คำสารภาพสุดท้ายของนักโทษประหาร "ขั้นตอนและวิธีการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า"

2.ขั้นตอนและวิธีการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า

ในการดำเนินการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้านั้น หลังจากที่เรือนจำกลางบางขวางได้รับคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรี หรือคำสั่งใดก็ตามที่มีอำนาจถูกต้องตามกฎหมาย ให้ดำเนินการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดที่ถูกศาลตัดสินลงโทษประหารชีวิต

เรือนจำจะมอบหมายหน้าที่ให้ฝ่ายทะเบียนประวัติผู้ต้องขัง ทำการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักโทษประหารว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับคำสั่งที่ให้ดำเนินการประหารชีวิตหรือไม่ เพื่อป้องกันการประหารผิดคน และเรือนจำจะออกคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการประหารชีวิต ได้แก่หัวหน้าชุดผู้ให้สัญญาณยิง 1 นาย พี่เลี้ยง 3 นาย เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพ 1 นาย เจ้าหน้าที่ทะเบียน 2 นาย หัวหน้าฝ่ายทัณฑปฎิบัติ 1 นาย หัวหน้างานทัณฑปฎิบัติ 1 นาย พลเล็งปืน 1 นาย เพชฌฆาต 2 นาย (เพชฌฆาตมือหนึ่งและเพชฌฆาตมือสอง)

โดยแจ้งเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทราบอย่างเป็นความลับที่สุด เพื่อป้องกันมิให้นักโทษที่จะถูกประหารหรือญาติของนักโทษรู้ตัวล่วงหน้า ซึ่งอาจเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้นได้เช่น การพยายามฆ่าตัวตายของนักโทษก่อนการประหาร หรือการพยายามชิงตัวนักโทษจากญาติและพวกพ้อง

สมัยที่ยังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่ ได้เกิดคดีข่มขืนฆ่าขึ้นที่จังหวัดอุดรธานีและสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เป็นพลเรือน 2 คน ทหาร 1 คน ซึ่งประจำการอยู่ที่โคราช

ศาลทหารได้ตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาใด ๆ ทั้งสิ้น

นักโทษประหารที่เป็นทหารซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำทหารโคราช ได้ใช้ขวดตีเป็นปากฉลามแล้วแทงตัวเองหวังที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหนีโทษประหาร เรือนจำทหารจึงได้รีบนำตัวส่งเข้ารักษาเพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน

จากนั้นนำตัวขึ้นรถพยาบาลไปที่เรือนจำกลางอุดรธานี เพื่อทำการประหารชีวิตพร้อมคู่คดีอีก 2 คนที่เป็นพลเรือน (ทำผิดที่ไหนประหารที่นั้น)

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถึงไม่นำตัวนักโทษที่พยายามฆ่าตัวตายผู้นั้นไปประหาร นักโทษผู้นั้นก็ต้องตายอยู่ดี เนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์และเสียเลือดมาก

แต่กฎหมายได้ระบุไว้ว่า “ผู้ต้องโทษประหารชีวิตให้นำไปยิงเสียให้ตายซึ่งด้วยปืน” จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงการประหารไปได้ และจะใช้อาวุธชนิดอื่นใดมาทำการประหารชีวิตก็ไม่ได้อีกเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ชุดประหารเมื่อรับทราบคำสั่งแล้ว จะจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ใช้ในการประหารชีวิต เช่นอาวุธปืน กระสุน กุญแจมือ ดอกไม้ธูปเทียน ด้ายดิบ มีดตัดเชือก ฯลฯ ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะใช้งานได้

จากนั้นเรือนจำจะทำหนังสือแจ้งกรรมการ เพื่อขอให้มาเป็นพยานรับทราบการประหารชีวิตในวันนั้น ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี อัยการจังหวัด ตัวแทนกรมราชทัณฑ์ แพทย์ ผู้กำกับการตำรวจสภ.อ.นนทบุรี โดยมีผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางร่วมเป็นพยานด้วย รวมทั้งแจ้งไปที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(กรมตำรวจเก่า) เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมทะเบียนประวัติของนักโทษที่จะถูกประหาร มาร่วมตรวจสอบตัวบุคคลเพื่อป้องกันการผิดพลาด และพิมพ์ลายนิ้วมือของนักโทษทั้งก่อนและหลังการประหารตามระเบียบที่วางไว้

