คัดลอกมาจากเฟสบุ๊คครับ
เด็กชายอายุ 16 ปี คนหนึ่ง ชื่อว่า มอนตี้ ในชั้นเรียนวันนี้คุณครูสั่งให้นักเรียนทุกคนเขียนเรียงความเรื่อง "โตขึ้นอยากเป็นอะไร"
มอนตี้ได้เขียนบรรยายทั้งหมด 7 หน้ากระดาษถึงความฝันของเขาที่จะเป็นเจ้าของคอกม้า พร้อมด้วยบ้านพื้นที่ 4,000 ตารางฟุต บนเนื้อที่ 200 เอเคอร์
เขาบรรยายพร้อมกับวาดแผนผังแสดงรายละเอียดไว้ทุๆ ส่วน แต่เมื่อเขานำไปส่งกลับได้คะแนน F และถูกเรียกให้ไปพบหลังเลิกเรียน
หลังเลิกเรียน มอนตี้ ก็เข้าไปพบคุณครู และถามว่าทำไมเรียงความของเขาจึงได้ F ก็ได้รับคำตอบว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันต้องใช้เงินมากมายเกินกว่าฐานะของครอบครัวของมอนตี้ และขอให้มอนตี้ไปเขียนเรียงความมาใหม่โดยขอให้เขียนถึงเรื่องที่มันพอจะเป็นไปได้บ้างแล้วจะแก้ไขคะแนนให้
มอนตี้กลับบ้านและนำปัญหานี้ไปปรึกษากับพ่อของเขา ซึ่งพ่อของเขาก็ให้คำตอบว่า เรื่องนี้พ่อคงช่วยอะไรลูกไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกเอง แต่พ่อมีความรู้สึกบางอย่างว่า การตัดสินใจของลูกครั้งนี้ จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่ออนาคตของลูกอย่างแน่นอน
มอนตี้ ใคร่ครวญกับเรื่องนี้อยู่เป็นสัปดาห์ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
เขานำเรียงความเรื่องเดิมไปส่งคุณครูพร้อมกับพูดว่า ให้คะแนน F กับผมก็แล้วกัน แต่ผมจะรักษาความฝันของผมไว้
ผ่านไปหลายสิบปีมอนตี้เล่าเรื่องนี้ให้กับผู้มาเยือนเขาฟังพร้อมกล่าวว่า เพราะว่าขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่หน้าเตาพิงในบ้าน พื้นที่ 4,000 ตารางฟุต ซึ่งตั้งอยู่กลางคอกม้าเนื้อที่ 200 เอเคอร์ และเรียงความ 7 หน้ากระดาษนั้น ได้ใส่กรอบเรียงอยู่เหนือเตาพิง
และเขาได้เล่าต่อว่า ที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ในฤดูร้อนเมื่อสองปีที่แล้ว คุณครูคนเดิมพาเด็กนักเรียน 30 คน มาพักค้างแรมที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ก่อนจากไปท่านพูดกับผมว่า มอนตี้ สมัยครูเป็นครูของเธอ ครูคงเป็น นักขโมยความฝัน ครูเสียใจนะที่ครูได้ขโมยความฝันของเด็ก ๆ ไปตั้งมากมาย แต่ครูก็ดีใจที่เธอไม่ยอมให้ครูขโมยความฝันของเธอ
ผมอ่านบทความนี้แล้วยิ่งเติมเต็มความเชื่อว่าผมเลือกถูกที่ได้ตัดสินใจออกมาสร้างตัว สร้างชีวิต ในฐานะที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าคนนายอยู่หลายปี ก่อนจะมาเป็นเถ้าแก่ ผมอยากบอกว่ามันไม่ผิดถ้าเราจะเลือกงานใกล้บ้านแต่ถ้าเมื่อไรที่รู้ว่าความฝันเราคืออะไรแล้วต้องรีบหางานใหม่ที่ใกล้ความฝันเรา!!!วัยรุ่น
REthinking TV
อย่าดูถูกความฝันของคนอื่น...
