แชร์ประสบการณ์ DV-lottery 2014 กับโปรไฟล์ที่ไม่สวยเท่าใหร่

ออกตัวก่อนนะครับว่าเขียนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งและขอขอบคุณกระทู้ของพี่ๆทั้งหลายในพันทิปครับที่ให้ข้อมูลผมมากมาย
    ได้มาแล้วครับสำหรับ DV-lottery Visa ของปี 2014 กว่าจะได้มาก็รอนานเกือบปีเลยที่เดียวล่ะ เริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปีที่แล้วได้รับโทรศัพย์จากเอเจ้น ว่าเราเป็นหนึ่งในผู้ได้รับคัดเลือก สมัครตอนนั้นมั่วๆไปในเว็ปของเอเจ้นเสียตังตั้ง 100 เหรียญ มารู้ที่หลังถ้าสมัครเว็ปของรัฐบาลเค้าไม่เสียซักบาท 555 แถมเอเจ้นจะขอตังเพิ่มอีกหลายตัง เราก็บอกโอเคจะจ่ายให้แต่ไม่เคยโอนไปให้ซักบาท อิอิ ( เรื่องไรจะให้จิงม่ะ เราได้รับคัดเลือกแล้วเค้าก็หมดหน้าที่ 555 )
พอเช็คสถานะว่าเราได้รับคัดเลือกจริง ก็ตามเสต็ปที่แนะนำในนั้นเลยครับ กรอกแบบฟร์อมต่างๆแล้วก็ส่งไปที่ KCC โดยร็ว แต่กว่าจะกรอกเสร็จก็ล่อไปหลายวันเพราะต้องกรอกให้ตรงความจริงข้อมูลต่างๆจึงต้องเป็ะ ใช้เวลารวบรวมก็หลายวันอยู่ กรอกเสร็จก็ส่งไปแล้วก็รอร้อรอ ผ่านไปสี่เดือนถึงจะได้อีเมล์ตอบกลับจากทาง KCC  ให้ไปสัมภาษณ์กับทางสถานทูตและให้ทำตามเสต็ปต่อไปคือเตรียมเอกสารต่างๆตามนันเพื่อที่จะไปยื่นให้กงสุลวันสัมภาษณ์ เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดเพราะเอกสารบางอย่างตัวจริงหายไปกับนํ้าท่วมเลยต้องตะเวนไปขอกับหน่วยงานราชการกันยกใหญ่เสียตังไปกับการขอเอกสารพอสมควรเนื่องจากพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัดเลยต้องเที่ยวไปขอหลายรอบหน่อย ( ทำงานก็ต้องทำเฮ้อ ) พอได้เอกสารก็เอาไปแปลที่กรมการกงสุล ( ถูกหน่อย อิอิ )
   เอาล่ะถึงวันนัดสัมภาษณ์ไปถึงตั้งแต่ 6.30 น.( เค้านัดเจ็ดโมงตรง ) ไปถึง โอ้พระเจ้าทำไมยาวแถวอย่างนี้แล้วจะได้เข้ามั้ยเนี้ยเค้ายิ่งนัดเจ็ดโมงอยู่ด้วย แต่ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาถามว่ามีรอบเจ็ดโมงมั้ย รีบยกมือโดยพลันพร้อมทั้งยื่นใบนัดและก็ไปเค้าแถวกว่าจะได้เข้าก็เจ็ดโมงครึ่งนะครับเพราะขั้นตอนตรวจก่อนเข้าหยุ่มหยิ่มที่เดียว พอเข้ามาเสร็จก็เดินเข้าไปที่ห้องที่เค้าใช้สัมภาษย์เลยครับไม่ต้องไปรอรับบัตรคิว พร้อมทั้งตรงไปที่ช่องหกที่เขียนว่า วีซ่าถาวร ก่อนหน้าเราก็มีคนยืนรอยื่นเอกสารอยู่สี่ห้าคน(นึกในใจมีคนมาเช้ากว่าเราอีกแฮะ ) มาถึงตาเราเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารเสร็จก็หันกลันมาถามเรา
เจ้าหน้าที่ : จบที่ใหนมาค่ะ
เรา : จบ ปวส.ที......ครับ
