ออกตัวก่อนนะครับว่าเขียนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งและขอขอบคุณกระทู้ของพี่ๆทั้งหลายในพันทิปครับที่ให้ข้อมูลผมมากมาย
ได้มาแล้วครับสำหรับ DV-lottery Visa ของปี 2014 กว่าจะได้มาก็รอนานเกือบปีเลยที่เดียวล่ะ เริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปีที่แล้วได้รับโทรศัพย์จากเอเจ้น ว่าเราเป็นหนึ่งในผู้ได้รับคัดเลือก สมัครตอนนั้นมั่วๆไปในเว็ปของเอเจ้นเสียตังตั้ง 100 เหรียญ มารู้ที่หลังถ้าสมัครเว็ปของรัฐบาลเค้าไม่เสียซักบาท 555 แถมเอเจ้นจะขอตังเพิ่มอีกหลายตัง เราก็บอกโอเคจะจ่ายให้แต่ไม่เคยโอนไปให้ซักบาท อิอิ ( เรื่องไรจะให้จิงม่ะ เราได้รับคัดเลือกแล้วเค้าก็หมดหน้าที่ 555 )
พอเช็คสถานะว่าเราได้รับคัดเลือกจริง ก็ตามเสต็ปที่แนะนำในนั้นเลยครับ กรอกแบบฟร์อมต่างๆแล้วก็ส่งไปที่ KCC โดยร็ว แต่กว่าจะกรอกเสร็จก็ล่อไปหลายวันเพราะต้องกรอกให้ตรงความจริงข้อมูลต่างๆจึงต้องเป็ะ ใช้เวลารวบรวมก็หลายวันอยู่ กรอกเสร็จก็ส่งไปแล้วก็รอร้อรอ ผ่านไปสี่เดือนถึงจะได้อีเมล์ตอบกลับจากทาง KCC ให้ไปสัมภาษณ์กับทางสถานทูตและให้ทำตามเสต็ปต่อไปคือเตรียมเอกสารต่างๆตามนันเพื่อที่จะไปยื่นให้กงสุลวันสัมภาษณ์ เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดเพราะเอกสารบางอย่างตัวจริงหายไปกับนํ้าท่วมเลยต้องตะเวนไปขอกับหน่วยงานราชการกันยกใหญ่เสียตังไปกับการขอเอกสารพอสมควรเนื่องจากพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัดเลยต้องเที่ยวไปขอหลายรอบหน่อย ( ทำงานก็ต้องทำเฮ้อ ) พอได้เอกสารก็เอาไปแปลที่กรมการกงสุล ( ถูกหน่อย อิอิ )
เอาล่ะถึงวันนัดสัมภาษณ์ไปถึงตั้งแต่ 6.30 น.( เค้านัดเจ็ดโมงตรง ) ไปถึง โอ้พระเจ้าทำไมยาวแถวอย่างนี้แล้วจะได้เข้ามั้ยเนี้ยเค้ายิ่งนัดเจ็ดโมงอยู่ด้วย แต่ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาถามว่ามีรอบเจ็ดโมงมั้ย รีบยกมือโดยพลันพร้อมทั้งยื่นใบนัดและก็ไปเค้าแถวกว่าจะได้เข้าก็เจ็ดโมงครึ่งนะครับเพราะขั้นตอนตรวจก่อนเข้าหยุ่มหยิ่มที่เดียว พอเข้ามาเสร็จก็เดินเข้าไปที่ห้องที่เค้าใช้สัมภาษย์เลยครับไม่ต้องไปรอรับบัตรคิว พร้อมทั้งตรงไปที่ช่องหกที่เขียนว่า วีซ่าถาวร ก่อนหน้าเราก็มีคนยืนรอยื่นเอกสารอยู่สี่ห้าคน(นึกในใจมีคนมาเช้ากว่าเราอีกแฮะ ) มาถึงตาเราเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารเสร็จก็หันกลันมาถามเรา
เจ้าหน้าที่ : จบที่ใหนมาค่ะ
เรา : จบ ปวส.ที......ครับ
เจ้าหน้าที่ : เคยเรียนศึกษาผู้ใหญ่มามั้ย
