สำหรับเกมลิเวอร์พูลต้องลงทำการแข่งขันกับโอลิมเปียกอส ในรายการกินเนสส์ อินเตอร์เนชันแนล แชมเปียนส์ คัพ ในชิคาโกฤดูร้อนนี้ ไม่แปลกใจเลยหากจะมีเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องที่สุดในค่ำคืนนั้น ส่งตรงจากเดอะค็อป ถึงแฟนบอลจากประเทศกรีซ
ทั้งสองสโมสรมีความสัมพันธ์ที่แสนพิเศษ นับตั้งแต่พวกเขาพบกันในรายการแชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2004 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ลิเวอร์พูลก้าวสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอันลือเลื่อง และหากจะมีหลักฐานอื่นใดที่แสดงถึงสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นที่เติบโตขึ้นระหว่างแฟนบอลของทั้งสองสโมสร ก็คงเป็นภาพจากการแข่งขันเมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อโอลิมเปียกอสเปิดบ้านต้อนรับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แฟนบอลที่ได้รับชมการถ่ายทอดการแข่งขันอยู่ที่บ้านอาจจะรู้สึกประหลาดใจ เมื่อภาพแบนเนอร์แสดงความระลึกถึงแฟนบอลลิเวอร์พูล 96 คน ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมฮิลโบโรห์ถูกเผยแพร่ออกไป แต่แบนเนอร์นี้ไม่ใช่สิ่งใหม่และสามารถพบเห็นจากได้สนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลกรีก ทุกครั้งที่แชมป์ลีก 40 สมัยลงเล่นเกมในบ้าน
เฉกเช่นเดียวกับลิเวอร์พูล โอลิมเปียกอสรับรู้ได้ดีถึงความสูญเสียจากโศกนาฏกรรมแห่งโลกฟุตบอล
ในปี 1981 แปดปีก่อนโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรห์ หายนะของสนามการาอิซกากิซเกิดขึ้นหลังจากชัยชนะอันเลื่องชื่อเหนือเออีเค เอเธนส์ 6-0 แฟนบอลนับพันคนรีบเร่งสู่ประตูทางออกหมายเลข 7 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับเหล่าวีรบุรุษนักเตะบริเวณทางเข้าหลักของสนาม อย่างไรก็ตาม ประตูยังคงปิดสนิทและอัฒจันทร์ยังเต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีหนทางใดนำพาแฟนบอลผู้โชคร้ายออกจากสนามและหลายคนยังคงรีบเร่งลงสู่ด้านล่างมากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่มีใครคาดคิดว่าโศกนาฏกรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตรงทางออกหมายเลข 7 เมื่อแฟนบอลที่อยู่ด้านหน้าถูกเบียดไปกับประตูที่ถูกปิดนั้น
แฟนบอล 21 คน ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน เสียชีวิตเนื่องมาจากขาดอากาศหายใจ
หากวันที่ 15 เมษายน 1989 เป็นวันที่มีความหมายต่อสโมสรลิเวอร์พูล วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1981 ก็เป็นวันที่มีความหมายต่อสโมสรโอลิมเปียกอสไม่ต่างกัน
แฟนบอลลิเวอร์พูลตระหนักถึงประวัติศาสตร์แห่งฟุตบอลยุโรปได้ดีกว่าที่เคย และมั่นใจว่าแฟนโอลิมเปียกอสเองก็รู้ดีว่าพวกเขารับรู้ถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นไม่ผิดเพี้ยนไปกว่ากัน เมื่อทีมจากกรีซเดินทางมาเยือนแอนฟิลด์ในปี 2004
