ก่อนอื่นเลยขอแนะนำตัวก่อนค่ะ เมื่อปลายปีที่แล้ว จขกท ซื้อคอนโดแห่งหนึ่งใน ซ.เรวดี ไม่ใช่คอนโดหรูอะไรนัก อาคารมี 8 ชั้น
หลังจากซื้อคอนโดแล้วก็ได้คุยกับเพื่อนชื่อ น้องบี ที่เรียนด้วยกัน เรื่องคอนโดว่าอยู่ตรงไหน ดียังงัย ให้ไปเยี่ยมบ้างสิ ตามประสาผู้หญิงคุยกัน
จากนั้นเพื่อนน้องบีที่ทำงานด้วยกัน ชื่อคุณกรณ์ กำลังมองหาคอนโดอยู่ น้องบีจึงโทรมาปรึกษา จขกท ก็เลยแนะนำให้เข้ามาดูที่คอนโดที่เราอยู่ซะเลย
นึกได้ เอ๊ะ! ถ้าแนะนำคนมาซื้อคอนโดจะได้ค่าคอมมิสชั่นด้วยนี่นา... ก็บอกน้องบีให้ไปหาเซลล์ ชื่อคุณมุ้ย แล้วบอกด้วยนะจ๊ะว่า จขกท แนะนำมา ...
คุณกันเสร็จไม่ทันไร ตอนเที่ยงน้องบีกับคุณกรณ์และเพื่อนๆ ก็ไปดูคอนโดกันเลย น้องบีก็รู้งาน ก็แจ้งเซลล์คุณมุ้ยว่า จขกท แนะนำมา
ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยดี คุณกรณ์ดูเสร็จก็จองห้องเลยโดยทันที พอน้องบีกลับจากดูคอนโด ก็โทรมาเม้าส์มอยกับ จขกท ตามประสา
จขกท เม้าส์เสร้จก็โทรไปเช็คกับเซลล์ที่คอนโด ว่าเพื่อน จขกท ที่มาดูห้องเรียบร้อยดีมั้ย เซลล์ก็บอกว่าเรียบร้อยดี จองแล้ว ยังบอกอีกว่า
ถ้าแจ้งก่อนว่าเพื่อนจะมา เซลล์จะได้ไปคุยกับเจ้าของโครงการให้ก่อน เผื่อจะได้ส่วนลดเพิ่มเติม... เหตุการณ์ดูดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกอย่างดูเข้าล็อค ... แต่ จขกท ไม่ได้ถามว่าค่าคอมมิสชั่นจะได้เมื่อไร ได้เลยมั้ย ติดอะไรรึป่าว ... เข้าใจไปเองว่าแนะนำไปขนาดนั้น โทรเช็คก็เช็คแล้ว ก็เข้าใจกันแล้วนี่ว่าแนะนำมา ...
จากนั้นก็ยังชิลๆ จนกระทั่งคุณกรณ์ย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดได้เกือบเดือน... ไม่มีวี่แววค่าคอมมิสชั่นเลย.... จขกท. จึงไปถามเซลล์ แต่วันนั้นไม่พบคุณมุ้ยแต่พบคุณน้อยแทน (ที่คอนโดมีเซลล์ 2 คน คุณมุ้ย กับคุณน้อย) คุณน้อยก็บอกว่าเดี๋ยวจะตามเรื่องให้นะคะ ... ก็ยังดูโอเคนะ เอออ...
จากนั้นประมาณ 2-3 เดือน ก็ยังไม่มีวี่แววค่าคอมมิสชั่นนั่นเลย... คุณน้อยที่บอกว่าจะตามเรื่องให้ก็ไม่ติดต่อมา...