เด็กชายอายุ 16 ปี คนหนึ่ง ชื่อว่า มอนตี้ ในชั้นเรียนวันนี้คุณครูสั่งให้นักเรียนทุกคนเขียนเรียงความเรื่อง "โตขึ้นอยากเป็นอะไร"
มอนตี้ได้เขียนบรรยายทั้งหมด 7 หน้ากระดาษถึงความฝันของเขาที่จะเป็นเจ้าของคอกม้า พร้อมด้วยบ้านพื้นที่ 4,000 ตารางฟุต บนเนื้อที่ 200 เอเคอร์
เขาบรรยายพร้อมกับวาดแผนผังแสดงรายละเอียดไว้ทุๆ ส่วน แต่เมื่อเขานำไปส่งกลับได้คะแนน F และถูกเรียกให้ไปพบหลังเลิกเรียน
หลังเลิกเรียน มอนตี้ ก็เข้าไปพบคุณครู และถามว่าทำไมเรียงความของเขาจึงได้ F ก็ได้รับคำตอบว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันต้องใช้เงินมากมายเกินกว่าฐานะของครอบครัวของมอนตี้ และขอให้มอนตี้ไปเขียนเรียงความมาใหม่โดยขอให้เขียนถึงเรื่องที่มันพอจะเป็นไปได้บ้างแล้วจะแก้ไขคะแนนให้
มอนตี้กลับบ้านและนำปัญหานี้ไปปรึกษากับพ่อของเขา ซึ่งพ่อของเขาก็ให้คำตอบว่า เรื่องนี้พ่อคงช่วยอะไรลูกไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกเอง แต่พ่อมีความรู้สึกบางอย่างว่า การตัดสินใจของลูกครั้งนี้ จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่ออนาคตของลูกอย่างแน่นอน
มอนตี้ ใคร่ครวญกับเรื่องนี้อยู่เป็นสัปดาห์ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
เขานำเรียงความเรื่องเดิมไปส่งคุณครูพร้อมกับพูดว่า ให้คะแนน F กับผมก็แล้วกัน แต่ผมจะรักษาความฝันของผมไว้
ผ่านไปหลายสิบปีมอนตี้เล่าเรื่องนี้ให้กับผู้มาเยือนเขาฟังพร้อมกล่าวว่า เพราะว่าขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่หน้าเตาพิงในบ้าน พื้นที่ 4,000 ตารางฟุต ซึ่งตั้งอยู่กลางคอกม้าเนื้อที่ 200 เอเคอร์ และเรียงความ 7 หน้ากระดาษนั้น ได้ใส่กรอบเรียงอยู่เหนือเตาพิง
และเขาได้เล่าต่อว่า ที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ในฤดูร้อนเมื่อสองปีที่แล้ว คุณครูคนเดิมพาเด็กนักเรียน 30 คน มาพักค้างแรมที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ก่อนจากไปท่านพูดกับผมว่า มอนตี้ สมัยครูเป็นครูของเธอ ครูคงเป็น นักขโมยความฝัน ครูเสียใจนะที่ครูได้ขโมยความฝันของเด็ก ๆ ไปตั้งมากมาย แต่ครูก็ดีใจที่เธอไม่ยอมให้ครูขโมยความฝันของเธอ
ผมอ่านบทความนี้แล้วยิ่งเติมเต็มความเชื่อว่าผมเลือกถูกที่ได้ตัดสินใจออกมาสร้างตัว สร้างชีวิต ในฐานะที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าคนนายอยู่หลายปี ก่อนจะมาเป็นเถ้าแก่ ผมอยากบอกว่ามันไม่ผิดถ้าเราจะเลือกงานใกล้บ้านแต่ถ้าเมื่อไรที่รู้ว่าความฝันเราคืออะไรแล้วต้องรีบหางานใหม่ที่ใกล้ความฝันเรา!!!วัยรุ่น
REthinking TV