ไม่มีหลักฐานเป็นรายลักษณ์อักษร แต่ถ้าอยากรู้ไปหาหลักฐานเอาเอง
หมอ และวิชาชีพสาธารณสุขอื่นๆได้รับการคาดหวังจากสังคมว่าเป็นคนดี แต่ก็มีไม่น้อยที่คนในองกรณืนี้เป็นพวกกาขาว
1.การโกงยาในระดับโรงพยาบาล เมื่อก่อน ตอนที่ไม่ได้ใช้ระบบข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ แพทย์จะมีการสั่งยาเกิน(เกินทางบัญชี) และมีการจ่ายยาน้อยกว่าที่สั่งไว้ (สั่ง30 จ่าย20) จากนั้นก็มีการทุจริตจากส่วนต่างเช่นนำยาส่วนต่างไปใช้ในคลีนิคของตัวเองหรือ โกงทางบัญชีสั่งซื้อ ตอนหลัง มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการสั่งยา ไม่สามารสั่งยาที่ผิดปรกติ จึงมีการปรับวิธี เช่น สั่ง20 จ่าย10-15 แล้วนำยาส่วนต่างไปทุจริตทางบัญชี เช่น สั่งศื้อยา1แสนเม็ด แต่ซื้อจริง8หมื่นเม็ด ส่วนต่างไม่มีการซื้อจริงแต่มีการแบ่งเงินส่วนนี้กับตัวแทนยา
2.การทุจริตเชิงนโยบายครุภัณฑ์ไทยเข้มแข็ง ปกติสถานีอนามัย(รพสต.)จะส่งเลือดหรือสารคัดหลั่งเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลชุมชน แต่นโยบายไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ปชป. มีการสั่งซื้อ(ของบอกว่าสั่งซื้อ)เครื่องตรวจสารคัดหลั่งไปที่ รพสต. ซึ่งบุคคลากร ใน รพสต.ไม่มีใครใช้ เครื่องนั้นได้ เพราะเหตุผลทางกฏหมายใบประกอบวิชาชีพ เทคนิคการแพทย์ ซึ่งมีการแก้ปัญหาโดยให้เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลไปใช้เครื่องที่ รพสต. ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า
3.การทุจริตการจ้างตรวจพิสูจย์ทางห้องปฏิบัติการ เนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่พยายามตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น จึงมีการให้แนวทาง การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ แบบรวมศูนย์ ซึ่งเป็นแค่แนวทางแต่ไม่มีการบังคับ แต่สาธารณสุขบางจังหวัด ให้ประโยชน์จากนโยบายนี้โดยร่วมมือกับเอกชนร่วมกันทุจริตการผูกขาดการตรวจทางห้องปฏิบัติการ คือเอื้อประโยชน์ให้เอกชนชนะประมูลแล้วแบ่งเปอเซนต์กันกับข้าราชการสาธารณสุขในจังหวัดและหมอในโรงพยาบาล
4. การนำงบเบิกจ่ายไปหาผลประโยชน์ น่าจะมีทุกหน่วยงานแต่เห็นชัดที่สุดคือ โรงพยาบาลเพราะสามารวางบิลกับเอกชนนานๆได้ โดย หมอนำเงินเบิกจ่ายเพื่อชำระค่ายา ค่าตรวจห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาจากรัฐ นำไปฝากไว้ที่บัญชีของตัวเองเพื่อเอาดอกเบี้ย เมื่อครบกำหนดก็อนไปจ่ายตามบิลที่วางไว้กับเอกชน
5. การทุจริตการหาประโยชน์จากอวัยวะ เรื่องนี้อาจารย์เล่าให้ฟังตอนเรียน ไม่มีประสบการณ์โดยตรง กล่าวว่าระบบการบริจาคอวัยวะของไทยผ่านกาชาดนั้น มีผู้บริจาคจำกัด แต่มีผู้รับการปลูก่ายสูง นอกจากความเข้ากันได้แล้ว บางคนก็รอจนรอไม่ไหว ทำให้มีการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในกาชาด คือรับเงิน เพื่อลัดคิวการปลูก่ายอวัยวะ ทั้งๆที่ผู้บริจาคบริจาคฟรี แต่เจ้าหน้าที่กลับหาประโยชน์จากการบริจาค
6. การทุจริตการสั่งยานอกบัญชี ผู้บริหาโรงพยาบาลรัฐระดับสูงเป้นผู้มีสิทธิ์อนมัติยานอกบัญชี โดยเฉพาะยาจากต่างประเทศ ให้กับข้าราชการที่มาร้องขอ โดยอาจจะมีการจ่ายใต้โต๊ะให้ หรือใช้เส้นสาย แล้วมีการรับเปอเซนต์จากบริษัทยา ในกรณีที่มีการอนุมัติยาจำนวนมาก
เผยแพร่การคอรัปชั่นในหน่วยงานคนดี- หน่วยงานด้านการสุขภาพและสาธารณสุข
หมอ และวิชาชีพสาธารณสุขอื่นๆได้รับการคาดหวังจากสังคมว่าเป็นคนดี แต่ก็มีไม่น้อยที่คนในองกรณืนี้เป็นพวกกาขาว
1.การโกงยาในระดับโรงพยาบาล เมื่อก่อน ตอนที่ไม่ได้ใช้ระบบข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ แพทย์จะมีการสั่งยาเกิน(เกินทางบัญชี) และมีการจ่ายยาน้อยกว่าที่สั่งไว้ (สั่ง30 จ่าย20) จากนั้นก็มีการทุจริตจากส่วนต่างเช่นนำยาส่วนต่างไปใช้ในคลีนิคของตัวเองหรือ โกงทางบัญชีสั่งซื้อ ตอนหลัง มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการสั่งยา ไม่สามารสั่งยาที่ผิดปรกติ จึงมีการปรับวิธี เช่น สั่ง20 จ่าย10-15 แล้วนำยาส่วนต่างไปทุจริตทางบัญชี เช่น สั่งศื้อยา1แสนเม็ด แต่ซื้อจริง8หมื่นเม็ด ส่วนต่างไม่มีการซื้อจริงแต่มีการแบ่งเงินส่วนนี้กับตัวแทนยา
2.การทุจริตเชิงนโยบายครุภัณฑ์ไทยเข้มแข็ง ปกติสถานีอนามัย(รพสต.)จะส่งเลือดหรือสารคัดหลั่งเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลชุมชน แต่นโยบายไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ปชป. มีการสั่งซื้อ(ของบอกว่าสั่งซื้อ)เครื่องตรวจสารคัดหลั่งไปที่ รพสต. ซึ่งบุคคลากร ใน รพสต.ไม่มีใครใช้ เครื่องนั้นได้ เพราะเหตุผลทางกฏหมายใบประกอบวิชาชีพ เทคนิคการแพทย์ ซึ่งมีการแก้ปัญหาโดยให้เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลไปใช้เครื่องที่ รพสต. ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า
3.การทุจริตการจ้างตรวจพิสูจย์ทางห้องปฏิบัติการ เนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่พยายามตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น จึงมีการให้แนวทาง การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ แบบรวมศูนย์ ซึ่งเป็นแค่แนวทางแต่ไม่มีการบังคับ แต่สาธารณสุขบางจังหวัด ให้ประโยชน์จากนโยบายนี้โดยร่วมมือกับเอกชนร่วมกันทุจริตการผูกขาดการตรวจทางห้องปฏิบัติการ คือเอื้อประโยชน์ให้เอกชนชนะประมูลแล้วแบ่งเปอเซนต์กันกับข้าราชการสาธารณสุขในจังหวัดและหมอในโรงพยาบาล
4. การนำงบเบิกจ่ายไปหาผลประโยชน์ น่าจะมีทุกหน่วยงานแต่เห็นชัดที่สุดคือ โรงพยาบาลเพราะสามารวางบิลกับเอกชนนานๆได้ โดย หมอนำเงินเบิกจ่ายเพื่อชำระค่ายา ค่าตรวจห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาจากรัฐ นำไปฝากไว้ที่บัญชีของตัวเองเพื่อเอาดอกเบี้ย เมื่อครบกำหนดก็อนไปจ่ายตามบิลที่วางไว้กับเอกชน
5. การทุจริตการหาประโยชน์จากอวัยวะ เรื่องนี้อาจารย์เล่าให้ฟังตอนเรียน ไม่มีประสบการณ์โดยตรง กล่าวว่าระบบการบริจาคอวัยวะของไทยผ่านกาชาดนั้น มีผู้บริจาคจำกัด แต่มีผู้รับการปลูก่ายสูง นอกจากความเข้ากันได้แล้ว บางคนก็รอจนรอไม่ไหว ทำให้มีการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในกาชาด คือรับเงิน เพื่อลัดคิวการปลูก่ายอวัยวะ ทั้งๆที่ผู้บริจาคบริจาคฟรี แต่เจ้าหน้าที่กลับหาประโยชน์จากการบริจาค
6. การทุจริตการสั่งยานอกบัญชี ผู้บริหาโรงพยาบาลรัฐระดับสูงเป้นผู้มีสิทธิ์อนมัติยานอกบัญชี โดยเฉพาะยาจากต่างประเทศ ให้กับข้าราชการที่มาร้องขอ โดยอาจจะมีการจ่ายใต้โต๊ะให้ หรือใช้เส้นสาย แล้วมีการรับเปอเซนต์จากบริษัทยา ในกรณีที่มีการอนุมัติยาจำนวนมาก