เจ้าหน้าที่ : เคยเรียนศึกษาผู้ใหญ่มามั้ย
เรา : เคยครับ เรียน กศน.ครับ
เจ้าหน้าที่ : หันกลับไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน คุยกันอยู่ซักพัก
เจ้าหน้าที่ :ในแบบฟอร์มไม่ได้ไส่ที่อยู่ที่ที่อเมริกามาค่ะ มีที่อยู่มั้ยค่ะ
เรา : ผมไม่รู้ว่าจะได้วีซ่าหรือป่าวเลยไม่ได้ไส่ไป
เจ้าหน้าที่ : ไม่ได้ค่ะต้องไส่ที่อยู่ด้วย ไม่งั้นระบบจะไม่รับ
เรา : เวรแล้วไง ไม่มีไครที่รู้จักที่โน้นซักคน ( คิดในใจนะ )
เจ้าหน้าที่ :วางมือบนเครื่องแสกนค่ะ แสกนเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปจ่ายตังตรงช่องจ่ายและที่ไปรษณีย์แล้วเอาใบเสร็จกลับมาให้เค้าและก็บอกให้นั้งรอสัมภาษณ์
   แต่ระหว่างที่นั้งรอก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนเรียกเราไปที่ช่อง 7 ( ไม่ได้ให้ไปที่หมอชิตนะ 555 )
เจ้าหน้าที่ :ตอนนี้ทำอะไรอยู่ค่ะ
เรา : รับเหมาช่วงต่อส่งสินค้าอยู่ครับ
เจ้าหน้าที่ :ก่อนหน้านี้ที่บริษัท....ทำหน้าที่อะไรค่ะ
เรา : เป็น catering supervisor ครับ
เจ้าหน้าที่ :เอาวุฒิ ม.ปลายมั้ย
เรา : ไม่ได้เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ : ทำไมไม่เอามาล่ะค่ะ
เรา : นึกว่าใช้แค่วุฒิสูงสุดครับ ( เดี๋ยวผมจะบอกตอนท้ายว่าทำไมไม่เอาวุฒิ กศน.ไป )
เจ้าหน้าที่ : โอเคค่ะ รอสัมภาษณ์กับกงสุลค่ะ
   ผ่านไปสามชั่วโมงจากแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมงกว่ากงสุลจะเรียกเรา แต่ก่อนหน้านั้นก็นั่งสังเกตุคนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าเรา ก็มีทั้งสมหวังและผิดหวังแต่ที่สังเกตุน่าจะเป็นวีซ่าคู่หมั้นหรือแต่งงานนี่แหละที่ไม่ผ่านแต่ล่ะคนน่าจะต้องไปหาเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมั้ง ( อันนี้เดาเอา )  
  เอาล่ะนอกเรื่อไปเยอะกลับมาเรื่องของเราดีกว่า
กงสุล : สวัสดีค่ะ
เรา : สวัสดีครับ
กงสุล : ชื่อคุณคือ?
เรา : ชื่อ.....ครับ
กงสุล : คุณไม่เข้าใจภาษาอังกฤษไช่มั้ย
เรา : เข้าใจนิดหน่อยครับ
กงสุล : โอเค ไปติดต่อที่ช่อง  7 ค่ะ
จบการสนทนาระหว่างเรากับกงสุลแค่นั้นจริงๆ นึกในใจไม่ผ่านแล้วมั้ง( เพราะมีปมในใจ เคยขอวีซ่าท่องเที่ยวเมื่อ 10กว่าปีก่อน แล้วก็สัมภาษณ์ใช้เวลาน้อยอย่างนี้แหละแล้วก็ไม่ผ่าน ) ใจก็เต้นระรัวแล้วก็ไปที่ช่อง 7
เจ้าหน้าที่ :คุณกรอกแบบฟอร์ม DS-230 part II ข้อ 40 คุณตอบ yes ทั้งหมดเลย เจ้าหน้าที่ก็อธิบายข้อ 40 ให้ฟังทั้งหมดและก็ถามเราเป็นข้อๆพร้อมทั้งให้เราขีดฆ่าที่ตอบ yes พร้อมทั้มทั้งเซ็นกำกับแล้วให้ตอบ no ให้หมด ( เดี๋ยวจะบอกที่หลังว่าทำไมผมถึงตอบ yes ทั้งหมด )