จขกท. โทรไปที่สำนักงาน ได้คุยกับคุณน้อย ส่วนคุณมุ้ยไม่อยู่... คุณน้อยก็แจ้งว่าเรื่องนี้ต้องคุยกับคุณมุ้ย (นั่นงัย เอาแล้วงัย) เดี๋ยวจะบอกคุณมุ้ยให้ แล้วให้คุณมุ้ยโทรกลับไปหานะ (อาฮ่ะ รอก็ได้ ก็รอมาซะขนาดนี้แล้วนี่)
วันต่อมา ไม่มีการติดต่อกลับจากคุณมุ้ย ... เอ๊ะ ยังงัย
วันถัดมาอีก จขกท. เลยหาเบอร์มือถือของคุณมุ้ย (ที่มีในเครื่อง) แล้วโทรไปหาโดยตรงเลย ... ไม่มีคนรับ... และไม่มีคนโทรกลับด้วย (นั่นงัยๆ ชักเริ่มและ)
วันถัดมาก็คือเช้าวันพฤหัสที่ 6 มีนาคม 2557 นี่เอง ที่ จขกท. ไปทำงานสาย จึงมีโอกาสได้เจอกับคุณมุ้ย ที่ออฟฟิศใต้คอนโด ... ไม่รีรอแล้ว ดิ่งเข้าไปถามเลยและกัน
จขกท : คุณมุ้ยคะ คุณน้อยแจ้งรึยังคะเรื่องค่าคอมมิสชั่นห้องคุณกรณ์ที่โทรมาถาม
คุณมุ้ย : อ๋ออออ... ค่ะ มุ้ยเคยแจ้งไปตั้งนานแล้วนี่คะว่าไม่ได้
จขกท : แจ้งตั้งนานแล้ว? เมื่อไหร่คะ ยังไม่เคยแจ้งเลยค่ะ (ถ้าแกแจ้งชั้นแล้ว ชั้นจะมายืนถามแกตรงนี้เพื่อ!!! แหม่....)
คุณมุ้ย : แจ้งแล้วค่ะ (เสียงเบาๆ)
จขกท : ที่บอกว่าไม่ได้นี่ ทำไมถึงไม่ได้คะ?
คุณมุ้ย : ก็บัญชีเค้าก็ตัดยอดไปแล้ว ส่วนคุณกรณ์ตอนที่เค้าจองเค้าก็ไม่เคยเอ่ยชื่อคุณ จขกท เลยนะคะ มีแต่น้องผู้หญิงที่มาด้วยกันเค้าบอกว่าเป็นเพื่อนกับ จขกท แต่น้องผู้หญิงเค้าไม่ได้จอง คุณกรณ์ก็ไม่เคยเอ่ยชื่อคุณ จขกท ...
จขกท : ... (อึ้งไป 5 วิ! แอร๊ยยยยยยยยย มันเป็นคำตอบที่ชั้นไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมาก่อน คาดไม่ถึงสุดๆๆๆๆๆๆ)
จขกท : คุณมุ้ยคะ น้องบีเป็นเพื่อนของ จขกท แล้วคนที่ต้องการซื้อคอนโด หาคอนโดในเวลานั้น ก็คือคุณกรณ์นี่แหละ จขกท ถึงแนะนำให้มาดูที่นี่ยังงัยล่ะ
คุณมุ้ย : ยังงัยก็ไม่ได้ค่ะ ถึงจะอย่างงั้นก็เถอะ ก็ตอนจองคุณกรณ์ไม่ได้เขียนในใบจองว่า จขกท แนะนำมา บัญชีเค้าก็ตัดยอดตามนั้น (แกน่ะสิจงใจชัดๆ)
จขกท : ... ไม่เป็นไร สะบัดหน้าหน้าเดินหนีไป (ในใจชั้นโกรธแกมาก ปรี๊ดมากกกกก ทำมัยแกไม่หาคำตอบที่มันฟังเข้าท่ากว่านี้มา แกคิดว่าชั้นบ้ารึงัยเนี่ย...ถึงได้แถมาแบบนี้ )