ขั้นตอนต่อไป จะนิมนต์พระสงฆ์จากวัดบางแพรกใต้ มาเทศนาธรรมแก่นักโทษ ถ้านักโทษประหารรายใดนับถือศาสนาอื่น ทางเรือนจำจะให้เวลาประกอบพิธีทางศาสนาของตน ในช่วงเวลาก่อนการประหารเช่นเดียวกันกับศาสนาพุทธ หลังจากได้นิมนต์พระสงฆ์ไว้แล้ว

เจ้าหน้าที่ชุดประหารจะรอเวลาจนกว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำตามแดนต่าง ๆ จะนำนักโทษทั้งหมดเข้าคุมขังภายในเรือนนอนให้เป็นที่เรียบร้อย ระหว่างที่รอ เจ้าหน้าที่ชุดประหารจะแยกกันไปสวดมนต์ใหว้พระหรือประกอบพิธีตามความเชื่อของแต่ละคน

เมื่อถึงเวลาประมาณ 16.15 น. เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงพร้อมด้วยผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขังหรือผู้ทำหน้าที่แทน จะเข้าไปเบิกตัวนักโทษประหารตามรายชื่อที่มีในคำสั่ง ภายในหมวดควบคุมนักโทษประหารแดน 1 แล้วนำไปที่หมวดผู้ช่วยเหลือและประสานงาน ซึ่งใช้เป็นสถานที่ดำเนินขั้นตอนก่อนการประหาร

เริ่มจากการพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจสอบตำหนิแผลเป็น ประวัติบุคคลเช่น พ่อ แม่ ลูก เมีย ว่าถูกต้องตรงกันหรือไม่ ทั้งจากเจ้าหน้าที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนประวัติผู้ต้องขังของทางเรือนจำ

จากนั้นเวรผู้ใหญ่ จะทำการอ่านคำสั่งให้ยกฎีกาของนักโทษประหาร ที่ได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษไปแต่ไม่ผ่าน แล้วให้นักโทษเซ็นทราบในคำสั่ง

หลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้นักโทษเขียนพินัยกรรมมอบทรัพย์สินของตนให้แก่ทายาทได้ตามต้องการ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนร่วมเป็นสักขีพยาน รวมทั้งสามารถเขียนจดหมายสั่งเสียถึงลูก เมีย ญาติพี่น้องได้ตามสะดวก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนจะขอที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ เพื่อใช้ในการติดต่อแจ้งให้ญาติของนักโทษประหารทราบหลังการประหารเสร็จสิ้นแล้ว

ต่อจากนั้นจะเป็นรายการอาหารมื้อสุดท้าย ซึ่งทางเรือนจำได้จัดเตรียมไว้ให้ แต่ถ้าต้องการรับประทานสิ่งใดนอกเหนือจากที่ได้จัดให้ และเป็นอาหารที่หาได้ไม่ยากในบริเวณใกล้เคียงเรือนจำทางเจ้าหน้าที่จะจัดหามาให้ ยกเว้นสิ่งของต้องห้าม เช่น สุรา ยาเสพติด ซึ่งไม่สามารถจัดหาให้ได้อย่างเด็ดขาด

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ พี่เลี้ยงจะพานักโทษประหารไปฟังเทศนาธรรมจากพระสงฆ์ที่ได้นิมนต์มา ภายในห้องเยี่ยมนักโทษสำหรับทนาย นักโทษประหารรายไหนนับถือศาสนาอื่น ทางเรือนจำจะให้เวลาในช่วงนี้ ประกอบพิธีทางศาสนาของตนเช่นกัน

เมื่อเสร็จพิธีทางศาสนาแล้ว พี่เลี้ยงจะพาเดินไปยังห้องประหารหรือที่มีชื่อเรียกว่า “สถานที่หมดทุกข์” พี่เลี้ยงจะเข้าประคองแขนข้างละคน คอยปลอบขวัญให้กำลังใจ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งในระหว่างทาง

ถ้านักโทษประหารเดินไม่ไหว พี่เลี้ยงจะจัดรถเข็นนั่งสำหรับคนป่วยให้ ส่วนใหญ่แล้วจะขอเดินไปเองเพื่อแสดงความเข้มแข็ง แล้วไปเกิดอาการเข่าทรุดเมื่อใกล้ถึงห้องประหารแทบจะทุกราย