เจ้าหน้าที่ : ท่านกงสุลต้องการใบรับรองการจบวุฒิ ปวส.และทรานส์คลิปวุฒิ ม.6
เรา : ทรานส์คลิปวุฒิ ปวส. ใช้ไม่ได้หรอครับ
เจ้าหน้าที่ : ใช้ได้ค่ะแต่ท่านกงสุลอยากได้ใบรับรองจบด้วย
เรา : ได้ครับ
เจ้าหน้าที่ : ส่งมาทางไปรษณีย์นะค่ะ พร้อมทั้งยื่นพาสสปอตและเอกสารต่างๆคืนและใบสีขาว ที่ข้อความบอกว่าไม่สามารถออกวีซ่าให้ได้เนื่องจากเอกสารรับรองคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
   เราก็เดินคอตกกลับบ้านไป กลับมาถึงบ้านก็มานั่งคิดว่าจะส่งเอกสารที่เค้าเพิ่มขอไปมั้ย ส่งไปก็ไม่ผ่านจะส่งไปทำไม แล้วใหนจะเรื่องที่อยู่อีกล่ะไม่มีไครรู้จักซักคน จะมีรู้จักก็ไปเป็นฮู้ดอยู้โน้นเค้าคงไม่ให้ที่อยู่เราหรอกเพราะเดี๋ยวเค้าจะเดือดร้อนเอา สุดท้ายเรื่องที่อยู่ก็ได้มาจากน้องคนหนึ่งที่เคยจีบ(จีบไม่ติด5555)และพึ่งไปเรียนที่โน้นให้ความกรุณาให้ที่อยู่มาโดยติดต่อกันทาง facebook เราก็เลย เฮ้ย..เรื่องที่อยู่ที่ว่าจะหาไม่ได้ยังได้มาเลย ลองส่งเอกสารไปทีซิเผื่อจะโชคดี ก็เลยตัดสินใจส่งไปพร้อมทั้งฟาสสปอต
   หนึ่งเดือนผ่านไปใวเหมือนโกหก เสียงโทรศัพย์ดังขึ้น
ต้นสาย : คุณ...... ใช่มั้ยครับ
เรา : ใช่ครับ
ต้นสาย : โทรจากสถานทูตอเมริกาครับ
เรา : ครับ
ต้นสาย : วันพรุ่งนี้คุณมาแสกนนิ้วที่สถานทูตได้มั้ยครับ ทางเราไม่สามารถออกวีซ่าให้คูณได้เนื่องจากคุณเนื่องจากคุณไม่ได้แสกนนิ้วกับท่านกงสุล
เรา : เอ่อ เอ่อ สรุปว่าวีซ่าผมผ่านไม่ผ่านครับ
ต้นสาย : ผ่านครับแต่คุณต้องมาแสกนนิ้วกับท่านกงสุลถึงจะออกวีซ่าให้ได้
เรา : ได้ครับ ( ใจเต้นระรัว )
ต้นสาย : พรุ่งนี้ 7.00 น.ครับ
แล้วก็วางสายไปวันรุ่งขึ้นเราก็ไปที่สถานทูตอีกครั้งเวลาเดิมได้เข้าเวลาไกล้เคียงเดิม เข้าไปถึงก็เหมือนเดิมไปที่ช่อง 6 บอกชื่อและบอกว่ามาแสกนนี้ว เจ้าหน้าบอกอ๋อเดี๋ยวให้คิวแรกเลย ผ่านไป 3ชั่วโมงไม่ใช่คิวแรกซะหน่อยคิวที่3โน้น  แล้วกงสุลก็เรียก
กงสุล : สวัสดีค่ะ
เรา : สวัสดีครับ
กงสุล : ครั้งแรกคุณไปที่ช่อง 9 ไช่มั้ย
เรา : ครับ ( วันนั้นไม่ได้เฉียดช่อง 9เลย แต่ก็ตอบไป )
กงสุล : วางนี้ว 4 นิ้ว มือซ้ายที่เครื่องแสกนค่ะ
เราก็วางนิ้วบนเครื่องแสกนตามที่เค้าบอก รอประมาณ 15 วิ
กงสุล : เรียบร้อยค่ะ
แล้วเราก็กลับบ้านและรอประมาณ 3 ก็มีพัสดุสถานทูตมาส่ง รีบเปิดดูทันที่ข้างในมีเล่มพาสสปอตที่วีซ่าเรียบร้อยพร้อมทั้งซองเอกสารที่ระบุว่าห้ามเปิดเด็ดขาดให้เอาไปยื่นตอนเข้าอเมริกา และเอกสารให้จ่ายค่า USCIS immigrant fee จบแล้วได้มาซะที
