คัดมาจากตำราเรียนของมหาวิทยาลัย น่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง น่าเชื่อถือมากกว่าบทความที่เขียนเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตทั่วๆไปโดยไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน
พฤติกรรมนักท่องเที่ยว (Tourist Behavior)
ภูมิหลังของนักท่องเที่ยวชาติต่างๆ
สิงคโปร์
มีลักษณะโครงสร้างทางสังคมเป็นแบบพหุสังคม (Multi Society) สิงคโปร์เป็นสังคมที่มีหลายเชื้อชาติอยู่รวมกันมีภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่าง นอกจากนี้ ยังมีศาสนาต่างๆ กันออกไปตามเชื้อชาติ สิงขโปร์มีชนเชื้อชาติต่างๆ ได้แก่ ชาวมาเลย์ จีน อินเดีย อาหรับ และยุโรป อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในสิงคโปร์จำนวนมาก เพราะเมื่ออังกฤษเข้าไปปกครองสิงคโปร์ได้ใช้นโยบายให้คนเข้าเมืองได้อย่างเสรี ชาติเหล่านี้ต่างก็นำเอาศิลปวัฒนธรรมของต้นเข้ามาด้วย สิงคโปร์จึงเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ มีชาวต่างชาติ ต่างภาษามากมาย อาหารหลายแบบ ตลอดจนงานฉลองเทศกาลของชนแต่ละเชื้อชาติ มีวนเวียนตลอดปี ชาวมาเลย์ จีน อินเดีย อาหรับ และยุโรป ต่างก็รักษารูปแบบของศิลปวัฒนธรรมตลอดจนการแต่งกายของตนเอง ไว้ยากที่จะชี้ชัดลงไปว่าวัฒนธรรมของใครจะเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ นอกจากนี้ภาษาพูดก็ยังแตกต่างกันออกไป ทำให้สิงคโปร์ใช้ภาษาติดต่อราชการได้ถึง 4 ภาษา คือ ภาษามาเลย์ ภาษาจีน ( แมนดาริน ) ภาษาทมิฬ และภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสิงค์โปร์พยายามสร้างเอกลักษณ์ใหม่ โดยให้คนทุกเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน ให้ถือว่าทุกเชื้อชาติเป็นชาวสิงคโปร์ (Singaporean) เหมือนกันหมด ชาวสิงคโปร์ถือว่าเป็นคนที่มีระเบียบวินัยและมีมาตรฐานการครองชีพสูงเป็นที่ 2 รองจากญี่ปุ่น ในย่านเอเชียนี้ ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวจีน แต่ด้วยความเป็นชาติที่ขยันขันแข็ง และมีนิสัยรักการค้าขาย จึงทำให้ชาวจีนที่อพยพเข้าไปอยู่ในสิงคโปร์กลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการค้า เป็นเจ้าของกิจการธุรกิจ เป็นนายธนาคาร เจ้าของโรงแรม ส่วนชาวอินเดียกลับกลายเป็นผู้ใช้แรงงาน ประกอบอาชีพเป็นกรรมการชาวมาเลย์ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม อย่างไรก็ตามชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่มีฐานะอยู่ในระดับชนชั้นกลาง และชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีระเบียบวินัยเคารพกฎหมายและถ่อมตน ทำงานอย่างจริงจัง เป็นนักอนุรักษ์นิยม รักธรรมชาติ มีการอนุรักษ์ต้นไม้ อย่างจริงจัง รักษาความสะอาดซึ่งถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนำความรู้เรื่องนี้มาเผยแพร่ พลเมืองส่วนใหญ่ของสิงคโปร์ที่เป็นวัยรุ่นจะมีลักษณะรุนแรง มีความทะเยอทะยานสูง และนิยมการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในเรื่องของการเมือง
มาเลเซีย
ประกอบด้วยพลเมืองหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน แต่ละเชื้อชาติก็มีภาษา ศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ แต่การประกอบศาสนากิจตามศาสนาอื่น ๆ ก็ได้รับอนุญาติเช่นกัน ชาติที่สำคัญได้แก่ มาลายู แขกและจีน ชาวมาเลเซียมีอุดมการณ์แห่งชาติหรือหลักปัญจศีลประจำชาติดังนี้
