กลุ่ม V-Team ได้จัดทริปของกลุ่มและร่วมทริปกับคนอื่นมาพอสมควร ก็เห็นบ้างสิ่งบ้างอย่างที่
ควรส่งเสริมและแนะนำ ทั้งคนในกลุ่มและนอกกลุ่ม น้าวี ก็ไปค้นบทความที่เก็บไว้นานแล้วมาให้อ่าน
เป็นบทความที่คิดว่า น่าจะมีประโยชน์สำหรับมือใหม่และมือเก่าที่ บ้างครั้งอาจจะลืมๆ ไปบ้าง ก็เอา
มาทบทวนดูนะครับ
เทคนิคการขี่จักรยานเป็นกลุ่ม
การขี่จักรยานเป็นเรื่องสนุกซึ่งคนที่ขี่เป็นประจำจะทราบดีอยู่แล้ว แต่การปั่นคนเดียวนั้นทุกคนก็ทราบดีอีกว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน และเหงาอย่างมหาวายร้าย หรือบางท่านอาจชอบที่จะปั่นคนเดียว
แม้คุณจะชอบปั่นคนเดียวอย่างไรก็ตามจะต้องมีสักวันแน่ๆที่คุณจะต้องปั่นกับเพื่อนร่วมก๊วน แล้วคุณจะพบว่าการปั่นเป็นกลุ่มมันสนุก แต่การขี่จะให้สนุกยิ่งขึ้นมันก็ต้องไปเป็นกลุ่มใหญ่ และยิ่งรู้วิธีการขี่เป็นกลุ่มก็ยิ่งสนุกมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่าได้คิดว่าขอแค่ปั่นเป็นก็ไปเป็นกลุ่มได้แล้ว หรืออย่าได้ผยองโดยเด็ดขาดว่าอาตมาก็มือมีระดับเหมือนกัน ฉนั้นการปั่นเป็นกลุ่มไม่เห็นจะต้องเรียนรู้หรือฝึกฝนอะไร
เพราะนั่นคือหนทางของการบาดเจ็บ พิการหรือร้ายแรงสุดถึงชีวิต ได้เริ่มต้นตั้งแต่ที่คุณเริ่มคิดแล้ว
การขี่เป็นกลุ่มไม่ได้ง่ายเหมือนกับการเฮโลพากันตามกันไปเป็นโขยงโดยไม่มีหลักการอะไรเลย
แล้วเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหากไม่มีการป้องกันตั้งแต่เบื้องต้นแล้วละก็ ความสูญเสียที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดก็จะตามมา เรามาเรียนรู้กันเลยดีกว่า
เครื่องป้องกันต้องพร้อม
อันดับแรกก็คือเครื่องแต่งกายของนักปั่นที่บรรดาชาวเสือทราบดีว่าควรมีอะไรบ้าง เสื้อ กางเกงต้องเฉพาะสำหรับจักรยานและไม่รุ่มร่าม ถุงเท้ารองเท้าต้องเหมาะกับการปั่นจักรยานที่ต้องการความคล่องแคล่วว่องไว ถุงมือต้องใส่เพื่อความกระชับและมั่นคงในการจับแฮนด์ ที่ ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือหมวกป้องกันศรีษะต้องใส่ทุกครั้งที่คุณขึ้นคร่อมบนเบาะของเสือคู่ใจคุณ หลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุแล้วพบว่าหากไม่มีหมวกคงคาดเดาไม่ออกว่าสภาพของ คนขี่จะเป็นอย่างไร
อย่าเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน
การปั่นจักรยาน 2 ล้อคนเดียวที่จะต้องทรงตัวอยู่บนล้อ 2 ล้อเป็นการยากอยู่แล้ว แต่ต้องมาขี่ร่วมกับเพื่อนๆนี่ยิ่งยากมากขึ้น เพราะจะต้องคอยสังเกตุอากัปกริยาของคนที่อยู่ข้างๆ คนที่อยู่ข้างหน้า และบางครั้งก็จะต้องมองข้างหลังว่าแต่ละคนเขากำลังทำอะไรกันอยู่ การเหม่อลอย คือ หนทางของการเจ็บตัว นอกจากนั้น
การเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน
การลดความเร็วอย่างทันทีทันใด
