จากอดีตที่ผ่านมาภาพที่เราเห็นมักจะเป็นว่าทหารคือฮีโร่ ของคนไทย ไม่ว่าประเทศจะมีปัญหาอะไร ก็มักจะเรียกใช้บริการของทหารกันเสมอ
ไม่ว่าจะปัญหาความไม่สงบ ภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่ปัญหาทางการเมือง
เราถูกปลูกฝังให้ชื่นชมว่าทหารนั้นเป็นอาชีพที่มีเกียรติ
ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกองทัพนั้นเห็นได้จากทุกครั้งที่เกิดวิกฤติจะมีน้ำใจจากภาคประชาชน ส่งเป็นกำลังใจส่งไปสนับสนุนทหารเสมอ
เมื่อทหารถูกกระทำ ก็จะเห็นประชาชนออกมาแสดงความโกรธแค้นคนที่ทำร้ายทหารกันอย่างมากมาย
เพราะทหารในอุดมคติก็คือฮีโร่ผู้เสียสละ
แต่ในโลกปัจจุบัน ที่การสร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อทำกันได้ยากเพราะ ข้อมูลข่าวสารไม่สามารถปิดกั้นกันได้เหมือนเช่นแต่ก่อน
ภาพความเป็นฮีโร่ผู้เสียสละเริ่มมีเครื่องหมายคำถามขึ้นมากมาย
ข่าวเรื่องความไม่โปร่งใสในเรื่องงบประมาณ การโยกย้ายตำแหน่ง และผลประโยชน์ของนายทหารระดับสูง
มันย้อนแย้งกับภาพทหารผู้เสียสละตรงไปตรงมามากมายนัก
ภาพความโหดร้ายป่าเถื่อนของทหารไทย ก็มีเผลอหลุดออกมาให้ประชาชนได้เห็นกันบ่อยครั้ง
กับการใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ยังเป็นแผลเป็นที่รักษาไม่หาย
ยังมีเหตุการณ์ร้ายๆป่าเถื่อนด้วยวิธีการโหดเหี้ยม มีการใช้อาวุธสงครามก่ออาชญากรรม
ทุกครั้งที่สืบสวนกันไปก็ไปจบที่ว่าเป็นฝีมือของทหารแทบจะทุกที
ยิ่งเป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็ยิ่งเกิดคำถามว่าตกลงแล้วทหารไทยเป็นทหารที่รักระบอบประชาธิปไตยจริงๆหรือ?
ทั้งการแสดงออกของทางกองทัพเองที่มักจะลับๆล่อๆ ไม่ตรงไปตรงมาชัดเจนในแบบฉบับของฮีโร่
ก็ยิ่งทำให้น่าแคลงใจกับภาพลักษณ์ที่เคยเชื่อกันว่าทหารนั้นคือฮีโร่ผู้เสียสละ
และหากว่าความจริงทุกอย่างชี้นำไปที่ว่าทหารนั้นเป็นแค่ฮีโร่จอมปลอมแน่นอนว่า
ความรู้สึกต่างๆที่ประชาชนเคยมีต่อทหารย่อมเปลี่ยนไป
มุมมองที่เคยเห็นว่าโจรใต้นั้นชั่วช้า เห็นอกเห็นใจทหารที่เสียสละไปทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินก็เปลี่ยนไป
อย่างแรกก็คือที่ทำๆกันไปนี่ก็เพราะมันเป็นอาชีพ ที่รับจ้างมาทำด้วยราคาแสนแพง
ไปทำเพราะมีโอกาสกอบโกบผลประโยชน์มหาศาลโดยที่ไม่มีกฏหมายไปตรวจสอบได้
ไม่ใช่การเสียสละอะไรแต่อย่างใด
การที่โจรใต้โหดร้ายป่าเถื่อนก็ต้องมีสาเหตุที่มา ซึ่งอาจจะมีปฐมบทที่เกิดจากความโหดร้ายป่าเถื่อน
ความไม่ยุติธรรมที่ทหารไปยัดเยียดให้ประชาชนก็เป็นได้
ยิ่งได้รับรู้การกระทำที่ไม่ถูกต้องของกองทัพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นปัจจัยให้เกิดความเกลียดชังสะสมมีต่อ
ฮีโร่จอมปลอมมากขึ้นไปทุกที