ประสบการณ์คราวนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าไปไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะเซลล์กับเรื่องเงินๆ ทองๆ นะคะ" หากใครที่จะแนะนำเพื่อนต่อและหวังค่าคอมมิสชั่นที่เป็นนโยบายของคอนโดแล้วล่ะก็ ขอให้ทำทุกอย่างให้มีหลักฐานนะคะ ให้เพื่อนเขียนในใบจองไปเลยว่าใครแนะนำ ยิ่งถ้าพาไปเพื่อนไปจองเองได้เลยก็ยิ่งดีค่ะ ก่อนเพื่อนจะจอง คุยกันให้เคลียร์กับเซลล์ก่อนให้เซลล์เขียนเป็นข้อความพร้อมลงลายเซนต์ไว้ แล้วถ่ายรูปเก็บไว้เลยค่ะ
อยากจะฝากถึงเจ้าของคนโดทั้งหลาย ที่ตั้งนโยบายแบบนี้ขึ้นมาเพื่อให้บริษัทได้ประโยชน์จากการแนะนำต่อของลูกค้า แต่กลับกลายเป็นว่าพนักงานของตนเองฉกฉวยโอกาสจากลูกค้า แล้วยังทำให้ลูกค้าต้องมารู้สึกแย่อีก ทั้งที่นโยบายแบบนี้ตั้งใจที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับบริษัทแท้ๆ
จขกท ไม่ได้หวังหรืออยากได้ค่าคอมมิสชั่นแล้วล่ะคะ แล้วก็ไม่ได้หลักฐานที่เป็นเอกสารอะไร แต่อยากมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ให้ท่านอื่นได้ตระหนักถึง พึงระวังตรงจุดนี้เอาไว้ด้วยค่ะ จขกท ก็คิดว่าถ้าตัว จขกท เองได้เคยอ่านเจอเรื่องราวแบบนี้มาก่อน คงจะต้องระวังให้มากกว่านี้และอาจจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้เสียความรู้สึกได้ค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นด้วยนะคะ ^^
ปล. ทุกชื่อในกระทู้เป็นชื่อสมมุตินะคะ ...
อุทาหรณ์การแนะนำเพื่อนมาซื้อคอนโดที่เดียวกันแล้วจะได้ค่าคอมมิสชั่น! จริงหรือหลอก!
หลังจากซื้อคอนโดแล้วก็ได้คุยกับเพื่อนชื่อ น้องบี ที่เรียนด้วยกัน เรื่องคอนโดว่าอยู่ตรงไหน ดียังงัย ให้ไปเยี่ยมบ้างสิ ตามประสาผู้หญิงคุยกัน
จากนั้นเพื่อนน้องบีที่ทำงานด้วยกัน ชื่อคุณกรณ์ กำลังมองหาคอนโดอยู่ น้องบีจึงโทรมาปรึกษา จขกท ก็เลยแนะนำให้เข้ามาดูที่คอนโดที่เราอยู่ซะเลย
นึกได้ เอ๊ะ! ถ้าแนะนำคนมาซื้อคอนโดจะได้ค่าคอมมิสชั่นด้วยนี่นา... ก็บอกน้องบีให้ไปหาเซลล์ ชื่อคุณมุ้ย แล้วบอกด้วยนะจ๊ะว่า จขกท แนะนำมา ...