• มีความศรัทธาในพระผู้เป็นพระเจ้า
• มีความจงรักภักดีต่อพระราชาธิบดี
• สนับสนุนการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญ
• ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย
• มีศีลธรรมจรรยาและมีความประพฤติดี
ชาวมาลายูไม่ชอบการค้าขาย ชอบกิจกรรมการทอผ้า จักสาน จึงทำให้การค้าและเศรษฐกิจ ตกอยู่ในกำมือของฝรั่ง แขก และจีนเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากชาวมาลายูนับถือศาสนาอิสลาม ผู้ชายชาวมาลายู จึงมีลักษณะเป็นผู้นำของครอบครัวในทุก ๆ ด้าน คือจะเป็นผู้ตัดสินใจในการกระทำทุกอย่างโดยมีผู้หญิงตามหลังเสมอ ชาวจีนในมาเลเซียถือเอาวันคริตสมาสเป็นวันสำคัญที่สุด และวันตรุษจีนเป็นวันสำคัญรองลงมารวมไปถึงการตั้งชื่อก็นิยมใช้ชื่อเป็นฝรั่ง เช่น เฮนรี จอห์น ปีเตอร์ เป็นต้น
เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ของมาเลเซีย เป็นชาวมาเลย์หรือชาวมาลายู ชาวจีนและแขก ซึ่งทั้ง 3 ชาตินี้มีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนศาสนาไม่เหมือนกันจึงทำให้การกระทบกระทั้งกันมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ชาวมาเลย์เป็นเจ้าของประเทศ แต่อำนาจทางเศรษฐกิจทั้งหลายนั้นอยู่ในมือของคนจีน รัฐบาลมาเลเซียได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ปัญหาเรื่องเชื้อชาติหมดไป แต่ดูเหมือนยังเป็นไปไม่ได้ในเร็ววันนี้ ภาษามาเลย์เป็นภาษาที่ราชการ ส่วนภาษาอังกฤษใช้กันแพร่หลายในวงการค้าและอุตสาหกรรม
ฮ่องกง
หลังจากจากถูกปกครองมานานจากประเทศอังกฤษ ปัจจุบันฮ่องกงถือเป็นส่วนหนึ่งของชาวประเทศจีน ฮ่องกงจึงเป็นประเทศที่ได้รับอิทธิพลในหลายๆ ด้านจากชาติทางตะวันตก และจากจีนเองเพราะในฮ่องกงมีทั้งคนที่มาจากอังกฤษ อินเดีย โปตุเกส และชาวจีน ซึ่งมีการติดต่อเกี่ยวข้องกันมากทั้งในด้านการค้า สังคม การศึกษา และ วัฒนธรรม ดังนั้นชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นไปตามแบบแผนเช่นชาวตะวันตก นับตั้งแต่การแต่งกาย ของใช้และรูปแบบการดำเนินชีวิต
แต่ในขณะเดียวกัน ชาวฮ่องกงยังเอาวิถีการดำเนินชีวิตในครอบครัวแบบชาวจีนที่บรรพบุรุษสั่งสอนมาด้วย มิใช่วาจะรับแต่ของชาวตะวันตกอย่างเดียว เช่น การรับประทานอาหารในบ้านก็ยังใช้ตะเกียบ หรือการเคารพกราบไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลงานสำคัญตามแบบวัฒนธรรมชาวจีน
ชาวฮ่องกงเป็นคนคบง่ายโดยทั่วๆ ไป มีนิสัยร่าเริง เปิดเผย ชอบสนุก ขยันขันแข็ง อดทน รับความจริง ชอบการสมาคม แต่บางครั้งการที่ต้องแข็งขันกันทำมาหากินก็ทำให้ชาวฮ่องกงเห็นแก่ตัว เวลาสนทนาก็ทำกันอย่างเสรีไม่มีความเกรงใจว่าใครจะรำคาญหรือหนวกหูหรือไม่ ภาษากวางตุ้งและภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของฮ่องกง
ไต้หวัน
ประชาชนและรัฐบาลเสรีได้ร่วมกันสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรือง และความทันสมัยให้แก่ชุมชนในไต้หวัน ขณะเดียวกันคุณค่าของทางวัฒนธรรมและสังคมในอดีตก็ได้รับการพิทักษ์รักษาไว้ ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงออกด้านความคิด การศึกษา และมีเสรีภาพในการดำรงชีวิตในกรอบของกฎหมายและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น