ภาพการแปรอักษรบนอัฒจันทร์ฝั่งเดอะ ค็อป เพื่อระลึกถึงแฟนบอลผู้จากไปของทั้งสองทีม ปรากฏขึ้นด้วยข้อความว่า '96+21 YNWA'
การแสดงออกจากความรู้สึกเสมือนมีหัวใจดวงเดียวกันในครั้งนั้น ไม่เพียงประทับใจแค่แฟนบอลทีมเยือนที่สนามในค่ำคืนนั้น แต่ยังสร้างความตื้นตันให้กับผู้คนที่รับชมเกมอยู่ที่กรีซไปพร้อมกัน
สามปีต่อมา แฟนบอลลิเวอร์พูลกลุ่มหนึ่งได้นำพวงหรีดไปวางที่อนุสรณ์แห่งความทรงจำ ณ ประตูหมายเลข 7
เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึกขอบคุณ แฟนบอลโอลิมเปียกอสได้สร้างแบนเนอร์ของพวกเขาใจความว่า 'JUSTICE FOR THE 96' และแขวนไว้บริเวณอัฒจันทร์ตรงประตูหมายเลข 7 ข้อความที่แสดงถึงความเคารพและระลึกถึงผู้จากไปนี้ มิได้แสดงให้เห็นเพียงเฉพาะเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น หากแต่สามารถพบเห็นได้ในทุกเกมการแข่งขันในสนามแห่งนี้
แบนเนอร์ขนาดใหญ่อีกผืนหนึ่งซึ่งไม่อาจมองเห็นจากจอโทรทัศน์ เป็นแบนเนอร์ที่มีตราสัญลักษณ์ของทั้งสองสโมสรแสดงอยู่อย่างเด่นชัด พร้อมข้อความแห่งความระลึกถึงที่ว่า 'Brothers, you show us the way -21+96 - You'll Never Walk Alone' (พี่น้องที่รัก คุณแสดงให้พวกเรารับรู้ถึงวิถี - 21+96 - คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย')
โศกนาฏกรรมในความทรงจำนำพาทั้งสองสโมสรมาพบกันอีกครั้งที่ชิคาโกในวันที่ 27 กรกฎาคม มันจะเป็นการแสดงถึงความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างแฟนบอลของทั้งสองสโมสร ที่จะแน่นแฟ้นและยิ่งใหญ่ ยากจะหาใครเสมอเหมือนในโลกแห่งฟุตบอล
ลิเวอร์พูลไทยแลนด์
แฟนโอลิมเปียกอสจะ ‘ไม่มีวันเดินเดียวดาย
ทั้งสองสโมสรมีความสัมพันธ์ที่แสนพิเศษ นับตั้งแต่พวกเขาพบกันในรายการแชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2004 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ลิเวอร์พูลก้าวสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอันลือเลื่อง และหากจะมีหลักฐานอื่นใดที่แสดงถึงสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นที่เติบโตขึ้นระหว่างแฟนบอลของทั้งสองสโมสร ก็คงเป็นภาพจากการแข่งขันเมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อโอลิมเปียกอสเปิดบ้านต้อนรับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แฟนบอลที่ได้รับชมการถ่ายทอดการแข่งขันอยู่ที่บ้านอาจจะรู้สึกประหลาดใจ เมื่อภาพแบนเนอร์แสดงความระลึกถึงแฟนบอลลิเวอร์พูล 96 คน ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมฮิลโบโรห์ถูกเผยแพร่ออกไป แต่แบนเนอร์นี้ไม่ใช่สิ่งใหม่และสามารถพบเห็นจากได้สนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลกรีก ทุกครั้งที่แชมป์ลีก 40 สมัยลงเล่นเกมในบ้าน
เฉกเช่นเดียวกับลิเวอร์พูล โอลิมเปียกอสรับรู้ได้ดีถึงความสูญเสียจากโศกนาฏกรรมแห่งโลกฟุตบอล
