เนื่องด้วยดิฉัน ได้ทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ให้กับคุณแม่ กับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต กับตัวแทนชื่อ "นายจำปี ไกรสร" เนื่องด้วยดิฉันไม่เคยทำประกันมาก่อนจึงไม่รู้ข้อบังคับ กฎต่าง ๆ ของบริษัทประกัน ประกอบกับการเชื่อใจตัวแทนที่มานำเสนอท่าท่างเชื่อใจได้ จึงไว้ใจในการให้คำแนะนะต่าง ๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำประกัน ดิฉันได้สอบถามทางตัวแทนว่าคุณแม่เคยเป็นมะเร็งปากมดลูกมาก่อนกว่า 20 ปี สามารถทำประกันสุขภาพได้หรือไม่และมีโรคความดันสูง, ไทรอยเป็นพิษ ร่วมด้วย แต่ทุกโรคตอนนี้หายหมดแล้ว เพราะมีการนัดตรวจทุก 3 ปี โดยร.พ จุฬา ผลออกมาทุกๆ ครั้งว่าคุณแม่หายจากโรคมะเร็ง และไทรอยแล้ว มีใบตรวจทุกครั้ง
ซึ่งทางตัวแทนตอบว่า "ทำได้ ให้ยื่นเรื่องเลย เพราะผลการรักษาของโรงพยาบาลต่างๆ เกิน 5 ปี เค้าลบข้อมูลทั้งหมดเลย เค้าไม่เก็บไว้หรอก เค้าไม่รู้หรอกว่าคุณแม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเกิน 15 ปียิ่งสบาย เวลาเข้าโรงพยาบาลก็อย่าไปบอกหมอว่าเคยเป็นโรคมะเร็งมาก่อนนะ เด๋วเครมไม่ได้" คำพูดนึ้คือคำพูดที่ดิฉันจำได้ขึ้นใจของนายจำปี ไกรสรค่ะ ทางดิฉันก็เชื่อใจเซ็นเอกสารทุกอย่าง จนมาถึงตรงที่ให้เลือกว่าคุณแม่เคยเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่ ดิฉันก็ไปถามตัวแทนอีกรอบว่า ไม่ต้องใส่ว่าเคยเป็นมะเร็งจริงเหรอ ตัวแทนนายจำปีบอกว่า "ให้เลือกว่า ไม่เคยไปเลย เพราะเค้าไม่รู้หรอก เด๋วอนุมัติไม่ผ่าน เพราะเค้าสืบไม่รู้อยู่แล้ว โรงพยาบาลไม่เก็บข้อมูลหรอก" นายจำปีก็ยังย้ำแบบนี้ ดิฉันเลยเชื่อใจและทำตามทุกอย่างและได้รับการอนุมัติ จนวันหนึ่งคุณแม่ป่วยฉุกเฉินจากการรับประทานอาหารทะเล แล้วติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ จึงต้องส่งโรงพยาบาลด่วน โดยระหว่างรักษาทางเราได้ปรึกษาตัวแทนตลอดว่าเครมได้หรือไม่ ทางตัวแทนบอกอย่างชัดว่า "ได้" ทางเราเลยมั่นใจและไม่คิดจะย้ายคุณแม่ไปโรงพยาบาลที่ข้าราชการเบิกได้ เพราะต้องการให้คุณแม่รับการรักษาอย่างเต็มที่ สรุปค่ารักษาทั้งหมดแสนกว่าบาท ทางเราต้องสำรองจ่ายเองก่อนเพราะทำประกันให้คุณแม่เพียง 2 เดือน ยังใช้บัตรจ่ายตรงไม่ได้ จึงนำเอกสารพร้อมใบเสร็จไปเบิกบริษัทเมืองไทยผ่านตัวแทน นายจำปี ไกรสร ต่อมามีพนักงานฝ่ายเครมบุกมาถึงบ้านโดยไม่แจ้งล่วงหน้า มาสอบถามอาการป่วยของคุณแม่ พยายามถามเรื่องว่าเคยเป็นมะเร็งมั้ย คาดครั้นกว่าชั่วโมง ซึ่งตัวแทนนายจำปีไกรสร แจ้งไว้ว่าห้ามบอกเด็ดขาดว่าเคยเป็น คุณแม่จึงตัดสินใจไม่บอก พอ 1 เดือนต่อมาเรื่องเงียบไป ทางเราจึงตามไปที่ทางตัวแทน ทางตัวแทนเริ่มบ่ายเบี่ยง