        เอาล่ะผมจะบอกว่าทำไมผมไม่เอาวุฒิ ม.ุ6 ไป เพราะว่าผมเรียน กศน.แต่คุณสมบัติที่เค้าระบุคือเรียนจบ ม.ปลาย 12 ปี แต่ กศน. ม.ต้น ถึง ม. ปลายผมเรียน 4 ปีรวมประถมแล้วก็ 10 ปี ( ทำไงได้ล่ะครับเกิดมาไม่ค่อยมีตังก็ดิ้นรนจนจบ ปวส.ก็ดีที่สุดแล้ว)
       ส่วนการกรอกเอกสารที่ผม ตอบ yes ไปนั้นเพราะความสะเพร่าของผมเองที่ไม่อ่านให้ละเอียด ผมไปเชิร์สหาตามกูเกิลแล้วก็กรอกตามนั้นเลย
       ที่มาเขียนให้ทุกท่านอ่านก็เพื่อจะให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังใจจะไปสัมภาษณ์หรือเดินเรื่องอยู่ว่าขนาดผมโปรไฟล์ไม่สวยยังผ่านเลย ให้ทุกท่านพยายามทำต่อไปครับซักวันต้องเป็นวันของท่าน
       การเตรียมเอกสารสำคัญมากครับ ผมว่าการสัมภาษณ์กับกงสุลเป็นขั้นตอนปกติที่ต้องทำแต่เค้าน่าจะดูที่เอกสารเป็นหลักครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 30
DV 2014 ของผมนัดวันสัมภาษณ์วันที 25 สิงหา 2014 นี้ คือผมอยากทราบว่า ค่าvisa fee $330 นี้จ่ายอย่างไรคับ จ่ายทีสถานทูตโดยตรงก่อนการสัมภาษณ์เลยหรือเปล่าครับ ผมพยายามหาข้อมูลที่ DV website ให้ไว้แล้วหาไม่เจอะครับ รบกวนด้วยครับ

เจี๊ยบ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ผมขอตอบแทน จขกท

   อ้างอิง คห 2
     2.1 ผมได้ 2014 ผมสัมภาษ ปีที่แล้วเหมือนกันครับ ได้คนไทยคนแรกๆด้วยซ้ำ  ปล ของผมวีซ่าส่งมาให้ 5 วันหลังจากวันสัมภาษ
    2.2 ผมก็กรอก ds0230 เหมือนกันครับ  แล้วผมก็ไม่มี accompanying relatives.
    2.3 วีซ่าผมได้ปีที่แล้ว ณ ปัจจุบันก็ยังอยู่ กทม ครับจะไป us เร็วๆนี้ มันอยู่ได้ 6เดือน
    2.4   ที่คุณบอกว่า 4. วีซ่าถาวรอเมริกาไม่มีทางที่จะได้วีซ่าก่อนโดยที่ไม่จ่ายค่าวีซ่า (Fees) เพราะเห็นโพสว่าได้รับซองมาห้ามแกะ แล้วให้ไปจ่ายทีหลังกับ USCIS
        ค่าวีซ่าจ่ายก่อนสัมภาพที่สถานทูตครับ ไอ่ที่ซองห้ามแกะแล้วไปจ่ายกับ uscis นั่นมัน กรีนการ์ด ถ้าคุณเข้าอเมริกาพร้อมกับวีซ่า immigration โดยที่ไม่จ่าย USCIS  คุณเข้าได้ครับ แต่ green card จะไม่ส่งไปหาคุณ     ค่า fee วีซ่า หมื่นกว่าบาท แต่ค่า fee uscis แค่สีห้าพันเอง ต่างกันลิบ  
   2.5 อันนี้ผมจำไม่ได้จริงๆ เพราะโปรไฟล์ผมดี + หน้าตาหล่อ สถาทูติเค้าคิดว่าผมคงจะไปเพิ่งประชากรคนหน้าตาดีให้ประเทศเค้า เลยรีบๆอนุมัติวีซ่าผม เลยไม่ค่อยดูเอกสารเท่าไหร่  อิอิ

     ปล.   2.5 นี่ผมพูดเล่นนะครับ ไอ่โปรไฟล์ดีอะ แต่หน้าตาหล่อนี่ของจริง  555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่