การเพิ่มความเร็วทันที...ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง
หากต้องการเปลี่ยนทิศทางจะต้องดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในทิศทางที่เราต้องการจะไป แล้วส่งสัญญานว่าเราต้องการเปลี่ยนทิศทางอาจจะด้วยการยกมือก็ได้ หากเปลี่ยนทิศทางกระทันหันโอกาสที่จะเกี่ยวกันล้มมีสูงมาก
การลดความเร็ว ของจักรยานลงในกรณีที่เราควบคุมความเร็วเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะ ให้ทุกคนในกลุ่มสามารถไปด้วยกันได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยมาก วิธีการก็คือลดแรงกดที่บันใดให้น้อยลงไม่ใช่การหยุดปั่น การหยุดปั่นจะทำให้ความเร็วลดลงเร็วเกินไป เป็นปัญหากับคนที่ขี่ตามหลังเพราะเขาจะต้องเบรค แล้วออกแรงอีกรอบเพื่อทำความเร็วให้เท่ากับเราที่ปั่นอยู่ข้างหน้า แน่นอนว่าเขาจะใช้แรงมากกว่าซึ่งเปลืองพลังงานมาก การลดแรงกดลงที่ลูกบันใดจะทำให้ความเร็วของจักรยานลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป คนที่ขี่ตามหลังจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้และลดความเร็วได้ทันโดยไม่ต้องใช้เบรค
การเพิ่มความเร็ว ก็ทำได้โดยการเพิ่มแรงกดขึ้นอีกเล็กน้อยที่ลูกบันใด ความเร็วก็จะเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปซึ่งผู้ที่ขี่ตามหลังจะรับรู้ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทันเช่นกัน นักขี่ที่ยังใหม่ต่อแนวการขี่เป็นแนวตรงจะกลัวอยู่อย่างก็ คือ กลัวว่าตนเองจะขี่ตามเพื่อนๆไม่ทัน จึงพยายามแทรกขึ้นมาอยู่ด้านหน้าๆซึ่งไม่ถูกต้อง ที่ถูกคือขี่ตามกลุ่มไปเรื่อยๆรักษาความเร็วไว้
ปล่อยให้คนอื่นมานำแทนบ้าง
แนวความคิดนี้ก็คือจะไม่มีใครเก่งคนเดียวเมื่อขี่รวมกลุ่มกัน นั่นหมายความว่าคุณกับเพื่อนรวมกันเป็นทีม และต้องสับเปลี่ยนหน้าที่กันให้เพื่อนผลัดขึ้นมานำบ้าง ถ้าอยากจะพิสูจน์ว่าตนเองมีความเร็ว
เหนือกว่าคนอื่นยังมีโอกาสที่จะแสดงความสามารถนั้น แต่ในการขี่รวมกลุ่มต้องช่วยกันทำหน้าที่
เมื่อออกจากตำแหน่งต้องเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน ก่อนการขี่ถ้าเป็นไปได้ให้ตกลงกันก่อนว่า
เมื่อต้องการเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้นำกลุ่มมาเป็นผู้ตาม จะเคลื่อนตัวออกทางใด โดยให้สังเกตุทิศทางลม เช่น ถ้าลมมาทางซ้าย ให้เปลี่ยนลงไปทางซ้าย ถ้าลมมาทางขวาให้เปลี่ยนไปทางขวาแล้วลงมาต่อท้ายขบวน แต่ถ้าลมมาตรงหน้าให้เปลี่ยนไปทางซ้ายซึ่งมันจะปลอดภัยไม่ต้องกังวลรถที่ตามมา
กรณีที่ลมเปลี่ยนทิศ ให้คนที่อยู่ในกลุ่มแจ้งคนข้างหน้าด้วยว่าลมเปลี่ยนทิศให้เปลี่ยนทิศทางการลง
ตามหลังเพื่อนอย่างมีหลัก
