บันทึกชีวิตมนุษย์เงินเดือน #2: ความรักเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่เว้นแม้แต่เวลางาน

ผมเคยเห็นพี่สองคนในที่ทำงานตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน ความจริงก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ไหนๆก็คงมี ตอนที่พี่เขาเป็นแฟนกันแรกๆนี่ หวานจนมดขึ้นเอกสาร น้ำตาลโรยบนโน้ตบุ๊ค ทุกวันพวกพี่สองคนนั้นจะต้องมาทำงานพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน ตอนกลางวันก็ไปกินข้าวด้วยกัน พอบ่ายๆหน่อย พี่ผู้หญิงก็จะปลอกผลไม้มาให้พี่ผู้ชายกินเกือบทุกวัน  และถ้าวันไหนที่พี่ผู้หญิงดูเครียดๆ พี่ผู้ชายก็ต้องเอาขนมไปวางไว้ที่โต๊ะพร้อมกับกระดาษโพสอิทที่เขียนข้อความเสี่ยวจิตเอาไว้ พอคนรับได้อ่านทีไร ก็อายหน้าแดงยังกะเด็กม.ปลายที่เพิ่งเคยถูกผู้ชายจีบทุกที (แต่พี่เขาจะ 30 แล้วนะครับ)

ที่ผมรู้ดี ก็เพราะผมนั่งดูอยู่ระหว่างโต๊ะของพี่สองคนนั้น เรียกว่าจะเดินไปเดินมา จะส่งสายตาส่งยิ้ม หรือส่งข้าวส่งน้ำ ต้องข้ามหัวผมตลอด

บอกตรงๆเลยว่าแรกๆนี่โครตอิจฉา แต่อยู่ๆไปก็เริ่มชิน กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของผมที่พออยากพักสายตาก็เงยหน้าขึ้นมาแอบดูพี่สองคนนั้นส่งความหวานให้แก่กัน เหมือนกำลังนั่งดูหนังรักสักเรื่อง แต่เป็นหนังรักที่จบไม่สวยเท่าไหร่

ไม่ใช่นางเอกตาย หรือผู้ชายโดนไล่ออก มันเจ็บกว่านั้นเยอะ เพราะหลังจากคบกันได้ไม่ถึงปี ทั้งคู่ก็เลิกกัน แต่ปัญหาคือ แม้ความรักจะจากไป แต่พวกเขายังต้องนั่งทำงานด้วยกันอยู่ที่เดิม

คนทิ้งคงไม่เท่าไหร่ แต่คนถูกทิ้งนี่สิโครตทรมาน ซึ่งผู้ที่เผชิญชะตากรรมนั้นคือฝ่ายชาย ผมเห็นแล้วสงสารแทนเลยครับ พี่แกจากเป็นคนร่าเริง ชอบปล่อยมุกทั้งวัน กลายเป็นคนเงียบๆ ไม่พูดไม่คุยกับใคร ก้มหน้าก้มตาทำงาน ราวกับว่ากลัวเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอหน้าแฟนเก่า (ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ) แต่ที่เจ็บกว่าคือ หลังจากเลิกกันไม่ถึงเดือน แฟนเก่าก็มีแฟนใหม่อยู่ในที่ทำงานเดียวกัน

นรกครับ ถึงผมจะไม่เคยไป แต่เห็นหน้าพี่ผู้ชายแล้วรู้เลยว่า กำลังตกนรกทั้งเป็น อะไรๆที่เคยทำตอนคบกัน ตอนนี้แฟนใหม่ของพี่ผู้หญิงได้รับสิทธ์นั้นอย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่เงยหน้า พี่ผู้ชายจะได้เห็นภาพเดียวกับที่ผมเคยเห็นพี่สองคนนั้นทำตอนคบกัน เหมือนหนังรักที่เปลี่ยนพระเอก แต่บทเดิม ผมอ่ะเริ่มชินแล้ว แต่พี่ผู้ชายคงยากที่จะชิน มีแต่ช้ำกับช้ำ

ผมไม่รู้ว่าใครนิยามว่าความรักคือการได้เห็นคนที่รักมีความสุข แม้ว่าจะสุขอยู่กับคนอื่นก็ตาม แต่ผมมั่นใจว่า มีหลายคนที่สาบแช่งคนที่นิยามความรักว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ เพราะจะมีสักกี่คนที่ทำได้ ผมคนหนึ่งแหละที่ทำไม่ได้ และพี่ผู้ชายคนนั้นก็เป็นอีกคนที่ทำไม่ได้เช่นกัน ตอนแรกเหมือนมีข่าวว่าพี่ผู้ชายจะลาออก แต่ที่ผมกับเพื่อนๆกลัวกันมากกว่าคือ กลัวพี่ผู้ชายจะขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วโดดลงมาเพื่อประชดความรักมากกว่า

