..นับตั้งแต่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เข้ามาดำรงตำแหน่ง ปลัด สธ.
และได้นำพาเอาหน่วยงาน สธ.ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพื่อหวังผลประโยชน์ในลาภยศ และตำแหน่งของกลุ่มตนเอง
ได้ทำให้คนในองค์กร สธ.แตกเป็นเสี่ยงๆ ขาดความสามัคคีในการร่วมงานกันอย่างเห็นได้ชัด
...ถึงขนาดหมอและพยาบาลที่ร่วมงานกันไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ไม่ปรึกษากันในเวลาปฎิบัติและรักษาคนไข้
ต่างคนต่างทำไม่พูดคุยกัน หรือบางทีเกิดการพูดเสียดสีกันในขณะรักษาคนไข้ ก็จะเดินหนีไม่ช่วยกันเอาดื้อๆ ก็มีบ่อยครั้ง
..หรือบางทีหมอเวรมาตรวจคนไข้แล้วสั่งการกับพยาบาลกลุ่มหนึ่งเอาไว้ว่าจะต้องทำอะไรให้กับคนไข้บ้าง พยาบาลกลุ่มนี้ก็จะไม่ยอมบอกอีกกลุ่มที่ความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน
... “คนไข้ต้องมาก่อน” ... “คนไข้รอดและปลอดภัย”..นี่คือหัวใจหลักของคน สธ.ในอดีดตที่ผ่านๆมา
..แต่มาในวันนี้ สโลแกนเหล่านี้ ได้เปลี่ยนไป “คนไข้กำลังจะตายก่อน” ... “คนไข้จะรอดหรือปลอดภัยก็เรื่องของกลุ่มเมริง”
...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ ก็เพราะ นพ.ณรงค์ ได้มาเป็นปลัด สธ. และได้นำพาองค์กร เข้าไปเดินตามหลังนักการเมืองฝ่ายค้าน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ของกลุ่มพวกตน
มากกว่าจะทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ของประชาชนทั้งประเทศ ที่เสียภาษีจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับ นพ.ณรงค์ และกลุ่มของ นพ.ณรงค์ ที่ฝักใฝ่ทางการเมือง
...ถึงเวลาแล้ว ที่คนในองค์กร สธ.ทั่วประเทศ จะต้องหันมาร่วมมือร่วมใจกัน นำพาองค์กร สธ.กลับคืนไปสู่จุดเดิม
จุดที่มีความรักความห่วงใยต่อคนไข้ ต่อพี่น้องประชาชนที่กำลังผจญกับปัญหาเรื่องสุขภาพ
...ปฎิรูป ที่ตัว นพ.ณรงค์ (ปลัด สธ.) และกลุ่มคนที่นำพาองค์กร สธ.ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจนแตกความสามัคคีเป็นเสี่ยงๆ นี่แหละเป็นอันดับแรก
เพื่อให้ สธ.กลับคืนไปสู่จุดเดิม ...จุดที่มีแต่ความรักความสามัคคีในการร่วมงานกัน
จาก “คนไข้จะตายก่อน”...ให้กลับคืนไปสู่..... “คนไข้ต้องมาก่อน”
*****... ก่อนที่จะสายเกินไป....*****
*****นพ.ณรงค์ (ปลัด สธ.)ได้ทำให้องค์กร สธ.ตกต่ำสุดขีด อย่างที่ไม่เคยมีปลัด สธ.คนไหนทำอย่างนี้มาก่อน*****
..นับตั้งแต่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เข้ามาดำรงตำแหน่ง ปลัด สธ.
และได้นำพาเอาหน่วยงาน สธ.ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพื่อหวังผลประโยชน์ในลาภยศ และตำแหน่งของกลุ่มตนเอง
ได้ทำให้คนในองค์กร สธ.แตกเป็นเสี่ยงๆ ขาดความสามัคคีในการร่วมงานกันอย่างเห็นได้ชัด
...ถึงขนาดหมอและพยาบาลที่ร่วมงานกันไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ไม่ปรึกษากันในเวลาปฎิบัติและรักษาคนไข้
ต่างคนต่างทำไม่พูดคุยกัน หรือบางทีเกิดการพูดเสียดสีกันในขณะรักษาคนไข้ ก็จะเดินหนีไม่ช่วยกันเอาดื้อๆ ก็มีบ่อยครั้ง
..หรือบางทีหมอเวรมาตรวจคนไข้แล้วสั่งการกับพยาบาลกลุ่มหนึ่งเอาไว้ว่าจะต้องทำอะไรให้กับคนไข้บ้าง พยาบาลกลุ่มนี้ก็จะไม่ยอมบอกอีกกลุ่มที่ความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน
... “คนไข้ต้องมาก่อน” ... “คนไข้รอดและปลอดภัย”..นี่คือหัวใจหลักของคน สธ.ในอดีดตที่ผ่านๆมา
..แต่มาในวันนี้ สโลแกนเหล่านี้ ได้เปลี่ยนไป “คนไข้กำลังจะตายก่อน” ... “คนไข้จะรอดหรือปลอดภัยก็เรื่องของกลุ่มเมริง”
...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ ก็เพราะ นพ.ณรงค์ ได้มาเป็นปลัด สธ. และได้นำพาองค์กร เข้าไปเดินตามหลังนักการเมืองฝ่ายค้าน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ของกลุ่มพวกตน
มากกว่าจะทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ของประชาชนทั้งประเทศ ที่เสียภาษีจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับ นพ.ณรงค์ และกลุ่มของ นพ.ณรงค์ ที่ฝักใฝ่ทางการเมือง
...ถึงเวลาแล้ว ที่คนในองค์กร สธ.ทั่วประเทศ จะต้องหันมาร่วมมือร่วมใจกัน นำพาองค์กร สธ.กลับคืนไปสู่จุดเดิม
จุดที่มีความรักความห่วงใยต่อคนไข้ ต่อพี่น้องประชาชนที่กำลังผจญกับปัญหาเรื่องสุขภาพ
...ปฎิรูป ที่ตัว นพ.ณรงค์ (ปลัด สธ.) และกลุ่มคนที่นำพาองค์กร สธ.ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจนแตกความสามัคคีเป็นเสี่ยงๆ นี่แหละเป็นอันดับแรก
เพื่อให้ สธ.กลับคืนไปสู่จุดเดิม ...จุดที่มีแต่ความรักความสามัคคีในการร่วมงานกัน
จาก “คนไข้จะตายก่อน”...ให้กลับคืนไปสู่..... “คนไข้ต้องมาก่อน”
*****... ก่อนที่จะสายเกินไป....*****