เรา : เคยครับ เรียน กศน.ครับ
เจ้าหน้าที่ : หันกลับไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน คุยกันอยู่ซักพัก
เจ้าหน้าที่ :ในแบบฟอร์มไม่ได้ไส่ที่อยู่ที่ที่อเมริกามาค่ะ มีที่อยู่มั้ยค่ะ
เรา : ผมไม่รู้ว่าจะได้วีซ่าหรือป่าวเลยไม่ได้ไส่ไป
เจ้าหน้าที่ : ไม่ได้ค่ะต้องไส่ที่อยู่ด้วย ไม่งั้นระบบจะไม่รับ
เรา : เวรแล้วไง ไม่มีไครที่รู้จักที่โน้นซักคน ( คิดในใจนะ )
เจ้าหน้าที่ :วางมือบนเครื่องแสกนค่ะ แสกนเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปจ่ายตังตรงช่องจ่ายและที่ไปรษณีย์แล้วเอาใบเสร็จกลับมาให้เค้าและก็บอกให้นั้งรอสัมภาษณ์
แต่ระหว่างที่นั้งรอก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนเรียกเราไปที่ช่อง 7 ( ไม่ได้ให้ไปที่หมอชิตนะ 555 )
เจ้าหน้าที่ :ตอนนี้ทำอะไรอยู่ค่ะ
เรา : รับเหมาช่วงต่อส่งสินค้าอยู่ครับ
เจ้าหน้าที่ :ก่อนหน้านี้ที่บริษัท....ทำหน้าที่อะไรค่ะ
เรา : เป็น catering supervisor ครับ
เจ้าหน้าที่ :เอาวุฒิ ม.ปลายมั้ย
เรา : ไม่ได้เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ : ทำไมไม่เอามาล่ะค่ะ
เรา : นึกว่าใช้แค่วุฒิสูงสุดครับ ( เดี๋ยวผมจะบอกตอนท้ายว่าทำไมไม่เอาวุฒิ กศน.ไป )
เจ้าหน้าที่ : โอเคค่ะ รอสัมภาษณ์กับกงสุลค่ะ
ผ่านไปสามชั่วโมงจากแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมงกว่ากงสุลจะเรียกเรา แต่ก่อนหน้านั้นก็นั่งสังเกตุคนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าเรา ก็มีทั้งสมหวังและผิดหวังแต่ที่สังเกตุน่าจะเป็นวีซ่าคู่หมั้นหรือแต่งงานนี่แหละที่ไม่ผ่านแต่ล่ะคนน่าจะต้องไปหาเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมั้ง ( อันนี้เดาเอา )
เอาล่ะนอกเรื่อไปเยอะกลับมาเรื่องของเราดีกว่า
กงสุล : สวัสดีค่ะ
เรา : สวัสดีครับ
กงสุล : ชื่อคุณคือ?
เรา : ชื่อ.....ครับ
กงสุล : คุณไม่เข้าใจภาษาอังกฤษไช่มั้ย
เรา : เข้าใจนิดหน่อยครับ
กงสุล : โอเค ไปติดต่อที่ช่อง 7 ค่ะ
จบการสนทนาระหว่างเรากับกงสุลแค่นั้นจริงๆ นึกในใจไม่ผ่านแล้วมั้ง( เพราะมีปมในใจ เคยขอวีซ่าท่องเที่ยวเมื่อ 10กว่าปีก่อน แล้วก็สัมภาษณ์ใช้เวลาน้อยอย่างนี้แหละแล้วก็ไม่ผ่าน ) ใจก็เต้นระรัวแล้วก็ไปที่ช่อง 7
เจ้าหน้าที่ :คุณกรอกแบบฟอร์ม DS-230 part II ข้อ 40 คุณตอบ yes ทั้งหมดเลย เจ้าหน้าที่ก็อธิบายข้อ 40 ให้ฟังทั้งหมดและก็ถามเราเป็นข้อๆพร้อมทั้งให้เราขีดฆ่าที่ตอบ yes พร้อมทั้มทั้งเซ็นกำกับแล้วให้ตอบ no ให้หมด ( เดี๋ยวจะบอกที่หลังว่าทำไมผมถึงตอบ yes ทั้งหมด )