วันไหนที่ไม่เห็นพี่ผู้ชายนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ผมต้องรีบหันไปมองตรงกระจกหน้าต่าง โดยหวังว่าจะไม่ต้องเห็นร่างผอมสูงของเขาค่อยๆหล่นผ่านบานหน้าต่างไปอย่างช้าๆเหมือนฉากสโลว์ในหนัง ทำให้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเครียดแค้นจ้องมาที่ใบหน้าของแฟนเก่าเป็นครั้งสุดท้าย

โชคดีที่ผมแค่ฟุ้งซ่านไปเอง แต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ

ผ่านไปพักใหญ่ พี่ผู้ชายก็ยังนั่งทำงานอยู่ที่เดิม พร้อมกับบรรยากาศที่ค่อยๆดีขึ้นทีละน้อย แม้จะไม่กลับไปร่าเริงเหมือนเดิม แต่พี่แกดูจะรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น วันเวลาคงเป็นยารักษาแผลใจได้ดีที่สุด

วันหนึ่งผมไปกินเหล้ากับพี่ผู้ชายและเพื่อนร่วมงาน พอเหล้าเข้าปาก ผมก็กล้าบอกพี่ผู้ชายไปตรงๆว่า
"ตอนพี่เลิกกับแฟนใหม่ๆ ผมนึกว่าพี่จะขึ้นไปโดดตึกตายแล้วนะ"
พี่ผู้ชายยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกหนึ่งอึก ก่อนกระแทกมันลงกับโต๊ะจนแก้วแทบแตกแล้วบอกผมว่า "ถ้าพี่จะฆ่าตัวตายนะ พี่ไม่โดดตึกหรอกไอ้น้อง" เขาเว้นจังหวะพ่นลมหายใจที่มีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาหนึ่งอึดใจ แล้วพูดต่อว่า "แบบนั้นมันไม่สะใจ พี่ไปผูกคอตายใต้โต๊ะแฟนเก่าพี่ดีกว่า วันดีคืนดี ก็จะโผล่หน้ามาจ๊ะเอ๋แบบในหนัง ฮ่า ฮ่า" พวกเราหัวเราะกันทั้งวง แต่รู้ว่าพี่เขาคงจะพูดจริง (ผมจำได้ว่าเคยเห็นเชือกฟางวางอยู่บนโต๊ะพี่ผู้ชายด้วยนะ)
เพื่อนผมถามต่อว่า "แต่ผมก็นับถือพี่จริงๆนะ พี่ทนได้ไงที่ต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจทุกวัน เป็นผมๆลาออกไปแล้ว"
พี่ผู้ชายตอบกลับมาว่า "เออ ตอนแรกพี่ก็ว่าจะลาออก แต่หางานใหม่ไม่ได้ แมร่ง ชีวิตมนุษย์เงินเดือนก็แบบเนี้ย ไหนจะคอนโดที่พี่ซื้อไว้อีก ตอนแรกกะว่าจะช่วยกันผ่อน แต่ตอนนี้ดันถูกทิ้ง พี่ก็เลยต้องวิ่งหาเงินไปจ่ายค่างวดคนเดียว แทบจะกินแกลบแล้วทุกวันนี้"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าซื้ออะไรร่วมกับแฟน ตราบใดที่ความไม่แน่นอน คือสิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลก

แล้วพี่ผู้ชายก็พูดต่อว่า "อีกอยาก พี่อยากเห็นหน้าแฟนเก่า"
"โห พี่คงรักเขามาก เลยยอมทนเห็นภาพบาดตา แรกกับการได้เห็นหน้าแฟนเก่าใช่ไหมพี่"
"ป่าว กรูอยากเห็นหน้ามันตอนโดนแฟนใหม่ทิ้ง กรูจะได้สมน้ำหน้ามันได้ แต่ถ้ามันดันทิ้งแฟนใหม่อีก กรูก็จะเข้าไปสมน้ำหน้าแฟนใหม่มัน ฮ่า ฮ่า"

หลังจากนั้นไม่นาน พี่ผู้ชายก็ได้เห็นภาพที่เขาอยากเห็นที่สุด...

ผมจึงตั้งปณิธานไว้ว่า ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน ถ้าไม่อยากให้ออฟฟิศเป็นนรก ก็อย่าตกหลุมรักพนักงานร่วมบริษัทเด็ดขาด ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่