สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากทราบความเห็นจากเพื่อน ๆ เกี่ยวกับเรื่อง ครอบครัว ของเรา และวิธีที่ดีที่สุดสำหรับปัญหา แม่เขาแม่เรา ค่ะ
เรื่องยาวมากค่ะ อ่านข้าม ๆ ก็ได้นะคะ แต่เรื่องนี้มันจี๊ดจริง ๆ
อันนี้เป็น นิสัยติดตัวของแต่ละคน เพื่อความสมเหตุสมผลของเรื่องที่เกิดขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เรา ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตั้งแต่ 15 จนมาอายุ 17 ได้คบกับแฟนค่ะ เราเป็นคนชอบเก็บเงินสุด ๆ งกพอได้ และไม่ชอบอะไรที่หรูเกินไป เรามองโลกในแง่ร้าย เพราะเราต้องเจออะไรมากมาย จนคิดว่า โลกไม่ได้สวยงาม ไม่ตามใจครอบครัว ถ้าไม่สมควรและเกินตัว
แม่เรา เป็นคนรักลูก รักสามี รักมาก แต่รักเท่ากันทั้งลูกและสามี แม่มีแฟนใหม่เพราะพ่อเราเสีย แม่ลำบาก ทำงานหนัก ๆ เพราะสามีไม่ดี อดมื้อกินมื้อ แม่เป็นคนขี้เกรงใจ เขามักจะไม่ค่อยกล้าขอเงินเรา แกไม่ได้เลี้ยงเราดีนัก
แฟน ชีวิตของลูกที่พ่อเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่แม่มาทิ้งไป มีแฟนใหม่ ทำให้เขารู้สึกขาดความรัก ครอบครัวแตกหัก เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบสุดโต่ง รักครอบครัว ตามใจครอบครัว
แม่เขา เป็นคนใช้เงินเก่งมาก ชอบซื้อของแพง ๆ ชอบมีหน้ามีตา รักลูกไหมไม่รู้ รู้แค่ว่าแกรักตัวเองมาก แกไม่ค่อยมีเหตุผล ถ้าลูกไม่ตามใจ ก็จะไม่คุยด้วยจนกว่าจะยอมเขา เป็นคนหาเงินเก่ง ทำมาหากินเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ใช้เงินเก่งกว่า ทุกวันนี้เลยไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
เรื่องที่เกิดขึ้นคือ เรามาอยู่กับแฟน ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นธุรกิจ ในชื่อของแฟน แต่มีแม่เขาดูแลทั้งหมด แฟนก็ทำทุกอย่างในงานนั้น เราก็ไปช่วยด้วย ตอนนั้นคบกันใหม่ ๆ เราก็ลำบากเพราะต้องย้ายงานมาอยู่กับแฟน และยังต้องเรียนวันอาทิตย์ เราได้กินข้าววันละ 2มื้อ ไม่มีค่าแรง ทั้งเราและแฟน คนที่ได้เงินคือ แม่แฟน กับ แฟนแม่เขา เรางงอยู่ในใจว่า ธุรกิจแฟนเรา ทำไมแฟนเราเหมือนเป็นแค่กรรมกร ธุรกิจนั้นเพียงไม่นานก็ปิดลง เพราะแม่แฟนทะเลาะกับแฟนของเขา สุดท้ายทิ้งเงินไว้ให้ 4-5พัน แล้วปล่อยให้อยู่กัน 2คน เราจึงหางานทำทันที เพราะเดี๋ยวตังหมดจะอดตายกัน
