ตั้งแต่เด็กๆจนโตป่านนี้แล้ว นับว่าเกิดมานานพอสมควรเหมือนกัน ความรู้ที่ได้รับการสั่งสอนมาจากวิชาศิลปะ มีอยู่มากมาย การวาด การเขียน การลากเส้นตัดขอบ การระบายสี การผสมสี สีนั้นผสมสีนี้จะได้สีใหม่ขึ้นมาอีกสีนึง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ถ้าผสมวิธีเดิม สีที่ออกมาก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลียนแปลง........
ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาค่อนข้างพอสมควร แทบจะทุกวัน ทั้งสื่อหลัก สื่อโซเชียลฯ ถึงจะไม่ครอบคลุมทุกตัวหนังสือ แต่ก็ถือว่าเยอะแหละ...มากกว่า 60% ยอมรับเลยว่า หาทางหยุดยากมาก และไม่รู้ว่าจะหยุดอย่างไร ความสงบสุขจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าหากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกลับมาได้เปรียบ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะลุกขึ้นมาอยู่ดี....มันไม่จบง่ายๆ
กลุ่มผู้สนับสนุนฝ่ายตนเองก็ค่อนข้างสุดโต่งกันทั้งนั้น ใครเห็นต่างตัวเองหน่อยก็จะถูกผลัก ถูกใส่สีให้เป็นอีกฝ่ายนึง ด้วยความไม่ไว้ใจกัน และรู้ใจคนอื่นมากเกินไป แทบจะประมาณว่า แกไม่ต้องมาพูด แกนะแดง แกนะเหลือง แกนะเทพเทือก......อ้ายคนที่ถูกผลักใส่สี ทั้งๆที่อยากจะบอกว่า แกเป็นฉันหรอ แกเข้าไปนั่งในใจฉันเหรอ ถึงได้รู้ตื้นลึกหนาบางของฉันได้ขนาดนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้อธิบายอะไร เพราะถูกระบายสีให้เรียบร้อยแล้ว....
เมื่ออันจะมีกลุ่มที่ต้องการสันติภาพจริงๆออกมา ก็ถูกมองว่าไม่จริงใจ เป็นของอีกฝ่าย.....เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บ้านเราเมืองเราจะไม่มีวันสงบสุขไปได้อย่างแน่นอน.....
จากบทนำเรื่องการผสมสีที่ได้กล่าวมา จึงมีแนวคิดว่า เมื่อกลุ่มที่สามเกิดขึ้นมาไม่ได้ เกิดมาแล้วถูกต่างฝ่ายต่างมองว่า ตรงข้ามกับฝ่ายของตนเอง..ดังนั้น พวกเราทุกคนไม่ว่าจะสีใด จากแดง เหลือง หรือเทพ ถามตัวเราเองก่อนว่าต้องการให้บ้านเมืองเราเป็นอย่างไร เมื่อนักการเมืองเก่าๆ ความคิดเกมส์การเมืองเก่าๆ ไม่สามารถพาประเทศออกจากวิกฤติอันแสนสาหัสนี้ได้ มันก็อยู่ที่ตัวพวกเราเองนี่แหละที่จะผสมสีกัน ลดและสลัดความทิฐิในตัวออกให้ได้ สลัดข้างทั้งหลายออก สลัดความคิดแกนนำทั้งหลายออกไปจากสมอง แล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง มีจุดยืนเป็นของตัวเอง แล้วหันมาร่วมกันคิด ร่วมกันรณรงค์ทฤษฎีผสมสีด้วยตัวของพวกเราเอง ขอใช้คำว่า รณรงค์ นะครับ ทำกันเยอะๆ ทำกันให้เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ๆ ให้มีพลังขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ.....ใช้สื่อโซเชียลฯให้เป็นประโยชน์ แชร์สิ่งที่เป็นไปได้ แทนการโจมตีกัน ใส่ร้ายป้ายสีกัน.....ลงโทษสื่อโซเชียลฯซะ ที่ก่อนหน้านี้มันคือส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเราทะเลาะกัน บาดหมางกัน เลิกคบกัน.....
สิ่งเหล่านี้แหละ ที่มองว่าจะนำพาพวกเราสู่ความเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กันเหมือนเดิม......เขามีเหลือง มีแดง เราเอาเหลืองแดงมาผสมกัน อาจจะตั้งเป็นกลุ่มเสื้อส้ม หรือแดงผสมน้ำเงินเป็นเสื้อม่วงไปซะ
เริ่มที่ตัวเราเองก่อน ตั้งมั่นตัวเราก่อนว่า เราเป็นตัวเรา เราต้องการความสงบสุข เราต้องการไปไหนมาไหนอย่างปลอดภัย เราอยากเห็นลูกหลานเราโตมาอย่างมีคุณภาพ.......
ขอทิ้งท้ายนิดนึง เมื่ออ่านจบแล้ว ใครที่คิดว่าผู้เขียน "โลกสวย" คุณคิดถูกแล้วครับ ผู้เขียนยอมรับครับว่า ต้องการโลกสวยจริงๆ คุณต่างหากที่ต้องตอบคำถามกับตัวคุณเองว่า หรือคุณไม่ต้องการโลกสวย?