เส้นทางเดินไปสู่ห้องประหารนั้นมีระยะทางประมาณ 400 เมตร ระหว่างทางจะผ่านศาลเจ้าพ่อเจตคุปต์ ซึ่งเป็นสถานที่เคารพบูชาของทุกผู้คนในเรือนจำ

พี่เลี้ยงจะให้นักโทษประหารได้มีโอกาสกราบไหว้บริเวณหน้าศาลแห่งนี้ แล้วพาเดินต่อไปจนถึงศาลาแปดเหลี่ยม หรือมีชื่อเรียกว่า “ศาลาเย็นใจ”

ศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่หน้าห้องประหารพอดี ภายในศาลาเย็นใจมีโต๊ะและเก้าอี้ทาสีขาวตั้งอยู่อย่างละ 1 ตัว โดยหันหน้าเข้าหาอุโบสถวัดบางแพรกใต้ บนโต๊ะจะมีผ้าดิบและดอกไม้ธูปเทียนวางอยู่ตามจำนวนนักโทษที่จะนำเข้าประหาร

เมื่อพี่เลี้ยงพานักโทษประหารเข้าในศาลาแล้ว จะให้นักโทษนั่งที่เก้าอี้ตัวนี้ พนมมือพร้อมดอกไม้ธูปเทียนไหว้ไปทางพระประธานที่อยู่ในอุโบสถวัดบางแพรกใต้ ช่วงนี้พี่เลี้ยงจะคอยแนะนำให้นักโทษประหารนึกถึงแต่สิ่งดีงามที่เคยทำใว้พร้อมทั้งบอกให้ท่อง “พุทโธ” ไว้ในใจอย่าคิดเรื่องอื่นให้ฟุ้งซ่าน

จังหวะนี้พี่เลี้ยงคนหนึ่งจะนำผ้าดิบบนโต๊ะมาผูกตานักโทษประหารให้แน่นสนิท เพื่อป้องกันการมองเห็นภายในห้องประหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหวาดกลัวและคลุ้มคลั่งขึ้นได้ แล้วพี่เลี้ยงจะช่วยกันประคองลุกขึ้นพาเดินเข้าไปที่ห้องประหาร

ภายในห้องประหาร มีแท่นปืนตั้งอยู่ 2 แท่น มีอาวุธปืนวางติดตั้งอยู่บนแท่น 2 กระบอก ซึ่งอาวุธปืนที่ใช้ในการประหารคือ ปืนเอชเค.เอ็มพี.ไฟท์ ใช้กระสุนขนาด 9 มม.พาราเบลลั่มชนิดหัวแข็ง ติดท่อเก็บเสียงจำนวน 2 กระบอก (เวลายิงยังสามารถได้ยินเสียงปืน แต่ไม่มากนัก)

ถัดจากแท่นปืนเข้าไปประมาณ 6 เมตร จะมีหลักไม้เป็นรูปไม้กางเขน สูงประมาณ 1.80 เมตร ตั้งเรียงตรงกันกับแท่นปืนจำนวน 2 หลัก ที่กลางหลักมีแท่นไม้ยื่นออกมา 1 ท่อน สามารถถอดใส่ตามความสูงต่ำได้ 3 ระดับ หลักไม้ทั้ง 2 หลักนี้มีชื่อเรียกว่า “หลักประหาร”

ถัดจากหลักประหารเข้าไปประมาณ 1 เมตรมีกระสอบทรายวางเรียงอยู่ติดกับผนังห้อง มีความสูงประมาณ 2 เมตร ด้านขวามือภายในห้องประหารจะมีห้องเล็กอยู่ 1 ห้อง กว้างประมาณ 1.50 เมตร ยาวประมาณ 3.50 เมตร เป็นห้องโล่งว่างเปล่า(บางครั้งใช้เก็บโลงศพเปล่าด้วย)

เมื่อพี่เลี้ยงประคองนักโทษเข้ามาถึงหลักประหารแล้ว ถ้าเป็นการประหารเพียงรายเดียวจะใช้หลักประหารด้านขวามือหรือ “หลักที่ 1”

แต่ถ้ามากกว่า 1 รายขึ้นไป จะใช้หลักประหารด้านซ้ายมือหรือ “หลักที่ 2” ร่วมทำการประหารด้วย