ไม่แน่ว่าในเวลาอันใกล้นี้จากที่ประชาชนเคยรู้สึกเห็นอกเห็นใจเวลาที่ทหารถูกกระทำ อาจจะเปลี่ยนเป็นรู้สึกสะใจทุกครั้งที่ทหารถูกกระทำก็เป็นได้
เพราะจากประวัติศาสตร์โลกไม่ว่าที่ไหน หากทหารเป็นศัตรูกับประชาชนเมื่อไหร่
แผ่นดินก็ไม่สามารถอยู่อาศัยกันอย่างเป็นสุขอีกต่อไปทุกที่แหละครับ เป็นสัจธรรมทางรัฐศาสตร์
เรื่องราวประกอบนี้เป็นเหตุการณ์สดๆร้อนๆที่เกิด ณ.ฐาณทัพอากาศที่ ไครเมีย ในยูเครน
ทหารหาญของยูเครน เดินมาร์ชมือปล่าวเข้าหากองทัพรัสเชียผู้รุกรานอย่างกล้าหาญ
เพราะรู้ว่ากำลังรบไม่มีทางสู้ทหารรัสเซียได้ แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยก็จะต้องแสดงออกให้ว่าไม่ได้ยอมกันง่ายๆ
เดินเข้าไปคุยกันอย่างทหารหาญคุยกัน
ทหารไทยเราจะมีกล้าแบบมือปล่าวอย่างนี้มั๊ยครับ?
หรือหากมีเหตุการณ์ที่ทหารไทยกันเองแบ่งเป็นสองฝ่าย จะมีเดินมาร์ชมือเปล่าเข้าไปหาลูกปืนอย่างนี้รึปล่าว?
ที่ผมเห็นความกล้าหาญคล้ายๆกันก็คงมีแต่ที่ตำรวจปราบจลาจลที่เดินเข้าหาม๊อบที่รู้ว่ามีอาวุธร้ายแรงอยู่นั่นแหละ
เตะระเบิดช่วยเพื่อนนี่กล้าได้ใจจริงๆครับ
ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อทหาร กำลังจะเปลี่ยนไป
ไม่ว่าจะปัญหาความไม่สงบ ภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่ปัญหาทางการเมือง
เราถูกปลูกฝังให้ชื่นชมว่าทหารนั้นเป็นอาชีพที่มีเกียรติ
ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกองทัพนั้นเห็นได้จากทุกครั้งที่เกิดวิกฤติจะมีน้ำใจจากภาคประชาชน ส่งเป็นกำลังใจส่งไปสนับสนุนทหารเสมอ
เมื่อทหารถูกกระทำ ก็จะเห็นประชาชนออกมาแสดงความโกรธแค้นคนที่ทำร้ายทหารกันอย่างมากมาย
เพราะทหารในอุดมคติก็คือฮีโร่ผู้เสียสละ
แต่ในโลกปัจจุบัน ที่การสร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อทำกันได้ยากเพราะ ข้อมูลข่าวสารไม่สามารถปิดกั้นกันได้เหมือนเช่นแต่ก่อน
ภาพความเป็นฮีโร่ผู้เสียสละเริ่มมีเครื่องหมายคำถามขึ้นมากมาย
ข่าวเรื่องความไม่โปร่งใสในเรื่องงบประมาณ การโยกย้ายตำแหน่ง และผลประโยชน์ของนายทหารระดับสูง
มันย้อนแย้งกับภาพทหารผู้เสียสละตรงไปตรงมามากมายนัก
ภาพความโหดร้ายป่าเถื่อนของทหารไทย ก็มีเผลอหลุดออกมาให้ประชาชนได้เห็นกันบ่อยครั้ง
กับการใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ยังเป็นแผลเป็นที่รักษาไม่หาย
ยังมีเหตุการณ์ร้ายๆป่าเถื่อนด้วยวิธีการโหดเหี้ยม มีการใช้อาวุธสงครามก่ออาชญากรรม
ทุกครั้งที่สืบสวนกันไปก็ไปจบที่ว่าเป็นฝีมือของทหารแทบจะทุกที
ยิ่งเป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็ยิ่งเกิดคำถามว่าตกลงแล้วทหารไทยเป็นทหารที่รักระบอบประชาธิปไตยจริงๆหรือ?
