คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 21
ถ้าความสามารถระดับหารายได้เกินแสนต่อเดือน
คิดว่า การหาความรุ้ในการลงทุนหุ้นคงไม่น่ายากเกินไป
แต่การลงทุนในหุ้นแบบระยะยาว คิดว่าเป็นการมองแบบธุรกิจ ต้องมีวิสัยทัศน์
และจากที่บอกว่าจะไม่ซื้อขายบ่อย เปลี่ยนตัวบ่อย (ไม่รู้จริงๆจะทำได้หรือเปล่า)
ส่วนตัวมองว่าน่าจะลงในหุ้นกิจการดี มั่นคง มีปันผลต่อเนื่อง และกิจการโตทุกปี ปีละไม่มากก็ได้
CPF AOT BGH AAV
จากที่บอกชอบ BGH กับ AOT นะ แต่ราคา BGH AOT ส่วนตัวมองว่ายังค่อนข้างแพง
คิดว่าีล้านนึงมี 5 ตัวๆละ 2 แสนน่าจะโอนะ
แนะนำกลุ่มค้าปลีก 1-2 ตัว สื่อสาร 1 ตัว รพ 1 ตัว แบงค์ 1 ตัวหรือพลังงาน/ไฟฟ้า 1 ตัว
คิดว่าค้าปลีกโตไปเรื่อยๆ สื่อสารโตตามเทรนด์คนรุ่นใหม่อยู่แล้ว แบงค์ค่อนข้างมั่นคง รพ.ค่อนข้างดีเฟนซีฟ
ประปา ไฟฟ้า ไรก็พอได้
โดยทุกตัวเน้นที่ราคาเข้าซื้อเป็นหลัก
ถ้าราคาลงมาเยอะมากๆ โอกาสขาดทุนก้อจะน้อยตาม เพราะ Yield จากปันผลสูงจะกดราคาลงได้อีกไม่มาก
แนะนำเก็บเงินในฝากประจำไปก่อน ถ้ามีจังหวะหุ้นตกแบบแรงๆ ค่อยถอนออกมาซื้อ แนะนำว่าไม่ต้องรีบซื้อ
โดยดูตัวที่เล็งเอาไว้ถ้าได้ราคาที่คิดว่าถูก มี MOS ก็เริ่มซื้อได้เลยทยอยซื้อนะ
พวกกลุ่มใหญ่ๆมันจะมีรอบราคาขึ้นลงของมัน อันนี้ลองศึกษาดูกราฟย้อนหลังก็ได้
บางทีเงินสดมันก็มีค่าในตัวของมันเอง เวลาที่เศรษฐกิจไม่ดี ถ้าหุ้นตกแรงเรามีเงินสด ก็เก็บได้
แนะนำอสังหาถ้าเงินเย็นมาก เก็บค่าเช่า สีก 3-6% สบายๆ กำไรเห็นๆ และคิดว่าคุณกู้ได้ เพราะเงินเดือนสูง
คิดว่า การหาความรุ้ในการลงทุนหุ้นคงไม่น่ายากเกินไป
แต่การลงทุนในหุ้นแบบระยะยาว คิดว่าเป็นการมองแบบธุรกิจ ต้องมีวิสัยทัศน์
และจากที่บอกว่าจะไม่ซื้อขายบ่อย เปลี่ยนตัวบ่อย (ไม่รู้จริงๆจะทำได้หรือเปล่า)
ส่วนตัวมองว่าน่าจะลงในหุ้นกิจการดี มั่นคง มีปันผลต่อเนื่อง และกิจการโตทุกปี ปีละไม่มากก็ได้
CPF AOT BGH AAV
จากที่บอกชอบ BGH กับ AOT นะ แต่ราคา BGH AOT ส่วนตัวมองว่ายังค่อนข้างแพง
คิดว่าีล้านนึงมี 5 ตัวๆละ 2 แสนน่าจะโอนะ
แนะนำกลุ่มค้าปลีก 1-2 ตัว สื่อสาร 1 ตัว รพ 1 ตัว แบงค์ 1 ตัวหรือพลังงาน/ไฟฟ้า 1 ตัว
คิดว่าค้าปลีกโตไปเรื่อยๆ สื่อสารโตตามเทรนด์คนรุ่นใหม่อยู่แล้ว แบงค์ค่อนข้างมั่นคง รพ.ค่อนข้างดีเฟนซีฟ
ประปา ไฟฟ้า ไรก็พอได้
โดยทุกตัวเน้นที่ราคาเข้าซื้อเป็นหลัก
ถ้าราคาลงมาเยอะมากๆ โอกาสขาดทุนก้อจะน้อยตาม เพราะ Yield จากปันผลสูงจะกดราคาลงได้อีกไม่มาก
