เป็นคนที่ชอบทานซูชิ และ ชอบทานเฉพาะ นิกิริซูชิ  (Nigiri Sushi) หรือ ซูชิที่ปั้นเป็นคำเท่านั้น
เพราะว่า ซูชิที่ปั้นเป็นคำนี้ พ่อครัวซูชิจะต้องพิถีพิถันในการเลือกเนื้อปลาที่มีคุณภาพมาทำให้ลูกค้าทาน  ส่วนเศษปลาที่เหลือทั้งหลายก็จะนำไปทำซูชิม้วน (Roll Sushi) เพราะเนื้อปลาเหล่านี้ถูกซ่อนอยู่ด้านในม้วนซูชิ

ซูชิที่อร่อย เนื้อปลาและข้าวจะต้องมีคุณภาพ พ่อครัวต้องสรรหา ปลาสดและข้าว ที่นำไปหุงแล้วต้องมีความเหนียวพอปั้นเป็นก้อนได้  ต้องปรุงรสข้าวให้เหมาะสมเพื่อไปชูรสชาติเนื้อปลา การปั้นก็จะใส่วาซาบิไปนิดหน่อย เวลาทานก็เอาซูชิไปจิ้มกับน้ำซอสโชยุนิดหน่อยเท่านั้น เพื่อให้รสโชยุไปเสริมรสชาติของซูชิให้เด่นยิ่งขึ้น

ไปโตเกียวก็ต้องไปทานซูชิต้นตำรับ

ในโตเกียวก็มีร้านซูชิอยู่เยอะ มีทั้งร้านที่เจ้าของทำเองและร้านซูชิที่เป็นเชน เช่น Shushi Zenmai เป็นต้น

ระดับร้านซูชิก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ ร้านซูชิที่ได้ตรามิเชลลิน 3 ดาว ที่มีราคาสูง มื้อละ 10000 บาท (จองยากมาก)  ร้านซูชิตามย่านหรูๆ เช่น ย่านกินซา ร้านซูชิที่อยู่ชั้นบนห้างหรูๆ  ไปถึงซูชิระดับชาวบ้าน ทั่วไป

ผู้รู้ให้คำแนะนำว่า อยากไปทานซูชิร้านใหน

1. ให้ลองถามที่โรงแรมดู เพราะเขาจะรู้จักร้านซูชิในย่านนั้น ว่าร้านใหนเด่น   ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะทานซูชิกันที่ร้านที่อยู่ใกล้บ้าน หรือ ที่ทำงาน   ดังนั้น ถ้าถามชาวญี่ปุ่นว่าซูชิร้านใหนอร่อย เขาก็จะบอกได้เฉพาะร้านที่ใกล้บ้านเขาเท่านั้น

ได้คำแนะนำมา ก็อาจจะไปทานไม่ได้ เพราะไปถึงร้านแล้ว ถ้าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น เราอาจจะสั่งไม่ได้เพราะร้านอาจจะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษหรือเมนูรูปภาพ มีแต่ป้ายภาษาญี่ปุ่น

2. ลองสังเกตุดูว่าร้านซูชิร้านใหนลูกค้าเยอะ มีคิวยาว ก็แปลว่าต้องใช้ได้

ก่อนที่จะเข้าไปทานซูชิ ก็มีสิ่งต้องพิจารณา อันดับแรก ต้องรู้ราคาก่อน ว่าระดับใหน เพราะกระเป๋าฉีกได้  สองต้องมีเมนูภาษาอังกฤษ หรือ เมนูภาพที่สามารถสั่งซูชิเป็นคำๆ ทานได้

อันดับแรกดูหน้าร้านก่อนต้องมีป้ายแสดงซูชิต่างๆ บางร้านก็มีภาษาอังกฤษกำกับ บางร้านก็มีแต่ภาษาญี่ปุ่น และในป้ายก็จะมีราคาซูชิอยู่ว่า ตั้งแต่ราคาต่ำ ไปถึงราคาสูง

ป้ายซูชิที่ร้าน Shinoda เมือง Kamata (ชานเมืองโตเกียว)


ร้านนี้ ราคาถูกสุด 52 เยน ไปจนถึงแพงที่สุด 315 เยน (ประมาณ 100 บาท)