เจ้าหน้าที่ : ท่านกงสุลต้องการใบรับรองการจบวุฒิ ปวส.และทรานส์คลิปวุฒิ ม.6
เรา : ทรานส์คลิปวุฒิ ปวส. ใช้ไม่ได้หรอครับ
เจ้าหน้าที่ : ใช้ได้ค่ะแต่ท่านกงสุลอยากได้ใบรับรองจบด้วย
เรา : ได้ครับ
เจ้าหน้าที่ : ส่งมาทางไปรษณีย์นะค่ะ พร้อมทั้งยื่นพาสสปอตและเอกสารต่างๆคืนและใบสีขาว ที่ข้อความบอกว่าไม่สามารถออกวีซ่าให้ได้เนื่องจากเอกสารรับรองคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
เราก็เดินคอตกกลับบ้านไป กลับมาถึงบ้านก็มานั่งคิดว่าจะส่งเอกสารที่เค้าเพิ่มขอไปมั้ย ส่งไปก็ไม่ผ่านจะส่งไปทำไม แล้วใหนจะเรื่องที่อยู่อีกล่ะไม่มีไครรู้จักซักคน จะมีรู้จักก็ไปเป็นฮู้ดอยู้โน้นเค้าคงไม่ให้ที่อยู่เราหรอกเพราะเดี๋ยวเค้าจะเดือดร้อนเอา สุดท้ายเรื่องที่อยู่ก็ได้มาจากน้องคนหนึ่งที่เคยจีบ(จีบไม่ติด5555)และพึ่งไปเรียนที่โน้นให้ความกรุณาให้ที่อยู่มาโดยติดต่อกันทาง facebook เราก็เลย เฮ้ย..เรื่องที่อยู่ที่ว่าจะหาไม่ได้ยังได้มาเลย ลองส่งเอกสารไปทีซิเผื่อจะโชคดี ก็เลยตัดสินใจส่งไปพร้อมทั้งฟาสสปอต
หนึ่งเดือนผ่านไปใวเหมือนโกหก เสียงโทรศัพย์ดังขึ้น
ต้นสาย : คุณ...... ใช่มั้ยครับ
เรา : ใช่ครับ
ต้นสาย : โทรจากสถานทูตอเมริกาครับ
เรา : ครับ
ต้นสาย : วันพรุ่งนี้คุณมาแสกนนิ้วที่สถานทูตได้มั้ยครับ ทางเราไม่สามารถออกวีซ่าให้คูณได้เนื่องจากคุณเนื่องจากคุณไม่ได้แสกนนิ้วกับท่านกงสุล
เรา : เอ่อ เอ่อ สรุปว่าวีซ่าผมผ่านไม่ผ่านครับ
ต้นสาย : ผ่านครับแต่คุณต้องมาแสกนนิ้วกับท่านกงสุลถึงจะออกวีซ่าให้ได้
เรา : ได้ครับ ( ใจเต้นระรัว )
ต้นสาย : พรุ่งนี้ 7.00 น.ครับ
แล้วก็วางสายไปวันรุ่งขึ้นเราก็ไปที่สถานทูตอีกครั้งเวลาเดิมได้เข้าเวลาไกล้เคียงเดิม เข้าไปถึงก็เหมือนเดิมไปที่ช่อง 6 บอกชื่อและบอกว่ามาแสกนนี้ว เจ้าหน้าบอกอ๋อเดี๋ยวให้คิวแรกเลย ผ่านไป 3ชั่วโมงไม่ใช่คิวแรกซะหน่อยคิวที่3โน้น แล้วกงสุลก็เรียก
กงสุล : สวัสดีค่ะ
เรา : สวัสดีครับ
กงสุล : ครั้งแรกคุณไปที่ช่อง 9 ไช่มั้ย
เรา : ครับ ( วันนั้นไม่ได้เฉียดช่อง 9เลย แต่ก็ตอบไป )
กงสุล : วางนี้ว 4 นิ้ว มือซ้ายที่เครื่องแสกนค่ะ
เราก็วางนิ้วบนเครื่องแสกนตามที่เค้าบอก รอประมาณ 15 วิ
กงสุล : เรียบร้อยค่ะ
แล้วเราก็กลับบ้านและรอประมาณ 3 ก็มีพัสดุสถานทูตมาส่ง รีบเปิดดูทันที่ข้างในมีเล่มพาสสปอตที่วีซ่าเรียบร้อยพร้อมทั้งซองเอกสารที่ระบุว่าห้ามเปิดเด็ดขาดให้เอาไปยื่นตอนเข้าอเมริกา และเอกสารให้จ่ายค่า USCIS immigrant fee จบแล้วได้มาซะที