และคุณก็คือตัวคุณ ใจของคุณ คุณไม่มีวันรู้ในส่วนลึกของใจคนอื่นหรอก และคนอื่นก็ไม่มีวันรู้ในส่วนลึกของใจคุณเช่นกัน....
คนเสื้อส้ม เสื้อม่วงมาแล้ว
ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาค่อนข้างพอสมควร แทบจะทุกวัน ทั้งสื่อหลัก สื่อโซเชียลฯ ถึงจะไม่ครอบคลุมทุกตัวหนังสือ แต่ก็ถือว่าเยอะแหละ...มากกว่า 60% ยอมรับเลยว่า หาทางหยุดยากมาก และไม่รู้ว่าจะหยุดอย่างไร ความสงบสุขจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าหากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกลับมาได้เปรียบ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะลุกขึ้นมาอยู่ดี....มันไม่จบง่ายๆ
กลุ่มผู้สนับสนุนฝ่ายตนเองก็ค่อนข้างสุดโต่งกันทั้งนั้น ใครเห็นต่างตัวเองหน่อยก็จะถูกผลัก ถูกใส่สีให้เป็นอีกฝ่ายนึง ด้วยความไม่ไว้ใจกัน และรู้ใจคนอื่นมากเกินไป แทบจะประมาณว่า แกไม่ต้องมาพูด แกนะแดง แกนะเหลือง แกนะเทพเทือก......อ้ายคนที่ถูกผลักใส่สี ทั้งๆที่อยากจะบอกว่า แกเป็นฉันหรอ แกเข้าไปนั่งในใจฉันเหรอ ถึงได้รู้ตื้นลึกหนาบางของฉันได้ขนาดนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้อธิบายอะไร เพราะถูกระบายสีให้เรียบร้อยแล้ว....
เมื่ออันจะมีกลุ่มที่ต้องการสันติภาพจริงๆออกมา ก็ถูกมองว่าไม่จริงใจ เป็นของอีกฝ่าย.....เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บ้านเราเมืองเราจะไม่มีวันสงบสุขไปได้อย่างแน่นอน.....
จากบทนำเรื่องการผสมสีที่ได้กล่าวมา จึงมีแนวคิดว่า เมื่อกลุ่มที่สามเกิดขึ้นมาไม่ได้ เกิดมาแล้วถูกต่างฝ่ายต่างมองว่า ตรงข้ามกับฝ่ายของตนเอง..ดังนั้น พวกเราทุกคนไม่ว่าจะสีใด จากแดง เหลือง หรือเทพ ถามตัวเราเองก่อนว่าต้องการให้บ้านเมืองเราเป็นอย่างไร เมื่อนักการเมืองเก่าๆ ความคิดเกมส์การเมืองเก่าๆ ไม่สามารถพาประเทศออกจากวิกฤติอันแสนสาหัสนี้ได้ มันก็อยู่ที่ตัวพวกเราเองนี่แหละที่จะผสมสีกัน ลดและสลัดความทิฐิในตัวออกให้ได้ สลัดข้างทั้งหลายออก สลัดความคิดแกนนำทั้งหลายออกไปจากสมอง แล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง มีจุดยืนเป็นของตัวเอง แล้วหันมาร่วมกันคิด ร่วมกันรณรงค์ทฤษฎีผสมสีด้วยตัวของพวกเราเอง ขอใช้คำว่า รณรงค์ นะครับ ทำกันเยอะๆ ทำกันให้เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ๆ ให้มีพลังขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ.....ใช้สื่อโซเชียลฯให้เป็นประโยชน์ แชร์สิ่งที่เป็นไปได้ แทนการโจมตีกัน ใส่ร้ายป้ายสีกัน.....ลงโทษสื่อโซเชียลฯซะ ที่ก่อนหน้านี้มันคือส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเราทะเลาะกัน บาดหมางกัน เลิกคบกัน.....
สิ่งเหล่านี้แหละ ที่มองว่าจะนำพาพวกเราสู่ความเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กันเหมือนเดิม......เขามีเหลือง มีแดง เราเอาเหลืองแดงมาผสมกัน อาจจะตั้งเป็นกลุ่มเสื้อส้ม หรือแดงผสมน้ำเงินเป็นเสื้อม่วงไปซะ
เริ่มที่ตัวเราเองก่อน ตั้งมั่นตัวเราก่อนว่า เราเป็นตัวเรา เราต้องการความสงบสุข เราต้องการไปไหนมาไหนอย่างปลอดภัย เราอยากเห็นลูกหลานเราโตมาอย่างมีคุณภาพ.......
ขอทิ้งท้ายนิดนึง เมื่ออ่านจบแล้ว ใครที่คิดว่าผู้เขียน "โลกสวย" คุณคิดถูกแล้วครับ ผู้เขียนยอมรับครับว่า ต้องการโลกสวยจริงๆ คุณต่างหากที่ต้องตอบคำถามกับตัวคุณเองว่า หรือคุณไม่ต้องการโลกสวย?
และคุณก็คือตัวคุณ ใจของคุณ คุณไม่มีวันรู้ในส่วนลึกของใจคนอื่นหรอก และคนอื่นก็ไม่มีวันรู้ในส่วนลึกของใจคุณเช่นกัน....