เราไปเป็นเด็กเสริฟ หางานได้วันละไม่ต่ำกว่า 1พัน ส่วนแฟนก็ทำงานในร้าน ได้เงินวันละ 4-5ร้อย ช่วงนั้นค่าใช้จ่ายเยอะมาก ค่าเทอมเรา ค่าเช่าห้อง ค่ากินไปวัน ๆ ก็แทบจะไม่เหลือ แม่เขาก็โทรมาเห็นว่าช่วงนี้มีตัง บอกให้โอนเงินให้เขาหน่อย เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เงินส่วนของเราที่หาได้วันละพัน ก็แทบไม่เหลือเก็บ โดยที่เราไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองเลย
และก็มีค่าน้ำค่าไฟ ของบ้านแม่เขา แฟนเราก็จ่ายให้ เราแอบคิดว่า แฟนเราเนี่ยไม่ได้เลี้ยงดูเราเลยนะ แหวนทองที่เราใส่ก็ต้องถอดมาขายทิ้ง เพราะเราป่วยเป็นไข้เลือดออก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพียงไม่นานเราก็ต้องย้ายบ้านอีกครั้ง ก็ต้องใช้เงินเยอะ แถมตกงาน ต้องไปหางานกลางวันทำ เงินที่เราเก็บไว้ในบัญชี ก็หมดเกลี้ยง แถมแฟนเราต้องไปทำงานประเทศอื่นอีก เราเครียดมาก สุดท้ายก็ตามไปด้วยโดยไม่ได้บอกญาติเขา พอมาถึงเราก็เข้ามาสมัครงานดู ต้องพูดอังกฤษ ไม่คิดว่าเขาจะรับแต่เขาก็รับ ทำให้เรามีเงินเดือนสูงมาก และแฟนก็เช่นกัน ทำงานได้ 2-3เดือน แม่เขาขอเงินไป 4500 เราก็ว่าดีแล้ว ให้แม่ พอทำงานครบสามเดือน ถูกปล้นเงินเราทั้งคู่ ทั้งหมดตัวถูกเอาไปหมด โทรศัพท์ก็ด้วย เราร้องไห้เป็นเดือน ๆ แม่เขาบอกช่างมันเถอะหาใหม่ได้ พอเรามีเงิน 5หมื่น แฟนมี 3หมื่นกว่า แกก็ชวนให้ไปซื้อที่ดิน ขอเงิน 5หมื่น แต่ซื้อเป็นชื่อของน้องแฟน และเราก็ถามไปว่า ถ้าเกิดว่าเรากลับไป แล้วต้องใช้ที่ดินนั้นต้องให้คืนนะ ปรากฏว่าเขาโกรธมาก เขาด่าลูกเขาว่า อกตัญญู ไม่คุยด้วย แฟนเราก็โอนไปให้ 1หมื่น บอกว่างั้นช่วยแค่นี้นะ (เพราะถ้า 5หมื่น ต้องเอาเงินเราไปให้ แถมไม่ได้เป็นของเราเอง) วันต่อมา แม่แฟนโพสลงเฟสว่า วันนี้ไปช็อปปิงมา ได้ร้องเท้าคู่ใหม่ ราคาพันสอง พร้อมรูป และสักพัก วันนี้ไปกินพาสต้ามา อร่อยมากไม่แพงเลย จานละ 6ร้อยเอง... เราอึ้งมาก แบบว่าทำไมแกถึงรีบใช้เงินขนาดนั้น เพราะแกรู้ว่าลูกมีตังหรือป่าว
เราบอกกับแฟนว่า นี่เรายังไม่ทันรวยกันนะ อนาคตเธอจะเหลืออะไรบ้าง หน้าเธอสิวเขรอะ ไม่เคยไปหาหมอ เสื้อผ้ามือสองตัวละ 60 รองเท้าก็มือสอง