เอาล่ะผมจะบอกว่าทำไมผมไม่เอาวุฒิ ม.ุ6 ไป เพราะว่าผมเรียน กศน.แต่คุณสมบัติที่เค้าระบุคือเรียนจบ ม.ปลาย 12 ปี แต่ กศน. ม.ต้น ถึง ม. ปลายผมเรียน 4 ปีรวมประถมแล้วก็ 10 ปี ( ทำไงได้ล่ะครับเกิดมาไม่ค่อยมีตังก็ดิ้นรนจนจบ ปวส.ก็ดีที่สุดแล้ว)
ส่วนการกรอกเอกสารที่ผม ตอบ yes ไปนั้นเพราะความสะเพร่าของผมเองที่ไม่อ่านให้ละเอียด ผมไปเชิร์สหาตามกูเกิลแล้วก็กรอกตามนั้นเลย
ที่มาเขียนให้ทุกท่านอ่านก็เพื่อจะให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังใจจะไปสัมภาษณ์หรือเดินเรื่องอยู่ว่าขนาดผมโปรไฟล์ไม่สวยยังผ่านเลย ให้ทุกท่านพยายามทำต่อไปครับซักวันต้องเป็นวันของท่าน
การเตรียมเอกสารสำคัญมากครับ ผมว่าการสัมภาษณ์กับกงสุลเป็นขั้นตอนปกติที่ต้องทำแต่เค้าน่าจะดูที่เอกสารเป็นหลักครับ
แชร์ประสบการณ์ DV-lottery 2014 กับโปรไฟล์ที่ไม่สวยเท่าใหร่
ได้มาแล้วครับสำหรับ DV-lottery Visa ของปี 2014 กว่าจะได้มาก็รอนานเกือบปีเลยที่เดียวล่ะ เริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปีที่แล้วได้รับโทรศัพย์จากเอเจ้น ว่าเราเป็นหนึ่งในผู้ได้รับคัดเลือก สมัครตอนนั้นมั่วๆไปในเว็ปของเอเจ้นเสียตังตั้ง 100 เหรียญ มารู้ที่หลังถ้าสมัครเว็ปของรัฐบาลเค้าไม่เสียซักบาท 555 แถมเอเจ้นจะขอตังเพิ่มอีกหลายตัง เราก็บอกโอเคจะจ่ายให้แต่ไม่เคยโอนไปให้ซักบาท อิอิ ( เรื่องไรจะให้จิงม่ะ เราได้รับคัดเลือกแล้วเค้าก็หมดหน้าที่ 555 )
พอเช็คสถานะว่าเราได้รับคัดเลือกจริง ก็ตามเสต็ปที่แนะนำในนั้นเลยครับ กรอกแบบฟร์อมต่างๆแล้วก็ส่งไปที่ KCC โดยร็ว แต่กว่าจะกรอกเสร็จก็ล่อไปหลายวันเพราะต้องกรอกให้ตรงความจริงข้อมูลต่างๆจึงต้องเป็ะ ใช้เวลารวบรวมก็หลายวันอยู่ กรอกเสร็จก็ส่งไปแล้วก็รอร้อรอ ผ่านไปสี่เดือนถึงจะได้อีเมล์ตอบกลับจากทาง KCC ให้ไปสัมภาษณ์กับทางสถานทูตและให้ทำตามเสต็ปต่อไปคือเตรียมเอกสารต่างๆตามนันเพื่อที่จะไปยื่นให้กงสุลวันสัมภาษณ์ เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดเพราะเอกสารบางอย่างตัวจริงหายไปกับนํ้าท่วมเลยต้องตะเวนไปขอกับหน่วยงานราชการกันยกใหญ่เสียตังไปกับการขอเอกสารพอสมควรเนื่องจากพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัดเลยต้องเที่ยวไปขอหลายรอบหน่อย ( ทำงานก็ต้องทำเฮ้อ ) พอได้เอกสารก็เอาไปแปลที่กรมการกงสุล ( ถูกหน่อย อิอิ )