ชาวไต้หวันเป็นคนรักอิสระเห็นได้จากผู้ต่อสู้เพื่ออิสระภาพของประเทศ มีความสนใจในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ชอบเล่นกีฬาหลายๆ ประเภท เช่น กอล์ฟ เบสบอล บาสเกตบอล เป็นต้น เอาใจใส่ต่อการปกครองของประเทศ มีความละเอียดอ่อนจะเห็นได้จากศิลปะการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน การร่ายรำที่อ่อนช้อยงดงาม รวมทั้งการเล่นดนตรี ปัจจุบันไต้หวันเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจ ฐานะดีประเทศหนึ่งซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันจำนวนมากเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก
ญี่ปุ่น
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ ชาวญี่ปุ่นได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะผสมกลมกลืน และดัดแปลงความคิดใหม่ๆ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมเฉพาะตัวของตนเอง ถึงแม้ว่าว่าญี่ปุ่น จะได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมหลายอย่างมาจากจีน ซึ่งวัฒนธรรมบางอย่างไม่เป็นที่นิยมในจีนแล้ว แต่ยังเป็นที่นิยมในประเทศที่ญี่ปุ่น เช่นการนั่งทานข้าวบนเสื่อและความนิยมใช้ฉากกระดานกั้นห้อง เป็นต้น นอกจากอิทธิพลของจีนแล้ว วัฒนธรรมของตะวันตกก็เข้ามามีอิทธิพลในญี่ปุ่นอย่างจริงจังหลังปี พ . ศ . 2411 เป็นต้นมาและการเลียนแบบฝรั่งทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาเศรษฐกิจ ได้อย่างรวดเร็วจนเป็นประเทศอุสาหกรรม ได้ภายในเวลาระยะสั้น
นอกจากนี่ศาสนานับว่ามีส่วนสำคัญในการปลูกฝังความคิด และลักษณะชินโตซึ่งเป็นศาสนาเก่าแก่ของญี่ปุ่นนั้น ทำให้คนญี่ปุ่นรักครอบครัวและเคารพบรรพบุรุษ ชาวญี่ปุ่นระลึกอยู่เสมอว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว จะคอยคุ้มครองรักษาให้คุณหรือโทษให้กับครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง การเคารพบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ส่งผลให้คนญี่ปุ่นเกิดความเคารพนับถือผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ คนที่อยู่ในครอบครัวต้องเคารพกตัญญูกตเวทีและเชื่อฟังหัวหน้าครอบครัว คนที่อ่อนกว่าต้องเชื่อฟังคนที่อาวุโสกว่าและถ้าอายุเท่ากันหญิงต้องเชื่อฟังฝ่ายชาย นอกจากนี้ศาสนาชินโตสอนไว้ว่า วิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักดับคนที่ตายไปแล้วไม่ไปไหนอยู่กับครอบครัวเสมอ ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงมักมีความกล้าหาญไม่กลัวความตาย และเป็นคนที่ทำอะไรจริงจัง นอกจากนี้ธรรมชาติอันผันผวน เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ทำให้มีคนญี่ปุ่นมีความอดทน ระมัดระวังสูง และมีแบบแผนในการดำรงชีวิต คนญี่ปุ่นจะสอนลูกหลานให้รู้จักอดทนและมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างรัดกุม ซึ่งความลำบากจากผลพวงของสงครามที่ผ่านมา เป็นลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีความคิดที่จะร่วมมือกันทำงาน ขยัน อดทน และมีผลให้คนญี่ปุ่นสามารทำงานกันเป็นทีมได้ดีเยี่ยมเนื่องจากมีความสามัคคีและมีความเป็นชาตินิยมสูง
ส่วนศาสนาขงจื้อสอนไว้ว่า คนดีต้องมีความจริง ถ่อมตน ประหยัดไม่สุรุ่ยสุร่าย ระวังกิริยา ไม่พูดอย่างไร้สาระ ทำให้คนญี่ปุ่นไม่พูดมากเหมือนคนชาติอื่นๆ ไม่ยิ้มหัวมากกลัวจะเสียมารยาท นี่เป็นลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งของคนญี่ปุ่นในปัจจุบัน ที่ทำให้คนต่างชาติไม่ค่อยเข้าใจว่าคนญี่ปุ่นคิดอย่างไร การไม่ค่อยพูดจาหรือไม่แสดงความรู้สึกออกทางหน้าตา ทำให้คนต่างชาติไม่ค่อยเข้าใจว่าคนญี่ปุ่นพอใจหรือไม่พอใจ ชอบหรือไม่ชอบ อย่างไร