คุณกันเสร็จไม่ทันไร ตอนเที่ยงน้องบีกับคุณกรณ์และเพื่อนๆ ก็ไปดูคอนโดกันเลย น้องบีก็รู้งาน ก็แจ้งเซลล์คุณมุ้ยว่า จขกท แนะนำมา
ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยดี คุณกรณ์ดูเสร็จก็จองห้องเลยโดยทันที พอน้องบีกลับจากดูคอนโด ก็โทรมาเม้าส์มอยกับ จขกท ตามประสา
จขกท เม้าส์เสร้จก็โทรไปเช็คกับเซลล์ที่คอนโด ว่าเพื่อน จขกท ที่มาดูห้องเรียบร้อยดีมั้ย เซลล์ก็บอกว่าเรียบร้อยดี จองแล้ว ยังบอกอีกว่า
ถ้าแจ้งก่อนว่าเพื่อนจะมา เซลล์จะได้ไปคุยกับเจ้าของโครงการให้ก่อน เผื่อจะได้ส่วนลดเพิ่มเติม... เหตุการณ์ดูดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกอย่างดูเข้าล็อค ... แต่ จขกท ไม่ได้ถามว่าค่าคอมมิสชั่นจะได้เมื่อไร ได้เลยมั้ย ติดอะไรรึป่าว ... เข้าใจไปเองว่าแนะนำไปขนาดนั้น โทรเช็คก็เช็คแล้ว ก็เข้าใจกันแล้วนี่ว่าแนะนำมา ...
จากนั้นก็ยังชิลๆ จนกระทั่งคุณกรณ์ย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดได้เกือบเดือน... ไม่มีวี่แววค่าคอมมิสชั่นเลย.... จขกท. จึงไปถามเซลล์ แต่วันนั้นไม่พบคุณมุ้ยแต่พบคุณน้อยแทน (ที่คอนโดมีเซลล์ 2 คน คุณมุ้ย กับคุณน้อย) คุณน้อยก็บอกว่าเดี๋ยวจะตามเรื่องให้นะคะ ... ก็ยังดูโอเคนะ เอออ...
จากนั้นประมาณ 2-3 เดือน ก็ยังไม่มีวี่แววค่าคอมมิสชั่นนั่นเลย... คุณน้อยที่บอกว่าจะตามเรื่องให้ก็ไม่ติดต่อมา...
จขกท. โทรไปที่สำนักงาน ได้คุยกับคุณน้อย ส่วนคุณมุ้ยไม่อยู่... คุณน้อยก็แจ้งว่าเรื่องนี้ต้องคุยกับคุณมุ้ย (นั่นงัย เอาแล้วงัย) เดี๋ยวจะบอกคุณมุ้ยให้ แล้วให้คุณมุ้ยโทรกลับไปหานะ (อาฮ่ะ รอก็ได้ ก็รอมาซะขนาดนี้แล้วนี่)
วันต่อมา ไม่มีการติดต่อกลับจากคุณมุ้ย ... เอ๊ะ ยังงัย
วันถัดมาอีก จขกท. เลยหาเบอร์มือถือของคุณมุ้ย (ที่มีในเครื่อง) แล้วโทรไปหาโดยตรงเลย ... ไม่มีคนรับ... และไม่มีคนโทรกลับด้วย (นั่นงัยๆ ชักเริ่มและ)
วันถัดมาก็คือเช้าวันพฤหัสที่ 6 มีนาคม 2557 นี่เอง ที่ จขกท. ไปทำงานสาย จึงมีโอกาสได้เจอกับคุณมุ้ย ที่ออฟฟิศใต้คอนโด ... ไม่รีรอแล้ว ดิ่งเข้าไปถามเลยและกัน
จขกท : คุณมุ้ยคะ คุณน้อยแจ้งรึยังคะเรื่องค่าคอมมิสชั่นห้องคุณกรณ์ที่โทรมาถาม
คุณมุ้ย : อ๋ออออ... ค่ะ มุ้ยเคยแจ้งไปตั้งนานแล้วนี่คะว่าไม่ได้
จขกท : แจ้งตั้งนานแล้ว? เมื่อไหร่คะ ยังไม่เคยแจ้งเลยค่ะ (ถ้าแกแจ้งชั้นแล้ว ชั้นจะมายืนถามแกตรงนี้เพื่อ!!! แหม่....)
คุณมุ้ย : แจ้งแล้วค่ะ (เสียงเบาๆ)
จขกท : ที่บอกว่าไม่ได้นี่ ทำไมถึงไม่ได้คะ?
