สวัสดีเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับ
วันนี้กระผมได้มีโอกาสลองระบบ ABS แบบไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน
เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ครับ

พอดีผมเลิกงาน (17.00)
แล้วได้ขับเจ้า เซกท์เทา (CB500X) กลับบ้าน
โดยผมเลือกเส้นทางสาย 3 (วิ่งกลับ หนองแขม - บางใหญ่)
ในจังหวะที่เข้าสาย3 ไปนั้น ตอนจะข้ามสะพานสูงสะพานแรก
ผมก็ขับด้วยความเร็วประมาณ 80 KM
ในจังหวะบิดส่งขึ้นไปนั้น
รถยนต์คันข้างหน้า ได้ทำการเบรกกระทันหัน!!!!
(เพราะเหมือนมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ในเลน ฝั่งตรงข้าม แล้วรถก็จอดชลอ เพื่อดู???)
(ถ้าใครขับเส้นนั้นประจำ จะรู้ว่ามีเศษ ดิน หิน ทราย ตกหล่นที่พื้นอีกด้วย)

ระยะห่างท้ายรถยนต์คันหน้า กับ เจ้า เซกท์เทา ประมาณว่า น่าจะน้อยกว่า 10 เมตร
ผมจึงทำการ ทั้ง กด ทั้งบีบ เบรคทั้งเบรคหน้า และเบรคหลัง กดและบีบไปลึกเลยทีเดียว
เลยทำให้รู้ว่า ABS สำหรับ มอเตอร์ไซค์ มันทำงานอย่างไร
--- มันจะรู้สึกเหมือนเบรคปล่อย เบรคปล่อย โดยทึ่เรารู้สึกได้เลย (แต่เราเบรคอย่างเดียวไม่ได้ปล่อย) ---
--- แต่พอความเร็วมันลดลง โดยที่ยังไม่เปลี่ยนเกียร์ ให้ต่ำลง มันจะทำให้เครื่องสะอึก เหมือนจะดับ ---
--- เพราะความเร็ว ไม่สัมพันธ์กับเกียร์ ---

พอผ่านจุดนั้นมาได้ ยอมรับเลยครับว่า ถ้าไม่มี ABS ผมคง กลิ้งสไลด์ไปแล้ว
เพราะด้วยความที่ตั้งตัวไมทัน ถ้าไม่มี ABS คงจะปัดตูด หน้าทิ่ม ชิมฝุ่นไปแล้ว

หลังจากขับผ่านจุดนั้นมา ก็ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
จนขับสิ้นสุดสาย 3 มาตามทาง ศาลาธรรมสพน์
เพื่อจะไปข้ามคลองมหาสวัสดิ์

ในขณะที่ข้ามทางรถไฟ ก่อนจะข้ามคลองมหาสวัสดิ์นั้น
ก็มีด่านตำรวจ ได้ตั้งตรวจ (เวลาประมาณ 17.30)
ซึ่งถนนตรงนั้น เป็นถนน 2 เลน (ไป1เลน กลับ1เลน)

ตำรวจหน้าด่าน ได้ทำการเรียกตรวจผม
ตำรวจ : พ่อรูปหล่อ จอดก่อน

ผม : (คิดในใจ) (นี้ความหล่อเรา ทะลุ หมวกกันน๊อคเลยหรอวะเนี้ย??)
                     (แสดงว่าตำรวจคนนี้ตาถึงพอสมควร)

ผม : (ก็จอด ตามที่ตำรวจเรียก แต่มีเบิ้ลเครื่องใส่เล็กน้อย (ท่อเดิม ดังอย่างกะแมวเยี่ยว!!!))
(พอจอด สมองก็ . คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ไปตามเรื่อง)
(ตำรวจที่เรียก หมวกสีทอง = ไม่ใช่ จราจร ผมไม่โดนยึดใบขับขี่แน่)
(ซ้ายขวา มีแต่รถกระบะ และมีกลุ่มคน เหมือนโดนเรียกให้ไปตรวจฉี่ แต่ผมพร้อมให้ตรวจ อุจจาระเลย เพราะท้องเสียอยู่
หมอบอกว่า ถ้าวันพุทธ ไม่หาย ต้องมาตรวจกับหมอ ดีสะอีก ตรวจกับตำรวจ ประหยัดเงินไปได้อีก)
(ผมก็ถอดหมวกกันน็อค และ โม่งคลุมออก แต่ไม่ได้ดับเครื่อง)