พฤติกรรมนักท่องเที่ยว (Tourist Behavior) ภูมิหลังของนักท่องเที่ยวชาติต่างๆ
ภูมิหลังของนักท่องเที่ยวชาติต่างๆ
มีลักษณะโครงสร้างทางสังคมเป็นแบบพหุสังคม (Multi Society) สิงคโปร์เป็นสังคมที่มีหลายเชื้อชาติอยู่รวมกันมีภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่าง นอกจากนี้ ยังมีศาสนาต่างๆ กันออกไปตามเชื้อชาติ สิงขโปร์มีชนเชื้อชาติต่างๆ ได้แก่ ชาวมาเลย์ จีน อินเดีย อาหรับ และยุโรป อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในสิงคโปร์จำนวนมาก เพราะเมื่ออังกฤษเข้าไปปกครองสิงคโปร์ได้ใช้นโยบายให้คนเข้าเมืองได้อย่างเสรี ชาติเหล่านี้ต่างก็นำเอาศิลปวัฒนธรรมของต้นเข้ามาด้วย สิงคโปร์จึงเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ มีชาวต่างชาติ ต่างภาษามากมาย อาหารหลายแบบ ตลอดจนงานฉลองเทศกาลของชนแต่ละเชื้อชาติ มีวนเวียนตลอดปี ชาวมาเลย์ จีน อินเดีย อาหรับ และยุโรป ต่างก็รักษารูปแบบของศิลปวัฒนธรรมตลอดจนการแต่งกายของตนเอง ไว้ยากที่จะชี้ชัดลงไปว่าวัฒนธรรมของใครจะเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ นอกจากนี้ภาษาพูดก็ยังแตกต่างกันออกไป ทำให้สิงคโปร์ใช้ภาษาติดต่อราชการได้ถึง 4 ภาษา คือ ภาษามาเลย์ ภาษาจีน ( แมนดาริน ) ภาษาทมิฬ และภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสิงค์โปร์พยายามสร้างเอกลักษณ์ใหม่ โดยให้คนทุกเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน ให้ถือว่าทุกเชื้อชาติเป็นชาวสิงคโปร์ (Singaporean) เหมือนกันหมด ชาวสิงคโปร์ถือว่าเป็นคนที่มีระเบียบวินัยและมีมาตรฐานการครองชีพสูงเป็นที่ 2 รองจากญี่ปุ่น ในย่านเอเชียนี้ ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวจีน แต่ด้วยความเป็นชาติที่ขยันขันแข็ง และมีนิสัยรักการค้าขาย จึงทำให้ชาวจีนที่อพยพเข้าไปอยู่ในสิงคโปร์กลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการค้า เป็นเจ้าของกิจการธุรกิจ เป็นนายธนาคาร เจ้าของโรงแรม ส่วนชาวอินเดียกลับกลายเป็นผู้ใช้แรงงาน ประกอบอาชีพเป็นกรรมการชาวมาเลย์ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม อย่างไรก็ตามชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่มีฐานะอยู่ในระดับชนชั้นกลาง และชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีระเบียบวินัยเคารพกฎหมายและถ่อมตน ทำงานอย่างจริงจัง เป็นนักอนุรักษ์นิยม รักธรรมชาติ มีการอนุรักษ์ต้นไม้ อย่างจริงจัง รักษาความสะอาดซึ่งถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนำความรู้เรื่องนี้มาเผยแพร่ พลเมืองส่วนใหญ่ของสิงคโปร์ที่เป็นวัยรุ่นจะมีลักษณะรุนแรง มีความทะเยอทะยานสูง และนิยมการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในเรื่องของการเมือง
ประกอบด้วยพลเมืองหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน แต่ละเชื้อชาติก็มีภาษา ศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ แต่การประกอบศาสนากิจตามศาสนาอื่น ๆ ก็ได้รับอนุญาติเช่นกัน ชาติที่สำคัญได้แก่ มาลายู แขกและจีน ชาวมาเลเซียมีอุดมการณ์แห่งชาติหรือหลักปัญจศีลประจำชาติดังนี้
• มีความศรัทธาในพระผู้เป็นพระเจ้า