แนะนำเก็บเงินในฝากประจำไปก่อน ถ้ามีจังหวะหุ้นตกแบบแรงๆ ค่อยถอนออกมาซื้อ แนะนำว่าไม่ต้องรีบซื้อ
โดยดูตัวที่เล็งเอาไว้ถ้าได้ราคาที่คิดว่าถูก มี MOS ก็เริ่มซื้อได้เลยทยอยซื้อนะ
พวกกลุ่มใหญ่ๆมันจะมีรอบราคาขึ้นลงของมัน อันนี้ลองศึกษาดูกราฟย้อนหลังก็ได้
บางทีเงินสดมันก็มีค่าในตัวของมันเอง เวลาที่เศรษฐกิจไม่ดี ถ้าหุ้นตกแรงเรามีเงินสด ก็เก็บได้
แนะนำอสังหาถ้าเงินเย็นมาก เก็บค่าเช่า สีก 3-6% สบายๆ กำไรเห็นๆ และคิดว่าคุณกู้ได้ เพราะเงินเดือนสูง
แสดงความคิดเห็น
คือจำเป็นมั๊ยครับว่า การลงทุนในหุ้นนั้นต้องมีการเสียค่าวิชาก่อนถึงจะกำไร
ซื้อหนังสือ และศึกษาจาก internet มาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงสนามจริง วนเวียนอ่านกระทู้ในห้องนี้แล้วหลอน ว่าทำไมแต่ละคน มันต้องเสียค่าวิชากันทั้งนั้น (หมายถึง เล่นแล้วขาดทุน) ไม่ว่าจะเล่นมานานแค่ไหน ก็เห็นมีแต่คนบอกว่า ต้องขาดทุนก่อนถึงจะกำไร
อยากทราบว่า ในฐานะที่ผมมือใหม่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คำกล่าวนี้ มันจริงทุกกรณีไปเลยหรือเปล่าครับ ว่าการจะเอาตัวเองมาลงสนาม ต้องเจ็บตัวก่อนเสมอไป??
ส่วนตัวคิดว่า ต้องการซื้อหุ้นแค่รอปันผล แล้วถือยาวๆ 10 - 30 ปีครับ นั่นหมายถึงผมชอบแนวทาง VI ครับ เงินที่เอามาเล่นคือเงินโคตรเย็น ประมาณ 1 ล้าน แต่คิดว่าจะทยอยลง จุดประสงค์หลักแค่ต้องการให้เงินงอกเงยชนะเงินเฟ้อ และคิดว่า การเอาไปออมในหุ้นชนะแน่นอนในระยะยาว เลยคิดตั้งใจจะเล่นหุ้นนี่แหละครับ
อีกอย่างคือ อยากทราบว่า ถ้าผมซื้อหุ้นที่ไม่ได้เก็งกำไร ไม่ว่าขึ้น หรือลงก็ไม่ขาย คิดไว้ว่า ต่อให้ขึ้นสูงยังไง ก็จะมีสติ ไม่ขายเอากำไรก่อนแน่ หรือต่อให้เกิดอะไรกับเศรษฐกิจลงต่ำเตี้ยยังไง ก็ไม่คัท เก็บออมกันไปยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันจะอันตรายมั๊ย (แต่ติตดามข่าวกหุ้นบริษัทนั้นนะครับ ไม่ใช่ซื้อยาวแล้วไม่เหลียวแลมันเลย 10 ปีอะไรแบบนี้) หมายถึง ตั้งใจเก็บยาวจริง แต่หาก เกิดอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นกับบริษัท ก็จะขาย ก่อนที่บริษัทจะล่ม (หากมันเกิดขึ้น)
ในใจคิดว่าจะซื้อพวก CPF AOT BGH AAV แค่นี้แหละครับ แล้วถือยาวกันไป ไม่ดูกระดานรายวัน ดูแค่ผลประกอบการบริษัท ข่าวการลงทุน การขยายกิจการ ไม่สนตัวเลขของกราฟ (เพราะไม่ชอบดู)
อย่างนี้ จะต้องเสียค่าวิชา (ขาดทุน) อีกหรือเปล่าครับ