ตำรวจ : รูปหล่อ รถคันนี้แรงเนอะ แพงไหมเนี้ย เกิน 1แสนหรือเปล่า

ผม : (คิดในใจ) (อ่าห์) (ทำไมเจ้าเซกท์เทา ถูกประเมินค่าไว้ น้อยจัง)
     : เลยตอบไปว่า 2 แสน นิดๆ ครับ

ตำรวจ : เนี้ย พี่ก็อยากได้อย่างนี้ไว้สักคัน ไว้วิ่งทางไกล ไว้วิ่ง กลับบ้าน บ้านพี่อยู่ อีสาน อยู่ ขอนแก่นโน้น
           พี่อยากมีมอไซค์อย่างนี้สักคัน เวลาขับคงสนุกน่าดู บลา ๆๆๆ ฯลฯ อีกประมาณ 3-5 นาที

ผม : (คิดในใจ)(ในระหว่างที่ตำรวจพูด)(เอ่อ จะโดนข้อหาอะไรเนี้ย ใบขับขี่ก็ไม่เรียกตรวจ ฉี่ก็ไม่เรียกตรวจ
        รถก็ไม่ได้บอกให้ดับเครื่อง แต่กระผม ปวดท้องครับ คลี่ จะแตกอยู่แล้ว
        จะให้ทำอะไร ก็บอกเถอะ พร้อมให้ความร่วมมือ จะได้ไป คลี่ ที่บ้านอย่างสบายใจ
        เอะ หรือจะโดนเรื่องป้ายทะเบียน เพราะเรายังไม่ได้ป้าย แต่เราเอามาขับก่อน)

ตำรวจ : อะ รูปหล่อ ฟังพี่เสร็จแล้ว (แต่หน้าพี่อะ แก่กว่าพ่อผมอีกนะครับ) ไปเถอะ ขับกลับบ้านดีๆละ เหงื่อแตกเชียว
            ไม่ต้องตกใจ เพียงแค่พี่อยากคุยด้วยเรื่องมอเตอร์ไซค์เท่านั้นเอง (ย้ำอีกครั้ง ผมท้องเสีย และปวด คลี่ ครับ)

ตำรวจก็ได้ปล่อยผม ผ่านด่านนั้นมา โดยสวัสดิภาพ ผมก็ได้ทำการ ขอบคุณ ที่เรียกผม ชวนผมคุย เรื่องมอเตอร์ไซค์
แต่ใจผมคิดถึงส้วมที่บ้านมากกว่า

ปล.ผมแถมให้อีกเรื่อง
--- เรื่อง สุนัขที่ชอบไล่กวดมอเตอร์ไซค์ ---

หลังจากผ่านด่านนั้นมา
ขับตามทางกลับบ้านไปสักพัก
สายตาที่มองไปข้างหน้า เห็นว่า มอเตอร์ไซค์คันหน้า ได้ถูกสุนัข วิ่งมาจากข้างทาง เหมือนจะมากวด/เห่า/กัด
ผมก็เตรียมใจไว้แล้ว เราอาจจะโดนอย่างนั้น เตรียม สติ ให้พร้อม แต่ฉับพลันนั้น
สมองก็ได้เกิดอีก 1 ความคิด ถ้าเราชลอ อาจโดนงับ ถ้าเราเร่ง อาจโดน กวด
งั้นลอง บีบแตรใส่ดูมั้ง

จังหวะที่สุนัข ไล่กวด คันหน้า พอเห็นผมขับใกล้จะถึง
ผมใช้จังหวะสายตา มองเล็ง การเคลื่อนไหวของสุนัข
ตอนที่สุนัข เตรียมท่า จะกวด/กระโจน ใส่
ผมได้ทำการบีบแตร ยาว 1 ครั้ง
ผลปรากฏว่า สุนัขตัวนั้น ชะงัก ครับ
ไม่ไล่กวด อาจเป็นเพราะว่า ตกใจ

หากใครประสบปัญหาสุนัขไลกวด ลองใช้วิธีของผมดูนะครับ

ปล2.
--- อ้าว ผมลืม รีวิว "ไอ้นั้น" อีกแระ!!!  ---
--- แต่ถ้าใครไปทริป สวนผึ้ง กับ ตาโอม จะเห็น "ไอ้นั้น"ผมติดอยู่ที่ ถังน้ำมัน
--- ไว้คราาวหน้า จะมารีวิว "ไอ้นั้น" ให้ดูครับ  ---

ปล3.
--- "ไอ้นั้น" = กระเป๋าที่ผมไว้คาดเอว หรือ พกสิ่งของต่างๆ ตอนออกทริป ใบไม่เล็ก ไม่ใหญ่เกินไปครับ

ขอบคุณครับ