• มีความจงรักภักดีต่อพระราชาธิบดี
• สนับสนุนการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญ
• ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย
• มีศีลธรรมจรรยาและมีความประพฤติดี
ชาวมาลายูไม่ชอบการค้าขาย ชอบกิจกรรมการทอผ้า จักสาน จึงทำให้การค้าและเศรษฐกิจ ตกอยู่ในกำมือของฝรั่ง แขก และจีนเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากชาวมาลายูนับถือศาสนาอิสลาม ผู้ชายชาวมาลายู จึงมีลักษณะเป็นผู้นำของครอบครัวในทุก ๆ ด้าน คือจะเป็นผู้ตัดสินใจในการกระทำทุกอย่างโดยมีผู้หญิงตามหลังเสมอ ชาวจีนในมาเลเซียถือเอาวันคริตสมาสเป็นวันสำคัญที่สุด และวันตรุษจีนเป็นวันสำคัญรองลงมารวมไปถึงการตั้งชื่อก็นิยมใช้ชื่อเป็นฝรั่ง เช่น เฮนรี จอห์น ปีเตอร์ เป็นต้น
เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ของมาเลเซีย เป็นชาวมาเลย์หรือชาวมาลายู ชาวจีนและแขก ซึ่งทั้ง 3 ชาตินี้มีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนศาสนาไม่เหมือนกันจึงทำให้การกระทบกระทั้งกันมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ชาวมาเลย์เป็นเจ้าของประเทศ แต่อำนาจทางเศรษฐกิจทั้งหลายนั้นอยู่ในมือของคนจีน รัฐบาลมาเลเซียได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ปัญหาเรื่องเชื้อชาติหมดไป แต่ดูเหมือนยังเป็นไปไม่ได้ในเร็ววันนี้ ภาษามาเลย์เป็นภาษาที่ราชการ ส่วนภาษาอังกฤษใช้กันแพร่หลายในวงการค้าและอุตสาหกรรม
หลังจากจากถูกปกครองมานานจากประเทศอังกฤษ ปัจจุบันฮ่องกงถือเป็นส่วนหนึ่งของชาวประเทศจีน ฮ่องกงจึงเป็นประเทศที่ได้รับอิทธิพลในหลายๆ ด้านจากชาติทางตะวันตก และจากจีนเองเพราะในฮ่องกงมีทั้งคนที่มาจากอังกฤษ อินเดีย โปตุเกส และชาวจีน ซึ่งมีการติดต่อเกี่ยวข้องกันมากทั้งในด้านการค้า สังคม การศึกษา และ วัฒนธรรม ดังนั้นชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นไปตามแบบแผนเช่นชาวตะวันตก นับตั้งแต่การแต่งกาย ของใช้และรูปแบบการดำเนินชีวิต
แต่ในขณะเดียวกัน ชาวฮ่องกงยังเอาวิถีการดำเนินชีวิตในครอบครัวแบบชาวจีนที่บรรพบุรุษสั่งสอนมาด้วย มิใช่วาจะรับแต่ของชาวตะวันตกอย่างเดียว เช่น การรับประทานอาหารในบ้านก็ยังใช้ตะเกียบ หรือการเคารพกราบไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลงานสำคัญตามแบบวัฒนธรรมชาวจีน
ชาวฮ่องกงเป็นคนคบง่ายโดยทั่วๆ ไป มีนิสัยร่าเริง เปิดเผย ชอบสนุก ขยันขันแข็ง อดทน รับความจริง ชอบการสมาคม แต่บางครั้งการที่ต้องแข็งขันกันทำมาหากินก็ทำให้ชาวฮ่องกงเห็นแก่ตัว เวลาสนทนาก็ทำกันอย่างเสรีไม่มีความเกรงใจว่าใครจะรำคาญหรือหนวกหูหรือไม่ ภาษากวางตุ้งและภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของฮ่องกง
ประชาชนและรัฐบาลเสรีได้ร่วมกันสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรือง และความทันสมัยให้แก่ชุมชนในไต้หวัน ขณะเดียวกันคุณค่าของทางวัฒนธรรมและสังคมในอดีตก็ได้รับการพิทักษ์รักษาไว้ ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงออกด้านความคิด การศึกษา และมีเสรีภาพในการดำรงชีวิตในกรอบของกฎหมายและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น
