แก้ไขตามความจริง บทนำมติชน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน. สั่งให้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่น่าสงสัยว่ามีพฤติกรรมแบ่ง
แยกดินแดนว่า ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ต้องปฏิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม อย่าให้น้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งนี้ ในการ
ประชุมสภากลาโหม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงท่าทีดังกล่าวอีกครั้ง โดยย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ
กฎหมาย ทั้งนี้ ต้องดำเนินการกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมด้วย
การแบ่งแยกดินแดนเป็นเรื่องฉกรรจ์ ข้อหากบฏมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีชีวิตอยู่กับคนอื่น
ไม่เป็นปกติสุข ดังนั้น การพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนกล่าวหา ถือเป็นสิ่งพึงกระทำ เพราะจะทำให้ทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น
เช่น การตรวจสอบที่มาของ สปป.ล้านนา พบว่า ไม่ใช่ชื่อสาธารณรัฐใหม่อย่างที่เข้าใจผิด แต่เป็นสมัชชาปกป้อง
ประชาธิปไตยล้านนา ที่ตั้งชื่อล้อมาจาก สปป. หรือสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย โดยกลุ่มนักวิชาการผู้ต้องการปก
ป้องประชาธิปไตยรวมตัวกันก่อตั้ง หรือ
การตรวจสอบสาเหตุที่แท้ของการแขวนป้ายแบ่งแยกดินแดนซึ่งพบว่า เป็น
เพียงการระบายความน้อยใจ เนื่องจากรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม
การตรวจสอบข้อเท็จจริงจะทำให้มองเห็นสาเหตุของปัญหา เช่น
หากพบว่าปัญหาเกิดจากความไม่เสมอภาค หรือไม่
ได้รับความเป็นธรรม การแก้ปัญหาก็ควรเคร่งครัดในการดำเนินการต่างๆ อย่างเท่าเทียม และทำให้ทุกฝ่ายได้รับความ
เป็นธรรม ถ้าทำได้ ปัญหาที่เป็นอยู่ก็จะสลายไป ดังนั้น ในสถานการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ การทำความเข้าใจและการ
แก้ไขต้นเหตุของปัญหา น่าจะเป็นสิ่งที่พึงกระทำและมีประสิทธิภาพมากกว่าการมุ่งใช้กฎหมายเข้าจัดการ เพราะใน
สถานการณ์ที่ประเทศอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
หากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ผิดพลาด มีการใช้อำนาจตอกย้ำ
ความเหลื่อมล้ำ หรือสร้างความรู้สึกไม่ยุติธรรมให้เกิดขึ้น แทนที่ปัญหาความไม่เข้าใจจะยุติลง อาจกลายเป็นว่า
ปัญหาได้ขยายไปสู่สถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าเดิม เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศนี้ และหากมีหนทางใดที่
สามารถยับยั้งมิให้เกิดซ้ำได้ก็พึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง
http://www.matichon.co.th/daily/view_newsonline.php?newsid=1394075454§ionid=0102
เรียกร้องกัน ให้ปฏิรูปประเทศไทย แก้ไขด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ
แต่ปัญหา ที่คนกลุ่มหนึ่งเรียกร้อง ขอแบ่งแยกดินแดน ก็ออกมาบอกแบบซื่อๆ
ว่าน้อยใจ เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะเห็นถึงความเหลื้อมล้ำ
ที่เขาได้รับ จากกระบวนการยุติธรรม
แค่ปัญหา ของคน 2 กลุ่มที่ขัดแย้งทางการการเมือง ยังไม่คิดจะหาทางแก้ไข จะไป
คิดปฏิรูปประเทศได้อย่างไร
ใครที่ทำให้ คนส่วนหนึ่งรู้สึกแบบนี้ ส่องกระจก ดูตัวเองบ้างทำไม บ้านอยู้ใก้ส่วนราชการ
ม็อบกปปส. ยกขบวนมาขับไล่ ข้าราชการ ปิดประตูล่ามโซ่ ไม่ให้ข้าราชการ เข้าไป
ทำงาน ศาลแพ่งบอก ห้ามรัฐบาล สลายการชุมนุม ตลก.บอกเป็นสิทธิตามรธน.
ใครช่วยบอกที่ นี่เป็นความเหลื่อมล้ำ ที่ศาลให้กับรัฐบาล หรือเปล่า
ผบ.ทบ.ที่เคารพ ท่านจะแก้ปัญหานี้ไหม ในฐานะที่ท่านอยู่ฝ่ายความมั่นคง
ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่กระบวนการยุติธรรมมอบให้กับคนกลุ่มหนึ่ง ใครจะแก้ไข ?