ในปี 1981 แปดปีก่อนโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรห์ หายนะของสนามการาอิซกากิซเกิดขึ้นหลังจากชัยชนะอันเลื่องชื่อเหนือเออีเค เอเธนส์ 6-0 แฟนบอลนับพันคนรีบเร่งสู่ประตูทางออกหมายเลข 7 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับเหล่าวีรบุรุษนักเตะบริเวณทางเข้าหลักของสนาม อย่างไรก็ตาม ประตูยังคงปิดสนิทและอัฒจันทร์ยังเต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีหนทางใดนำพาแฟนบอลผู้โชคร้ายออกจากสนามและหลายคนยังคงรีบเร่งลงสู่ด้านล่างมากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่มีใครคาดคิดว่าโศกนาฏกรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตรงทางออกหมายเลข 7 เมื่อแฟนบอลที่อยู่ด้านหน้าถูกเบียดไปกับประตูที่ถูกปิดนั้น
แฟนบอล 21 คน ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน เสียชีวิตเนื่องมาจากขาดอากาศหายใจ
หากวันที่ 15 เมษายน 1989 เป็นวันที่มีความหมายต่อสโมสรลิเวอร์พูล วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1981 ก็เป็นวันที่มีความหมายต่อสโมสรโอลิมเปียกอสไม่ต่างกัน
แฟนบอลลิเวอร์พูลตระหนักถึงประวัติศาสตร์แห่งฟุตบอลยุโรปได้ดีกว่าที่เคย และมั่นใจว่าแฟนโอลิมเปียกอสเองก็รู้ดีว่าพวกเขารับรู้ถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นไม่ผิดเพี้ยนไปกว่ากัน เมื่อทีมจากกรีซเดินทางมาเยือนแอนฟิลด์ในปี 2004
ภาพการแปรอักษรบนอัฒจันทร์ฝั่งเดอะ ค็อป เพื่อระลึกถึงแฟนบอลผู้จากไปของทั้งสองทีม ปรากฏขึ้นด้วยข้อความว่า '96+21 YNWA'
การแสดงออกจากความรู้สึกเสมือนมีหัวใจดวงเดียวกันในครั้งนั้น ไม่เพียงประทับใจแค่แฟนบอลทีมเยือนที่สนามในค่ำคืนนั้น แต่ยังสร้างความตื้นตันให้กับผู้คนที่รับชมเกมอยู่ที่กรีซไปพร้อมกัน
สามปีต่อมา แฟนบอลลิเวอร์พูลกลุ่มหนึ่งได้นำพวงหรีดไปวางที่อนุสรณ์แห่งความทรงจำ ณ ประตูหมายเลข 7
เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึกขอบคุณ แฟนบอลโอลิมเปียกอสได้สร้างแบนเนอร์ของพวกเขาใจความว่า 'JUSTICE FOR THE 96' และแขวนไว้บริเวณอัฒจันทร์ตรงประตูหมายเลข 7 ข้อความที่แสดงถึงความเคารพและระลึกถึงผู้จากไปนี้ มิได้แสดงให้เห็นเพียงเฉพาะเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น หากแต่สามารถพบเห็นได้ในทุกเกมการแข่งขันในสนามแห่งนี้
แบนเนอร์ขนาดใหญ่อีกผืนหนึ่งซึ่งไม่อาจมองเห็นจากจอโทรทัศน์ เป็นแบนเนอร์ที่มีตราสัญลักษณ์ของทั้งสองสโมสรแสดงอยู่อย่างเด่นชัด พร้อมข้อความแห่งความระลึกถึงที่ว่า 'Brothers, you show us the way -21+96 - You'll Never Walk Alone' (พี่น้องที่รัก คุณแสดงให้พวกเรารับรู้ถึงวิถี - 21+96 - คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย')
โศกนาฏกรรมในความทรงจำนำพาทั้งสองสโมสรมาพบกันอีกครั้งที่ชิคาโกในวันที่ 27 กรกฎาคม มันจะเป็นการแสดงถึงความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างแฟนบอลของทั้งสองสโมสร ที่จะแน่นแฟ้นและยิ่งใหญ่ ยากจะหาใครเสมอเหมือนในโลกแห่งฟุตบอล
ลิเวอร์พูลไทยแลนด์