย่างท่านหลิน สามารถสั่งการทุกคนในฉายหงกรุ๊ปแทนประธานฉายหง และทุกคนต้องทำตาม เพราะถือว่าเป็นมันสมองของฉายหงกรุ๊ป ธุรกิจมาเฟียยักษ์ใหญ่ระดับโลก
คนเขียนบท ไม่มีกึ๋นพอ!!!!!!!!! ถ้าอ่านนิยายจริง ๆ ไม่ควรตีความออกมาแบบนี้ มีอาชีพเป็นนักเขียนบท แต่ไม่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของตัวละครออกมาได้ถือว่าแย่ เหมือนคุณดูถูกบทประพันธ์ของคนเขียนนิยาย
เรื่องฉากและองค์ประกอบอื่น ๆ ของละครสำหรับเราบางอย่างมองข้ามได้เพราะถือว่านิยายมาจากจินตนาการ คงยากที่จะหาสถานที่หรือองค์ประกอบต่าง ๆ ได้เหมือนในนิยาย
คนอ่านนิยายจะมีความประทับใจในนิยายแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่พระเอกต้องหล่อ นางเอกต้องสวย เราอ่านนิยายมาเป็นร้อย ๆ เรื่อง แต่สิ่งที่หลงรักนิยายเรื่องนี้คือ คาแรคเตอร์ของนางเอก ซึ่งสำหรับเราถือว่าเป็นแก่นของนิยายเรื่องนี้ และคิวบิกเป็นนิยายเรื่องแรกที่อ่านจบรอบ 1 แล้วต้องอ่านซ้ำรอบที่ 2 ต่อทันที เพราะหลงรักนางเอกของเรื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่าคนเขียนนิยายเก่งจริง ๆ เพราะถ้านางเอกไม่เจ๋งพอ!!!!!!! ระดับเจ้าพ่อมาเฟียคงไม่ถึงขนาดต้องคลั่งรัก ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่คนอ่านนิยายธรรมดา อดไม่ได้ที่จะต้องรัก “นาค” แบบหัวปักหัวปำ
เรื่องการแคสติ้งนักแสดง เคยมีคนบอกว่าต้องเปิดใจและให้โอกาส สำหรับเราพอทำใจได้ หลังจากที่เคยเม้นท์เรื่องการแคสนักแสดงแล้วว่าไม่เหมาะ และมีประสบการณ์จากเรื่อง ฟ้าจรดทราย เพราะเรามีอคติกับ ตุ้ย ธีรภัทร์ ว่ายังไง ๆ ก็ไม่เหมาะ และไม่หล่อแบบในนิยายด้วย แต่เป็นเพราะบทที่ตีความคาแรกเตอร์ได้ตรงกับนิยาย และอินเนอร์ที่แสดงออกมาแบบเข้าใจถึงแก่นของตัวละครนั้น ๆ ทำให้มองข้ามตัวตนของตุ้ยไปได้ และรู้สึกอินกับบทบาทของชารีฟที่ตุ้ยแสดงออกมา ส่งผลให้ทุกวันนี้เราเกิดอาการคลั่งตุ้ย และจะรอดูละครเรื่องต่อ ๆ ไป
ถ้าเราเป็นคนแต่งนิยาย สิ่งที่อยากได้จากผู้จัดละครคือการเคารพในบทประพันธ์ บทมีความสำคัญมาก ถ้านิยายสนุกอยู่แล้ว คุณต้องให้เกียรติบทประพันธ์ และตีความให้ตรง สำหรับคิวบิก และอีกเรื่องคือดาวเกี้ยวเดือน เราดูแล้วเหมือนแค่ต้องการพล๊อตเรื่อง แต่นำมาปรุงแต่งตามใจคนเขียนบทและผู้จัดละครเพื่อเอาใจตลาด ก็ไม่ต่างอะไรกับละครทั่วๆ ไป ไม่จำเป็นต้องคัดสรรบทประพันธ์ดี ๆ มาก็ได้ หานิยายเล่มละ 10 บาท ตามตลาดนัดก็มีพล๊อตเรื่องที่สามารถนำมาสร้างละครได้เยอะแยะ (ซึ่งในที่นี้เราไม่ได้ดูถูกคนแต่งนิยายเล่มเล็กนะ เพราะเล่มเล็กเราก็ชอบอ่านสนุกดีด้วย แต่สำหรับนิยายเล่มใหญ่จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะและใช้เวลาคิดผลงานนานกว่า ถ้าจะนำมาสร้างละครเพื่อเปลี่ยน เสริม เติมแต่งบทประพันธ์แบบตีความผิด ๆ เรารู้สึกว่าน่าเสียดายบทประพันธ์นั้น ๆ ซึ่งกว่าผลงานจะออกมาแต่ละเล่มผู้แต่งต้องใช้กำลังแรงกาย แรงใจตั้งเท่าไหร่ )
อาจจะดูเหมือนเราว่าแรง แต่ถ้าใครจะบอกว่าคนดูละครเยอะกว่าคนอ่านนิยาย เราก็ขอย้ำคำเดิมคือนิยายเล่มละ 10 บาท มีเยอะ เราไม่อยากให้บทประพันธ์ดี ๆ ต้องมาดูไร้ค่า เพราะคำว่าการตลาด