คุณมุ้ย : ก็บัญชีเค้าก็ตัดยอดไปแล้ว ส่วนคุณกรณ์ตอนที่เค้าจองเค้าก็ไม่เคยเอ่ยชื่อคุณ จขกท เลยนะคะ มีแต่น้องผู้หญิงที่มาด้วยกันเค้าบอกว่าเป็นเพื่อนกับ จขกท แต่น้องผู้หญิงเค้าไม่ได้จอง คุณกรณ์ก็ไม่เคยเอ่ยชื่อคุณ จขกท ...
จขกท : ... (อึ้งไป 5 วิ! แอร๊ยยยยยยยยย มันเป็นคำตอบที่ชั้นไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมาก่อน คาดไม่ถึงสุดๆๆๆๆๆๆ)
จขกท : คุณมุ้ยคะ น้องบีเป็นเพื่อนของ จขกท แล้วคนที่ต้องการซื้อคอนโด หาคอนโดในเวลานั้น ก็คือคุณกรณ์นี่แหละ จขกท ถึงแนะนำให้มาดูที่นี่ยังงัยล่ะ
คุณมุ้ย : ยังงัยก็ไม่ได้ค่ะ ถึงจะอย่างงั้นก็เถอะ ก็ตอนจองคุณกรณ์ไม่ได้เขียนในใบจองว่า จขกท แนะนำมา บัญชีเค้าก็ตัดยอดตามนั้น (แกน่ะสิจงใจชัดๆ)
จขกท : ... ไม่เป็นไร สะบัดหน้าหน้าเดินหนีไป (ในใจชั้นโกรธแกมาก ปรี๊ดมากกกกก ทำมัยแกไม่หาคำตอบที่มันฟังเข้าท่ากว่านี้มา แกคิดว่าชั้นบ้ารึงัยเนี่ย...ถึงได้แถมาแบบนี้ )
ประสบการณ์คราวนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าไปไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะเซลล์กับเรื่องเงินๆ ทองๆ นะคะ" หากใครที่จะแนะนำเพื่อนต่อและหวังค่าคอมมิสชั่นที่เป็นนโยบายของคอนโดแล้วล่ะก็ ขอให้ทำทุกอย่างให้มีหลักฐานนะคะ ให้เพื่อนเขียนในใบจองไปเลยว่าใครแนะนำ ยิ่งถ้าพาไปเพื่อนไปจองเองได้เลยก็ยิ่งดีค่ะ ก่อนเพื่อนจะจอง คุยกันให้เคลียร์กับเซลล์ก่อนให้เซลล์เขียนเป็นข้อความพร้อมลงลายเซนต์ไว้ แล้วถ่ายรูปเก็บไว้เลยค่ะ
อยากจะฝากถึงเจ้าของคนโดทั้งหลาย ที่ตั้งนโยบายแบบนี้ขึ้นมาเพื่อให้บริษัทได้ประโยชน์จากการแนะนำต่อของลูกค้า แต่กลับกลายเป็นว่าพนักงานของตนเองฉกฉวยโอกาสจากลูกค้า แล้วยังทำให้ลูกค้าต้องมารู้สึกแย่อีก ทั้งที่นโยบายแบบนี้ตั้งใจที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับบริษัทแท้ๆ
จขกท ไม่ได้หวังหรืออยากได้ค่าคอมมิสชั่นแล้วล่ะคะ แล้วก็ไม่ได้หลักฐานที่เป็นเอกสารอะไร แต่อยากมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ให้ท่านอื่นได้ตระหนักถึง พึงระวังตรงจุดนี้เอาไว้ด้วยค่ะ จขกท ก็คิดว่าถ้าตัว จขกท เองได้เคยอ่านเจอเรื่องราวแบบนี้มาก่อน คงจะต้องระวังให้มากกว่านี้และอาจจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้เสียความรู้สึกได้ค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นด้วยนะคะ ^^
ปล. ทุกชื่อในกระทู้เป็นชื่อสมมุตินะคะ ...