อยากได้อะไรก็ต้องกลืนน้ำลาย เพื่อเก็บเงินกลับไทย แต่แม่เธอใช้เงินวันละกี่พัน เราไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้เงินแม่นะ แค่ต้องบอกเขาด้วยว่าเงินน่ะ ต้องเก็บไว้ยามฉุกเฉิน เราจะตกงานกันอีกเมื่อไรก็ไม่รู้.. และเมื่อทำงานมาได้ 8เดือน ได้กลับไปเยี่ยมไทย 12วัน มาถึงวันแรก ที่สนามบิน เราไม่มีเงินไทยติดตัวเลย แม่แฟนก็ขอเงินแฟน 2-3พัน (เราคุยกับแฟนไว้ว่า ควรให้เงินแม่ตอนจะกลับ จะได้ให้ทีเดียว) เราก็ไม่ได้ว่าอะไร วันที่ 2 โทรมาขอยืม พันสาม จะเอาไปใช้หนี เราเริ่มบ่นแฟน จนทะเลาะกัน วันที่ 5 เราจะพาแม่เราไปเที่ยวทริปแรก แม่แฟนทริปสอง แต่แม่แฟนจะมาด้วยทั้งสองทริปเลย เราถามแฟนว่าจะไม่มีปัญหาแน่นะ แฟนบอกไม่มีหรอก พอมาเจอกันตอนแรกก็ทักทาย แม่เขาแม่เรา และแม่แฟนก็สั่งให้เรากับครอบครัวของเรา นั่งรอ แกจะขับรถไปหาบ้านพักตากอากาศ และที่แกเลือกนั้น มันสภาพแย่มาก ราคาสูงหูฉีก แต่สภาพห้าร้อย แฟนก็เลยบ่นแม่ของเขาว่าไม่สมราคา
เธอและฉัน แม่ของเธอและแม่ของฉัน
เรื่องยาวมากค่ะ อ่านข้าม ๆ ก็ได้นะคะ แต่เรื่องนี้มันจี๊ดจริง ๆ
อันนี้เป็น นิสัยติดตัวของแต่ละคน เพื่อความสมเหตุสมผลของเรื่องที่เกิดขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องที่เกิดขึ้นคือ เรามาอยู่กับแฟน ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นธุรกิจ ในชื่อของแฟน แต่มีแม่เขาดูแลทั้งหมด แฟนก็ทำทุกอย่างในงานนั้น เราก็ไปช่วยด้วย ตอนนั้นคบกันใหม่ ๆ เราก็ลำบากเพราะต้องย้ายงานมาอยู่กับแฟน และยังต้องเรียนวันอาทิตย์ เราได้กินข้าววันละ 2มื้อ ไม่มีค่าแรง ทั้งเราและแฟน คนที่ได้เงินคือ แม่แฟน กับ แฟนแม่เขา เรางงอยู่ในใจว่า ธุรกิจแฟนเรา ทำไมแฟนเราเหมือนเป็นแค่กรรมกร ธุรกิจนั้นเพียงไม่นานก็ปิดลง เพราะแม่แฟนทะเลาะกับแฟนของเขา สุดท้ายทิ้งเงินไว้ให้ 4-5พัน แล้วปล่อยให้อยู่กัน 2คน เราจึงหางานทำทันที เพราะเดี๋ยวตังหมดจะอดตายกัน
เราไปเป็นเด็กเสริฟ หางานได้วันละไม่ต่ำกว่า 1พัน ส่วนแฟนก็ทำงานในร้าน ได้เงินวันละ 4-5ร้อย ช่วงนั้นค่าใช้จ่ายเยอะมาก ค่าเทอมเรา ค่าเช่าห้อง ค่ากินไปวัน ๆ ก็แทบจะไม่เหลือ แม่เขาก็โทรมาเห็นว่าช่วงนี้มีตัง บอกให้โอนเงินให้เขาหน่อย เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เงินส่วนของเราที่หาได้วันละพัน ก็แทบไม่เหลือเก็บ โดยที่เราไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองเลย