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน. สั่งให้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่น่าสงสัยว่ามีพฤติกรรมแบ่ง
แยกดินแดนว่า ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ต้องปฏิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม อย่าให้น้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งนี้ ในการ
ประชุมสภากลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงท่าทีดังกล่าวอีกครั้ง โดยย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ
กฎหมาย ทั้งนี้ ต้องดำเนินการกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมด้วย
การแบ่งแยกดินแดนเป็นเรื่องฉกรรจ์ ข้อหากบฏมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีชีวิตอยู่กับคนอื่น
ไม่เป็นปกติสุข ดังนั้น การพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนกล่าวหา ถือเป็นสิ่งพึงกระทำ เพราะจะทำให้ทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น
เช่น การตรวจสอบที่มาของ สปป.ล้านนา พบว่า ไม่ใช่ชื่อสาธารณรัฐใหม่อย่างที่เข้าใจผิด แต่เป็นสมัชชาปกป้อง
ประชาธิปไตยล้านนา ที่ตั้งชื่อล้อมาจาก สปป. หรือสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย โดยกลุ่มนักวิชาการผู้ต้องการปก
ป้องประชาธิปไตยรวมตัวกันก่อตั้ง หรือการตรวจสอบสาเหตุที่แท้ของการแขวนป้ายแบ่งแยกดินแดนซึ่งพบว่า เป็น
เพียงการระบายความน้อยใจ เนื่องจากรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม
การตรวจสอบข้อเท็จจริงจะทำให้มองเห็นสาเหตุของปัญหา เช่น หากพบว่าปัญหาเกิดจากความไม่เสมอภาค หรือไม่
ได้รับความเป็นธรรม การแก้ปัญหาก็ควรเคร่งครัดในการดำเนินการต่างๆ อย่างเท่าเทียม และทำให้ทุกฝ่ายได้รับความ
เป็นธรรม ถ้าทำได้ ปัญหาที่เป็นอยู่ก็จะสลายไป ดังนั้น ในสถานการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ การทำความเข้าใจและการ
แก้ไขต้นเหตุของปัญหา น่าจะเป็นสิ่งที่พึงกระทำและมีประสิทธิภาพมากกว่าการมุ่งใช้กฎหมายเข้าจัดการ เพราะใน
สถานการณ์ที่ประเทศอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง หากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ผิดพลาด มีการใช้อำนาจตอกย้ำ
ความเหลื่อมล้ำ หรือสร้างความรู้สึกไม่ยุติธรรมให้เกิดขึ้น แทนที่ปัญหาความไม่เข้าใจจะยุติลง อาจกลายเป็นว่า
ปัญหาได้ขยายไปสู่สถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าเดิม เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศนี้ และหากมีหนทางใดที่
สามารถยับยั้งมิให้เกิดซ้ำได้ก็พึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง
http://www.matichon.co.th/daily/view_newsonline.php?newsid=1394075454§ionid=0102
เรียกร้องกัน ให้ปฏิรูปประเทศไทย แก้ไขด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ
แต่ปัญหา ที่คนกลุ่มหนึ่งเรียกร้อง ขอแบ่งแยกดินแดน ก็ออกมาบอกแบบซื่อๆ
ว่าน้อยใจ เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะเห็นถึงความเหลื้อมล้ำ
ที่เขาได้รับ จากกระบวนการยุติธรรม
แค่ปัญหา ของคน 2 กลุ่มที่ขัดแย้งทางการการเมือง ยังไม่คิดจะหาทางแก้ไข จะไป
คิดปฏิรูปประเทศได้อย่างไร
ใครที่ทำให้ คนส่วนหนึ่งรู้สึกแบบนี้ ส่องกระจก ดูตัวเองบ้างทำไม บ้านอยู้ใก้ส่วนราชการ
ม็อบกปปส. ยกขบวนมาขับไล่ ข้าราชการ ปิดประตูล่ามโซ่ ไม่ให้ข้าราชการ เข้าไป
ทำงาน ศาลแพ่งบอก ห้ามรัฐบาล สลายการชุมนุม ตลก.บอกเป็นสิทธิตามรธน.
ใครช่วยบอกที่ นี่เป็นความเหลื่อมล้ำ ที่ศาลให้กับรัฐบาล หรือเปล่า
ผบ.ทบ.ที่เคารพ ท่านจะแก้ปัญหานี้ไหม ในฐานะที่ท่านอยู่ฝ่ายความมั่นคง