ร้าน Nihongai Sushi ที่ Asakusa ร้านนี้ลูกค้าแน่น คิวยาว มีแต่ป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่น ราคาซูชิระหว่าง 74 - 648 เยน
ตอนสั้งก็ต้องเรียกพนักงานมาที่ป้าย แล้วชิ้ที่ภาพว่าต้องการซูชิประเภทได้ กี่ชิ้น สนุกดี


บางร้านที่ตู้ซูชิก็จะมีป้ายบอกราคาไว้เลย ทำให้ง่ายในการสั่ง
ป้ายราคาซูชิ แพงที่สุด 370 เยน ที่ร้าน Hito ตลาด Amiyoko ย่าน Ueno ร้านนี้ตอนเย็นลูกค้าเข้าคิวกันยาว


ร้านซูชิ Hito นี่ลูกค้าต้องยืนทานที่เคาว์เตอร์ ไม่มีโต๊ะและเก้าอี้


เมื่อต้นปี 56 ไปญีปุ่นมา  ไปพักที่เมือง Kamata ชานเมืองโตเกียว ไปถึงตอนเที่ยงพอดี   ก็อยากทานซูชิมื้อเที่ยง  ไปเดินย่านศูนย์การค้าแถบสถานีรถไฟ  หาซูชิทาน ก็ไปเห็นร้านซูชิ Shinoda อยู่หน้าสถานีรถไฟ มีลูกค้ามาอุดหนุนกันพอสมควร ดูแล้วก็ใช้ได้ หน้าร้านมีป้ายรายการซูชิหลากหลาย ราคาอยู่ที่ 52 - 315 เยน นับว่าเป็นร้านซูชิที่มีราคาถูกมาก คงเป็นเพราะอยู่ชานเมืองด้วย  ก็เข้าไปอุดหนุน นั่งทานที่เคาว์เตอร์ ในร้านก็มีเมนูรูปภาพ พร้อมภาษาอังกฤษ และ ราคา ทำให้สั่งซูชิได้ง่ายๆ


เริ่มด้วยเบียร์เย็นๆ ก่อน


โชยุ


ตามธรรมเนียม ต้องสั่งซูชิ Chutoro, Maguro, Iwashi, Aji มา 4 คำก่อน  ยังไม่สั่ง Otoro ของแพง เพราะอยากรู้ก่อนว่า ร้านนี้ทำซูชิใช้ได้หรือไม่


ใช้ได้ ซูชิอร่อยมาก เนื้อปลาสด คุณภาพดี ข้าวก็นิ่มเหนียวพอที่จับเป็นก้อนเท่านั้น รสข้าวเปรี้ยวนิดๆ กำลังเหมาะ (ร้านซูชิบางร้านจะหุงข้าวเหนียวเกินไป บางร้านก็ใส่น้ำส้มเยอะจนรสเปรี้ยวเด่นเกินไป ไปกลบรสเนื้อปลา)

Chutoro และ Maguro


Iwashi, Aji


ทานไป 4 คำ รสชาติออกมาใช้ได้ อร่อย ผ่าน   ก็ต้องสั่งของแพงมาทาน

Otoro ในตู้ และ ซูชิ Otoro  เนื้อหวานอร่อยมากๆ ราคาเพียงคำละ 315 เยน ประมาณ 100 บาท ที่เมืองไทย ซูชิ Otoro นี้ราคาคำละ 400 - 600 บาท




Kampachi และ Hirame


Hamaji และ Salmon  แซลมอนรสธรรมดาไม่เด่น


Tai (ปลากระพงแดง),   ที่ญี่ปุ่น ใช้มือหยิบซูชิทานกัน


Otoro อีก


ทาน Otoro ทั้งหมด 3 ชิ้น เบียร์ 2 แก้ว  ราคาทั้งหมด 3788 เยน ประมาณ 1200 บาท ถูกมากเมื่อเทียบกับทานซูชิที่เมืองไทย


พ่อครัวซูชิ


ภาพร้าน


ดังนั้นไปโตเกียวก็ต้องหาซูชิอร่อยๆ ทาน คุณภาพยอดเยี่ยม ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับที่เมืองไทย

ไปทานซูชิที่เมืองฟูกูโอกะ เกาะคิวชิว คุณภาพซูชิสู้ที่โตเกียวไม่ได้เลย ก็ไปค้นคว้าดู ถึงได้รู้ว่า ซูชินิกิริ ซูชิเป็นคำนี้ มีต้นกำเนิดที่เมืองโตเกียว  

สวัสดี