เอาล่ะถึงวันนัดสัมภาษณ์ไปถึงตั้งแต่ 6.30 น.( เค้านัดเจ็ดโมงตรง ) ไปถึง โอ้พระเจ้าทำไมยาวแถวอย่างนี้แล้วจะได้เข้ามั้ยเนี้ยเค้ายิ่งนัดเจ็ดโมงอยู่ด้วย แต่ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาถามว่ามีรอบเจ็ดโมงมั้ย รีบยกมือโดยพลันพร้อมทั้งยื่นใบนัดและก็ไปเค้าแถวกว่าจะได้เข้าก็เจ็ดโมงครึ่งนะครับเพราะขั้นตอนตรวจก่อนเข้าหยุ่มหยิ่มที่เดียว พอเข้ามาเสร็จก็เดินเข้าไปที่ห้องที่เค้าใช้สัมภาษย์เลยครับไม่ต้องไปรอรับบัตรคิว พร้อมทั้งตรงไปที่ช่องหกที่เขียนว่า วีซ่าถาวร ก่อนหน้าเราก็มีคนยืนรอยื่นเอกสารอยู่สี่ห้าคน(นึกในใจมีคนมาเช้ากว่าเราอีกแฮะ ) มาถึงตาเราเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารเสร็จก็หันกลันมาถามเรา
เจ้าหน้าที่ : จบที่ใหนมาค่ะ
เรา : จบ ปวส.ที......ครับ
เจ้าหน้าที่ : เคยเรียนศึกษาผู้ใหญ่มามั้ย
เรา : เคยครับ เรียน กศน.ครับ
เจ้าหน้าที่ : หันกลับไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน คุยกันอยู่ซักพัก
เจ้าหน้าที่ :ในแบบฟอร์มไม่ได้ไส่ที่อยู่ที่ที่อเมริกามาค่ะ มีที่อยู่มั้ยค่ะ
เรา : ผมไม่รู้ว่าจะได้วีซ่าหรือป่าวเลยไม่ได้ไส่ไป
เจ้าหน้าที่ : ไม่ได้ค่ะต้องไส่ที่อยู่ด้วย ไม่งั้นระบบจะไม่รับ
เรา : เวรแล้วไง ไม่มีไครที่รู้จักที่โน้นซักคน ( คิดในใจนะ )
เจ้าหน้าที่ :วางมือบนเครื่องแสกนค่ะ แสกนเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปจ่ายตังตรงช่องจ่ายและที่ไปรษณีย์แล้วเอาใบเสร็จกลับมาให้เค้าและก็บอกให้นั้งรอสัมภาษณ์
แต่ระหว่างที่นั้งรอก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนเรียกเราไปที่ช่อง 7 ( ไม่ได้ให้ไปที่หมอชิตนะ 555 )
เจ้าหน้าที่ :ตอนนี้ทำอะไรอยู่ค่ะ
เรา : รับเหมาช่วงต่อส่งสินค้าอยู่ครับ
เจ้าหน้าที่ :ก่อนหน้านี้ที่บริษัท....ทำหน้าที่อะไรค่ะ
เรา : เป็น catering supervisor ครับ
เจ้าหน้าที่ :เอาวุฒิ ม.ปลายมั้ย
เรา : ไม่ได้เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ : ทำไมไม่เอามาล่ะค่ะ
เรา : นึกว่าใช้แค่วุฒิสูงสุดครับ ( เดี๋ยวผมจะบอกตอนท้ายว่าทำไมไม่เอาวุฒิ กศน.ไป )
เจ้าหน้าที่ : โอเคค่ะ รอสัมภาษณ์กับกงสุลค่ะ
ผ่านไปสามชั่วโมงจากแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมงกว่ากงสุลจะเรียกเรา แต่ก่อนหน้านั้นก็นั่งสังเกตุคนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าเรา ก็มีทั้งสมหวังและผิดหวังแต่ที่สังเกตุน่าจะเป็นวีซ่าคู่หมั้นหรือแต่งงานนี่แหละที่ไม่ผ่านแต่ล่ะคนน่าจะต้องไปหาเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมั้ง ( อันนี้เดาเอา )
เอาล่ะนอกเรื่อไปเยอะกลับมาเรื่องของเราดีกว่า
กงสุล : สวัสดีค่ะ
เรา : สวัสดีครับ
กงสุล : ชื่อคุณคือ?