และก็มีค่าน้ำค่าไฟ ของบ้านแม่เขา แฟนเราก็จ่ายให้ เราแอบคิดว่า แฟนเราเนี่ยไม่ได้เลี้ยงดูเราเลยนะ แหวนทองที่เราใส่ก็ต้องถอดมาขายทิ้ง เพราะเราป่วยเป็นไข้เลือดออก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพียงไม่นานเราก็ต้องย้ายบ้านอีกครั้ง ก็ต้องใช้เงินเยอะ แถมตกงาน ต้องไปหางานกลางวันทำ เงินที่เราเก็บไว้ในบัญชี ก็หมดเกลี้ยง แถมแฟนเราต้องไปทำงานประเทศอื่นอีก เราเครียดมาก สุดท้ายก็ตามไปด้วยโดยไม่ได้บอกญาติเขา พอมาถึงเราก็เข้ามาสมัครงานดู ต้องพูดอังกฤษ ไม่คิดว่าเขาจะรับแต่เขาก็รับ ทำให้เรามีเงินเดือนสูงมาก และแฟนก็เช่นกัน ทำงานได้ 2-3เดือน แม่เขาขอเงินไป 4500 เราก็ว่าดีแล้ว ให้แม่ พอทำงานครบสามเดือน ถูกปล้นเงินเราทั้งคู่ ทั้งหมดตัวถูกเอาไปหมด โทรศัพท์ก็ด้วย เราร้องไห้เป็นเดือน ๆ แม่เขาบอกช่างมันเถอะหาใหม่ได้ พอเรามีเงิน 5หมื่น แฟนมี 3หมื่นกว่า แกก็ชวนให้ไปซื้อที่ดิน ขอเงิน 5หมื่น แต่ซื้อเป็นชื่อของน้องแฟน และเราก็ถามไปว่า ถ้าเกิดว่าเรากลับไป แล้วต้องใช้ที่ดินนั้นต้องให้คืนนะ ปรากฏว่าเขาโกรธมาก เขาด่าลูกเขาว่า อกตัญญู ไม่คุยด้วย แฟนเราก็โอนไปให้ 1หมื่น บอกว่างั้นช่วยแค่นี้นะ (เพราะถ้า 5หมื่น ต้องเอาเงินเราไปให้ แถมไม่ได้เป็นของเราเอง) วันต่อมา แม่แฟนโพสลงเฟสว่า วันนี้ไปช็อปปิงมา ได้ร้องเท้าคู่ใหม่ ราคาพันสอง พร้อมรูป และสักพัก วันนี้ไปกินพาสต้ามา อร่อยมากไม่แพงเลย จานละ 6ร้อยเอง... เราอึ้งมาก แบบว่าทำไมแกถึงรีบใช้เงินขนาดนั้น เพราะแกรู้ว่าลูกมีตังหรือป่าว
เราบอกกับแฟนว่า นี่เรายังไม่ทันรวยกันนะ อนาคตเธอจะเหลืออะไรบ้าง หน้าเธอสิวเขรอะ ไม่เคยไปหาหมอ เสื้อผ้ามือสองตัวละ 60 รองเท้าก็มือสอง
อยากได้อะไรก็ต้องกลืนน้ำลาย เพื่อเก็บเงินกลับไทย แต่แม่เธอใช้เงินวันละกี่พัน เราไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้เงินแม่นะ แค่ต้องบอกเขาด้วยว่าเงินน่ะ ต้องเก็บไว้ยามฉุกเฉิน เราจะตกงานกันอีกเมื่อไรก็ไม่รู้.. และเมื่อทำงานมาได้ 8เดือน ได้กลับไปเยี่ยมไทย 12วัน มาถึงวันแรก ที่สนามบิน เราไม่มีเงินไทยติดตัวเลย แม่แฟนก็ขอเงินแฟน 2-3พัน (เราคุยกับแฟนไว้ว่า ควรให้เงินแม่ตอนจะกลับ จะได้ให้ทีเดียว) เราก็ไม่ได้ว่าอะไร วันที่ 2 โทรมาขอยืม พันสาม จะเอาไปใช้หนี เราเริ่มบ่นแฟน จนทะเลาะกัน วันที่ 5 เราจะพาแม่เราไปเที่ยวทริปแรก แม่แฟนทริปสอง แต่แม่แฟนจะมาด้วยทั้งสองทริปเลย เราถามแฟนว่าจะไม่มีปัญหาแน่นะ แฟนบอกไม่มีหรอก พอมาเจอกันตอนแรกก็ทักทาย แม่เขาแม่เรา และแม่แฟนก็สั่งให้เรากับครอบครัวของเรา นั่งรอ แกจะขับรถไปหาบ้านพักตากอากาศ และที่แกเลือกนั้น มันสภาพแย่มาก ราคาสูงหูฉีก แต่สภาพห้าร้อย แฟนก็เลยบ่นแม่ของเขาว่าไม่สมราคา