ทั้งการแสดงออกของทางกองทัพเองที่มักจะลับๆล่อๆ ไม่ตรงไปตรงมาชัดเจนในแบบฉบับของฮีโร่
ก็ยิ่งทำให้น่าแคลงใจกับภาพลักษณ์ที่เคยเชื่อกันว่าทหารนั้นคือฮีโร่ผู้เสียสละ
และหากว่าความจริงทุกอย่างชี้นำไปที่ว่าทหารนั้นเป็นแค่ฮีโร่จอมปลอมแน่นอนว่า
ความรู้สึกต่างๆที่ประชาชนเคยมีต่อทหารย่อมเปลี่ยนไป
มุมมองที่เคยเห็นว่าโจรใต้นั้นชั่วช้า เห็นอกเห็นใจทหารที่เสียสละไปทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินก็เปลี่ยนไป
อย่างแรกก็คือที่ทำๆกันไปนี่ก็เพราะมันเป็นอาชีพ ที่รับจ้างมาทำด้วยราคาแสนแพง
ไปทำเพราะมีโอกาสกอบโกบผลประโยชน์มหาศาลโดยที่ไม่มีกฏหมายไปตรวจสอบได้
ไม่ใช่การเสียสละอะไรแต่อย่างใด
การที่โจรใต้โหดร้ายป่าเถื่อนก็ต้องมีสาเหตุที่มา ซึ่งอาจจะมีปฐมบทที่เกิดจากความโหดร้ายป่าเถื่อน
ความไม่ยุติธรรมที่ทหารไปยัดเยียดให้ประชาชนก็เป็นได้
ยิ่งได้รับรู้การกระทำที่ไม่ถูกต้องของกองทัพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นปัจจัยให้เกิดความเกลียดชังสะสมมีต่อ
ฮีโร่จอมปลอมมากขึ้นไปทุกที
ไม่แน่ว่าในเวลาอันใกล้นี้จากที่ประชาชนเคยรู้สึกเห็นอกเห็นใจเวลาที่ทหารถูกกระทำ อาจจะเปลี่ยนเป็นรู้สึกสะใจทุกครั้งที่ทหารถูกกระทำก็เป็นได้
เพราะจากประวัติศาสตร์โลกไม่ว่าที่ไหน หากทหารเป็นศัตรูกับประชาชนเมื่อไหร่
แผ่นดินก็ไม่สามารถอยู่อาศัยกันอย่างเป็นสุขอีกต่อไปทุกที่แหละครับ เป็นสัจธรรมทางรัฐศาสตร์
เรื่องราวประกอบนี้เป็นเหตุการณ์สดๆร้อนๆที่เกิด ณ.ฐาณทัพอากาศที่ ไครเมีย ในยูเครน
ทหารหาญของยูเครน เดินมาร์ชมือปล่าวเข้าหากองทัพรัสเชียผู้รุกรานอย่างกล้าหาญ
เพราะรู้ว่ากำลังรบไม่มีทางสู้ทหารรัสเซียได้ แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยก็จะต้องแสดงออกให้ว่าไม่ได้ยอมกันง่ายๆ
เดินเข้าไปคุยกันอย่างทหารหาญคุยกัน
ทหารไทยเราจะมีกล้าแบบมือปล่าวอย่างนี้มั๊ยครับ?
หรือหากมีเหตุการณ์ที่ทหารไทยกันเองแบ่งเป็นสองฝ่าย จะมีเดินมาร์ชมือเปล่าเข้าไปหาลูกปืนอย่างนี้รึปล่าว?
ที่ผมเห็นความกล้าหาญคล้ายๆกันก็คงมีแต่ที่ตำรวจปราบจลาจลที่เดินเข้าหาม๊อบที่รู้ว่ามีอาวุธร้ายแรงอยู่นั่นแหละ
เตะระเบิดช่วยเพื่อนนี่กล้าได้ใจจริงๆครับ