พี่เลี้ยงจะจับให้นักโทษประหารนั่งบนแท่นไม้ที่ปรับระดับตามขนาดความสูงของตัวนักโทษผู้นั้น การนั่งจะต้องให้ขาทั้ง 2 ข้างลอยพ้นจากพื้นไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ และต้องหันหน้าเข้าหาหลักประหาร โดยมีแท่นปืนตั้งอยู่ที่ด้านหลังของนักโทษประหาร

พี่เลี้ยงจะจับให้นักโทษเอามือโอบรอบหลักประหาร โดยให้ศอกทั้ง 2 ข้างวางบนไม้กางเขนซึ่งสูงเสมอไหล่ของนักโทษ

ต่อจากนั้นพี่เลี้ยงจะทำการมัดตัวของนักโทษ ให้ติดกับหลักประหารด้วยด้ายดิบทั้งหมด 5 จุดด้วยกันคือ ที่เอว ที่หน้าอก ให้ติดกับเสาหลักประหารที่ข้อศอกทั้ง 2 ข้าง ให้ติดกับไม้กางเขนทั้ง 2 ด้าน และที่ข้อมือในลักษณะที่พนมมือโอบรอบเสามีดอกไม้ธูปเทียนอยู่ภายในอุ้งมือด้วย

การมัดตัวนักโทษให้ติดกับหลักประหารทั้ง 5 จุดนี้ ต้องมัดให้แน่นจนนักโทษไม่สามารถขยับตัวได้ เสร็จแล้วจะเชิญแพทย์มาชี้จุดที่ตั้งของหัวใจบริเวณแผ่นหลังของนักโทษประหาร เมื่อได้จุดที่ตั้งของหัวใจแล้ว พี่เลี้ยงจะใช้ช็อล์กกากบาทจุดไว้

ต่อจากนั้นจะยกแผงผ้าม่านซึ่งมีขนาดความกว้างประมาณ 1.20 เมตร สูงประมาณ 2.00 เมตร มาตั้งที่ด้านหลังของนักโทษประหาร โดยให้ห่างประมาณ 1 ฟุต

ที่แผงผ้าม่านนี้จะมีเป้าตาวัวติดอยู่ตรงกลางผืนผ้าม่าน 1 เป้า หันหน้าเป้าเข้าหาแท่นปืนและสามารถขยับเป้าขึ้นลงได้โดยการเลื่อนผ้าม่านขึ้นลง ที่กรอบของแผงผ้าม่านจะมีแผ่นไม้ขนาดความกว้างประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณครึ่งนิ้ว ตีล้อมรอบแผงผ้าม่านตามแนวนอน สามารถขยับแผ่นไม้นี้ขึ้นลงได้ ตรงกลางของแผ่นไม้จะมีเดือยยื่นออกมาทั้งสองด้านตรงกัน ด้านหนึ่งจะชี้เข้าหาแผ่นหลังของนักโทษประหาร ส่วนอีกด้านหนึ่งจะชี้เข้าหาแท่นปืน พี่เลี้ยงจะช่วยกันขยับแผ่นไม้นี้ให้เดือยด้านที่ชี้เข้าหานักโทษตรงกับจุดที่ตั้งของหัวใจที่ทำเครื่องหมายไว้ แล้วจับยึดแผ่นไม้นี้ไว้ให้นิ่งสนิทอยู่กับที่ ต่อจากนั้นจะขยับผืนผ้าม่านเลื่อนขึ้นลง โดยให้จุดศูนย์กลางของเป้าตาวัวตรงกับจุดศูนย์กลางของเดือยด้านที่หันเข้าหาแท่นปืน เสร็จแล้วจะเลื่อนแผ่นไม้นี้ขึ้นล็อกเก็บที่ด้านบนของแผงผ้าม่าน จุดศูนย์กลางของเป้าตาวัวจะตรงกับจุดที่ตั้งของหัวใจนักโทษประหารพอดี

เมื่อตั้งเป้าเสร็จแล้วพี่เลี้ยงจะใช้ทรายแห้งโรยรอบหลักประหาร เพื่อให้ซับเลือดของนักโทษประหารหลังจากถูกยิง ซึ่งจะไหลนองลงมาจากหลักประหารจำนวนมาก และกล่าวขอขมาลาโทษต่อนักโทษประหารอีกครั้งหนึ่ง

*** มีต่อในกล่องแสดงความคิดเห็น ***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่