บอกจะตามเรื่องให้และก็หายไป ไม่ติดตามอะไรให้เลย จนผ่านมาเกือบ 2 เดือน มีจดหมายจากทางบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตว่า บริษัทไม่จ่ายค่ารักษาทั้งหมด เพราะทางบริษัทได้สืบค้นประวัติเจอว่าคุณแม่เคยเป็นโรคมะเร็งมาก่อน และยังรับการรักษาอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอะไรต่อเลยจาก 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันร่างกายปกติทุกอย่าง สามารถให้ไปตรวจยืนยันได้ จึงแจ้งไปที่ตัวแทน แต่กลับได้รับการบ่ายเบี่ยงให้ติดต่อฝ่ายเครมเอง ทางตัวแทนไม่รู้เรื่อง ทางเราจึงโทรไปหาฝ่ายเครมที่มาที่บ้านเดือนก่อนว่าทำไมผลจึงออกมาเป็นแบบนี้ ทางฝ่ายเครมบอกว่า ทางเราเช็คดูว่าลูกค้าเคยเป็นมะเร็ง และตัวแทนนายไกรสรได้ยืนยันกับทางบริษัทว่า "ได้บอกข้อมูลกับทางลูกค้าแล้ว แต่ลูกค้าลือกที่จะปกปิดเรื่องโรคมะเร็งเอง" ทางเราจึงขอร้องเรียนนายจำปี ไกรสร ว่าไม่มีจรรณยาบรรณในวิชาชีพ บอกให้ลูกค้าที่ทำประกันโดยปกปิดความจริง จะได้อนุมัติง่ายๆ แต่พอมีปัญหากลับปัดปัญหาว่าลูกค้าผิด ทิ้งลูกค้า ไม่ติดตาม แถมยังโยนความผิดให้ว่าลูกค้าเลือกปกปิดเองทั้งหมด ทั้งที่นายจำปี ไกรสรแนะนำเองว่าให้ปกปิดตั้งแต่ก่อนเซนต์ด้วยซ้ำค่ะ เมื่อเกิดปัญหาแล้วทางเราไม่กล่าวโทษบริษัทค่ะ เพราะเข้าใจว่าเป็นข้อระเบียบ แต่ทางเราขอร้องเรียนให้ดำเนินความกับตัวแทนบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต "นายจำปี ไกรสร" ให้ถึงที่สุดด้วยค่ะ เพราะทางตัวแทนคนนี้ชอบไปออกบูธที่ Maxvalau CDC (เลียบทางด่วน) และที่อื่นๆ อีกค่ะ ไม่ต้องการให้หลอกลวงลูกค้าให้ทำประกันด้วย แล้วทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แบบนี้ค่ะ
[CR] เมืองไทยประกันชีวิต ดีไหม
ซึ่งทางตัวแทนตอบว่า "ทำได้ ให้ยื่นเรื่องเลย เพราะผลการรักษาของโรงพยาบาลต่างๆ เกิน 5 ปี เค้าลบข้อมูลทั้งหมดเลย เค้าไม่เก็บไว้หรอก เค้าไม่รู้หรอกว่าคุณแม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเกิน 15 ปียิ่งสบาย เวลาเข้าโรงพยาบาลก็อย่าไปบอกหมอว่าเคยเป็นโรคมะเร็งมาก่อนนะ เด๋วเครมไม่ได้" คำพูดนึ้คือคำพูดที่ดิฉันจำได้ขึ้นใจของนายจำปี ไกรสรค่ะ ทางดิฉันก็เชื่อใจเซ็นเอกสารทุกอย่าง จนมาถึงตรงที่ให้เลือกว่าคุณแม่เคยเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่ ดิฉันก็ไปถามตัวแทนอีกรอบว่า ไม่ต้องใส่ว่าเคยเป็นมะเร็งจริงเหรอ ตัวแทนนายจำปีบอกว่า "ให้เลือกว่า ไม่เคยไปเลย เพราะเค้าไม่รู้หรอก เด๋วอนุมัติไม่ผ่าน เพราะเค้าสืบไม่รู้อยู่แล้ว โรงพยาบาลไม่เก็บข้อมูลหรอก" นายจำปีก็ยังย้ำแบบนี้ ดิฉันเลยเชื่อใจและทำตามทุกอย่างและได้รับการอนุมัติ จนวันหนึ่งคุณแม่ป่วยฉุกเฉินจากการรับประทานอาหารทะเล แล้วติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ จึงต้องส่งโรงพยาบาลด่วน โดยระหว่างรักษาทางเราได้ปรึกษาตัวแทนตลอดว่าเครมได้หรือไม่ ทางตัวแทนบอกอย่างชัดว่า "ได้" ทางเราเลยมั่นใจและไม่คิดจะย้ายคุณแม่ไปโรงพยาบาลที่ข้าราชการเบิกได้ เพราะต้องการให้คุณแม่รับการรักษาอย่างเต็มที่ สรุปค่ารักษาทั้งหมดแสนกว่าบาท ทางเราต้องสำรองจ่ายเองก่อนเพราะทำประกันให้คุณแม่เพียง 2 เดือน ยังใช้บัตรจ่ายตรงไม่ได้ จึงนำเอกสารพร้อมใบเสร็จไปเบิกบริษัทเมืองไทยผ่านตัวแทน นายจำปี ไกรสร ต่อมามีพนักงานฝ่ายเครมบุกมาถึงบ้านโดยไม่แจ้งล่วงหน้า มาสอบถามอาการป่วยของคุณแม่ พยายามถามเรื่องว่าเคยเป็นมะเร็งมั้ย คาดครั้นกว่าชั่วโมง ซึ่งตัวแทนนายจำปีไกรสร แจ้งไว้ว่าห้ามบอกเด็ดขาดว่าเคยเป็น คุณแม่จึงตัดสินใจไม่บอก พอ 1 เดือนต่อมาเรื่องเงียบไป ทางเราจึงตามไปที่ทางตัวแทน ทางตัวแทนเริ่มบ่ายเบี่ยง บอกจะตามเรื่องให้และก็หายไป ไม่ติดตามอะไรให้เลย จนผ่านมาเกือบ 2 เดือน มีจดหมายจากทางบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตว่า บริษัทไม่จ่ายค่ารักษาทั้งหมด เพราะทางบริษัทได้สืบค้นประวัติเจอว่าคุณแม่เคยเป็นโรคมะเร็งมาก่อน และยังรับการรักษาอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอะไรต่อเลยจาก 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันร่างกายปกติทุกอย่าง สามารถให้ไปตรวจยืนยันได้ จึงแจ้งไปที่ตัวแทน แต่กลับได้รับการบ่ายเบี่ยงให้ติดต่อฝ่ายเครมเอง ทางตัวแทนไม่รู้เรื่อง ทางเราจึงโทรไปหาฝ่ายเครมที่มาที่บ้านเดือนก่อนว่าทำไมผลจึงออกมาเป็นแบบนี้ ทางฝ่ายเครมบอกว่า ทางเราเช็คดูว่าลูกค้าเคยเป็นมะเร็ง และตัวแทนนายไกรสรได้ยืนยันกับทางบริษัทว่า "ได้บอกข้อมูลกับทางลูกค้าแล้ว แต่ลูกค้าลือกที่จะปกปิดเรื่องโรคมะเร็งเอง" ทางเราจึงขอร้องเรียนนายจำปี ไกรสร ว่าไม่มีจรรณยาบรรณในวิชาชีพ บอกให้ลูกค้าที่ทำประกันโดยปกปิดความจริง จะได้อนุมัติง่ายๆ แต่พอมีปัญหากลับปัดปัญหาว่าลูกค้าผิด ทิ้งลูกค้า ไม่ติดตาม แถมยังโยนความผิดให้ว่าลูกค้าเลือกปกปิดเองทั้งหมด ทั้งที่นายจำปี ไกรสรแนะนำเองว่าให้ปกปิดตั้งแต่ก่อนเซนต์ด้วยซ้ำค่ะ เมื่อเกิดปัญหาแล้วทางเราไม่กล่าวโทษบริษัทค่ะ เพราะเข้าใจว่าเป็นข้อระเบียบ แต่ทางเราขอร้องเรียนให้ดำเนินความกับตัวแทนบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต "นายจำปี ไกรสร" ให้ถึงที่สุดด้วยค่ะ เพราะทางตัวแทนคนนี้ชอบไปออกบูธที่ Maxvalau CDC (เลียบทางด่วน) และที่อื่นๆ อีกค่ะ ไม่ต้องการให้หลอกลวงลูกค้าให้ทำประกันด้วย แล้วทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แบบนี้ค่ะ