ชาวไต้หวันเป็นคนรักอิสระเห็นได้จากผู้ต่อสู้เพื่ออิสระภาพของประเทศ มีความสนใจในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ชอบเล่นกีฬาหลายๆ ประเภท เช่น กอล์ฟ เบสบอล บาสเกตบอล เป็นต้น เอาใจใส่ต่อการปกครองของประเทศ มีความละเอียดอ่อนจะเห็นได้จากศิลปะการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน การร่ายรำที่อ่อนช้อยงดงาม รวมทั้งการเล่นดนตรี ปัจจุบันไต้หวันเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจ ฐานะดีประเทศหนึ่งซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันจำนวนมากเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ ชาวญี่ปุ่นได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะผสมกลมกลืน และดัดแปลงความคิดใหม่ๆ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมเฉพาะตัวของตนเอง ถึงแม้ว่าว่าญี่ปุ่น จะได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมหลายอย่างมาจากจีน ซึ่งวัฒนธรรมบางอย่างไม่เป็นที่นิยมในจีนแล้ว แต่ยังเป็นที่นิยมในประเทศที่ญี่ปุ่น เช่นการนั่งทานข้าวบนเสื่อและความนิยมใช้ฉากกระดานกั้นห้อง เป็นต้น นอกจากอิทธิพลของจีนแล้ว วัฒนธรรมของตะวันตกก็เข้ามามีอิทธิพลในญี่ปุ่นอย่างจริงจังหลังปี พ . ศ . 2411 เป็นต้นมาและการเลียนแบบฝรั่งทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาเศรษฐกิจ ได้อย่างรวดเร็วจนเป็นประเทศอุสาหกรรม ได้ภายในเวลาระยะสั้น
นอกจากนี่ศาสนานับว่ามีส่วนสำคัญในการปลูกฝังความคิด และลักษณะชินโตซึ่งเป็นศาสนาเก่าแก่ของญี่ปุ่นนั้น ทำให้คนญี่ปุ่นรักครอบครัวและเคารพบรรพบุรุษ ชาวญี่ปุ่นระลึกอยู่เสมอว่าบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว จะคอยคุ้มครองรักษาให้คุณหรือโทษให้กับครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง การเคารพบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ส่งผลให้คนญี่ปุ่นเกิดความเคารพนับถือผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ คนที่อยู่ในครอบครัวต้องเคารพกตัญญูกตเวทีและเชื่อฟังหัวหน้าครอบครัว คนที่อ่อนกว่าต้องเชื่อฟังคนที่อาวุโสกว่าและถ้าอายุเท่ากันหญิงต้องเชื่อฟังฝ่ายชาย นอกจากนี้ศาสนาชินโตสอนไว้ว่า วิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักดับคนที่ตายไปแล้วไม่ไปไหนอยู่กับครอบครัวเสมอ ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงมักมีความกล้าหาญไม่กลัวความตาย และเป็นคนที่ทำอะไรจริงจัง นอกจากนี้ธรรมชาติอันผันผวน เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ทำให้มีคนญี่ปุ่นมีความอดทน ระมัดระวังสูง และมีแบบแผนในการดำรงชีวิต คนญี่ปุ่นจะสอนลูกหลานให้รู้จักอดทนและมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างรัดกุม ซึ่งความลำบากจากผลพวงของสงครามที่ผ่านมา เป็นลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีความคิดที่จะร่วมมือกันทำงาน ขยัน อดทน และมีผลให้คนญี่ปุ่นสามารทำงานกันเป็นทีมได้ดีเยี่ยมเนื่องจากมีความสามัคคีและมีความเป็นชาตินิยมสูง
ส่วนศาสนาขงจื้อสอนไว้ว่า คนดีต้องมีความจริง ถ่อมตน ประหยัดไม่สุรุ่ยสุร่าย ระวังกิริยา ไม่พูดอย่างไร้สาระ ทำให้คนญี่ปุ่นไม่พูดมากเหมือนคนชาติอื่นๆ ไม่ยิ้มหัวมากกลัวจะเสียมารยาท นี่เป็นลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งของคนญี่ปุ่นในปัจจุบัน ที่ทำให้คนต่างชาติไม่ค่อยเข้าใจว่าคนญี่ปุ่นคิดอย่างไร การไม่ค่อยพูดจาหรือไม่แสดงความรู้สึกออกทางหน้าตา ทำให้คนต่างชาติไม่ค่อยเข้าใจว่าคนญี่ปุ่นพอใจหรือไม่พอใจ ชอบหรือไม่ชอบ อย่างไร