เรา : ชื่อ.....ครับ
กงสุล : คุณไม่เข้าใจภาษาอังกฤษไช่มั้ย
เรา : เข้าใจนิดหน่อยครับ
กงสุล : โอเค ไปติดต่อที่ช่อง 7 ค่ะ
จบการสนทนาระหว่างเรากับกงสุลแค่นั้นจริงๆ นึกในใจไม่ผ่านแล้วมั้ง( เพราะมีปมในใจ เคยขอวีซ่าท่องเที่ยวเมื่อ 10กว่าปีก่อน แล้วก็สัมภาษณ์ใช้เวลาน้อยอย่างนี้แหละแล้วก็ไม่ผ่าน ) ใจก็เต้นระรัวแล้วก็ไปที่ช่อง 7
เจ้าหน้าที่ :คุณกรอกแบบฟอร์ม DS-230 part II ข้อ 40 คุณตอบ yes ทั้งหมดเลย เจ้าหน้าที่ก็อธิบายข้อ 40 ให้ฟังทั้งหมดและก็ถามเราเป็นข้อๆพร้อมทั้งให้เราขีดฆ่าที่ตอบ yes พร้อมทั้มทั้งเซ็นกำกับแล้วให้ตอบ no ให้หมด ( เดี๋ยวจะบอกที่หลังว่าทำไมผมถึงตอบ yes ทั้งหมด )
เจ้าหน้าที่ : ท่านกงสุลต้องการใบรับรองการจบวุฒิ ปวส.และทรานส์คลิปวุฒิ ม.6
เรา : ทรานส์คลิปวุฒิ ปวส. ใช้ไม่ได้หรอครับ
เจ้าหน้าที่ : ใช้ได้ค่ะแต่ท่านกงสุลอยากได้ใบรับรองจบด้วย
เรา : ได้ครับ
เจ้าหน้าที่ : ส่งมาทางไปรษณีย์นะค่ะ พร้อมทั้งยื่นพาสสปอตและเอกสารต่างๆคืนและใบสีขาว ที่ข้อความบอกว่าไม่สามารถออกวีซ่าให้ได้เนื่องจากเอกสารรับรองคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
เราก็เดินคอตกกลับบ้านไป กลับมาถึงบ้านก็มานั่งคิดว่าจะส่งเอกสารที่เค้าเพิ่มขอไปมั้ย ส่งไปก็ไม่ผ่านจะส่งไปทำไม แล้วใหนจะเรื่องที่อยู่อีกล่ะไม่มีไครรู้จักซักคน จะมีรู้จักก็ไปเป็นฮู้ดอยู้โน้นเค้าคงไม่ให้ที่อยู่เราหรอกเพราะเดี๋ยวเค้าจะเดือดร้อนเอา สุดท้ายเรื่องที่อยู่ก็ได้มาจากน้องคนหนึ่งที่เคยจีบ(จีบไม่ติด5555)และพึ่งไปเรียนที่โน้นให้ความกรุณาให้ที่อยู่มาโดยติดต่อกันทาง facebook เราก็เลย เฮ้ย..เรื่องที่อยู่ที่ว่าจะหาไม่ได้ยังได้มาเลย ลองส่งเอกสารไปทีซิเผื่อจะโชคดี ก็เลยตัดสินใจส่งไปพร้อมทั้งฟาสสปอต
หนึ่งเดือนผ่านไปใวเหมือนโกหก เสียงโทรศัพย์ดังขึ้น
ต้นสาย : คุณ...... ใช่มั้ยครับ
เรา : ใช่ครับ
ต้นสาย : โทรจากสถานทูตอเมริกาครับ
เรา : ครับ
ต้นสาย : วันพรุ่งนี้คุณมาแสกนนิ้วที่สถานทูตได้มั้ยครับ ทางเราไม่สามารถออกวีซ่าให้คูณได้เนื่องจากคุณเนื่องจากคุณไม่ได้แสกนนิ้วกับท่านกงสุล
เรา : เอ่อ เอ่อ สรุปว่าวีซ่าผมผ่านไม่ผ่านครับ
ต้นสาย : ผ่านครับแต่คุณต้องมาแสกนนิ้วกับท่านกงสุลถึงจะออกวีซ่าให้ได้
เรา : ได้ครับ ( ใจเต้นระรัว )
ต้นสาย : พรุ่งนี้ 7.00 น.ครับ
แล้วก็วางสายไปวันรุ่งขึ้นเราก็ไปที่สถานทูตอีกครั้งเวลาเดิมได้เข้าเวลาไกล้เคียงเดิม เข้าไปถึงก็เหมือนเดิมไปที่ช่อง 6 บอกชื่อและบอกว่ามาแสกนนี้ว เจ้าหน้าบอกอ๋อเดี๋ยวให้คิวแรกเลย ผ่านไป 3ชั่วโมงไม่ใช่คิวแรกซะหน่อยคิวที่3โน้น แล้วกงสุลก็เรียก
กงสุล : สวัสดีค่ะ
เรา : สวัสดีครับ
กงสุล : ครั้งแรกคุณไปที่ช่อง 9 ไช่มั้ย
เรา : ครับ ( วันนั้นไม่ได้เฉียดช่อง 9เลย แต่ก็ตอบไป )
กงสุล : วางนี้ว 4 นิ้ว มือซ้ายที่เครื่องแสกนค่ะ
เราก็วางนิ้วบนเครื่องแสกนตามที่เค้าบอก รอประมาณ 15 วิ
กงสุล : เรียบร้อยค่ะ
แล้วเราก็กลับบ้านและรอประมาณ 3 ก็มีพัสดุสถานทูตมาส่ง รีบเปิดดูทันที่ข้างในมีเล่มพาสสปอตที่วีซ่าเรียบร้อยพร้อมทั้งซองเอกสารที่ระบุว่าห้ามเปิดเด็ดขาดให้เอาไปยื่นตอนเข้าอเมริกา และเอกสารให้จ่ายค่า USCIS immigrant fee จบแล้วได้มาซะที
เอาล่ะผมจะบอกว่าทำไมผมไม่เอาวุฒิ ม.ุ6 ไป เพราะว่าผมเรียน กศน.แต่คุณสมบัติที่เค้าระบุคือเรียนจบ ม.ปลาย 12 ปี แต่ กศน. ม.ต้น ถึง ม. ปลายผมเรียน 4 ปีรวมประถมแล้วก็ 10 ปี ( ทำไงได้ล่ะครับเกิดมาไม่ค่อยมีตังก็ดิ้นรนจนจบ ปวส.ก็ดีที่สุดแล้ว)
ส่วนการกรอกเอกสารที่ผม ตอบ yes ไปนั้นเพราะความสะเพร่าของผมเองที่ไม่อ่านให้ละเอียด ผมไปเชิร์สหาตามกูเกิลแล้วก็กรอกตามนั้นเลย
ที่มาเขียนให้ทุกท่านอ่านก็เพื่อจะให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังใจจะไปสัมภาษณ์หรือเดินเรื่องอยู่ว่าขนาดผมโปรไฟล์ไม่สวยยังผ่านเลย ให้ทุกท่านพยายามทำต่อไปครับซักวันต้องเป็นวันของท่าน
การเตรียมเอกสารสำคัญมากครับ ผมว่าการสัมภาษณ์กับกงสุลเป็นขั้นตอนปกติที่ต้องทำแต่เค้าน่าจะดูที่เอกสารเป็นหลักครับ