การขี่ตามหลังเพื่อนนั้นไม่ใช่เรามีฝีเท้าแย่ที่สุดในกลุ่ม แต่ที่ขี่ตามหลังเขาก็เพื่อให้เขาลาก นั่นคือคนข้างหน้าจะทำหน้าที่บังลมให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วคนที่อยู่ข้างหลังจะประหยัดพลังงานได้มากเพราะไม่ต้องปะทะกับลมโดยตรง การขี่ตามหลังก็ต้องมีหลักปฎิบัติคือ ต้องตามให้ชิดพอเหมาะ
ล้อหน้าของเราต้องอยู่ห่างจากล้อหลังของเพื่อนในระยะปลอดภัย (ไม่ควรต่ำกว่า 12 นิ้ว)
ไม่ควรให้เหลื่อมกับล้อหลังของเพื่อน เพราะหากเขาเปลี่ยนทางนิดเดียวคุณก็คว่ำไม่เป็นท่าแบบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เปิดช่องให้เพื่อนที่ลงมาพักได้เข้าก่อนหน้า กรณีที่คุณไม่ขึ้นผลัดนำ จะด้วยเหตุผลไดก็แล้วแต่ คุณควรจะเว้นช่องให้เพื่อนที่ลงมาพักได้เข้าไปในขบวนอย่างสะดวก ไม่ควรกั๊กไว้ การส่งเสียงบอกก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เช่น "เข้าก่อน" "เข้าเลย" เพื่อนจะได้เร่งความเร็วและเข้ามาในขบวนโดยไม่เสียจังหวะ การฝืนจี้ไปเรื่อยๆ แต่พอถึงคิวตัวเองนำแล้วไม่ทำหน้าที่จะทำให้ความเร็วของกลุ่มตกลง
ซึ่งก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้
ขี่ให้ชิดกลุ่มเมื่อเปลี่ยนตำแหน่ง
เมื่อคุณปล่อยให้เพื่อนขึ้นมานำแทนคุณแล้ว ตัวเองจะต้องลดความเร็วลงตีวงออกด้านซ้าย หรือ ขวามือของกลุ่มพอประมาณ (ประมาณ 1 เมตร) ไม่ต้องออกห่างมาก เพราะอาจถูกยานพาหนะอื่นที่ร่วมทางมาชนเอาก็ได้
เมื่อมีสิ่งผิดปกติส่งสัญญาณให้เพื่อนรู้ด้วย
ในการขี่เป็นกลุ่มผู้ที่อยู่หน้าสุดจะเห็นสถานะการณ์ข้างหน้ามากที่สุด นั่นคือมีทัศนวิสัยดีที่สุดในกลุ่ม แล้วจะลดลงตามลำดับในตำแหน่งที่ลดหลั่นลงมา เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติ เช่น รถจอดข้างทางก็อาจส่งสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนจะถึงจุดเกิดเหตุเป็นระยะพอควร เช่น ตะโกนบอกเพื่อนที่อยู่ถัดมาให้ได้ยินชัดเจนเพื่อเขาจะได้หลบหลีกทัน หรือใช้มือชี้ไปที่จุดต้นเหตุนั้นๆ ก็ได้
ใช้เบรคให้น้อยที่สุด
เหตุผลก็คือ เบรกจะทำให้ความเร็วลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าเราเบรคทันทีทันใดหรือเบรคบ่อยๆคนที่อยู่หลังเราต่อไปเขาอาจจะชนเราหรือกระแทกเราได้โดยไม่ตั้งใจ หรืออย่างน้อยที่สุดเขาก็อาจจะงุดหงิด (แล้วด่าเราในใจก็ได้) ถ้าคุณอยากเสียเพื่อนโดยวิธีง่ายๆละก็ได้เลย
อย่าทรมานตัวเองโดยการลากกลุ่มนานเกินไป
การขี่เป็นคนแรกของกลุ่มไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนเก่งที่สุด แต่หมายความว่าขณะนั้นคุณกำลังลากกลุ่มทั้งกลุ่มอยู่ ถ้าคุณเป็นคนแข็งแรงก็ไม่จำเป็นต้องแสดงว่าข้าแข็งแรงออกมาตอนนี้เหนื่อยเปล่า เมื่อเห็นควรแก่เวลาก็ปล่อยให้คนอื่นเขาขึ้นมานำแทนบ้าง เมื่อคุณไม่ใหวก็ไม่มีใครว่าเพราะในกลุ่มจะรู้ว่าใครมีศักย์ภาพแค่ใหน และต้องตระหนักว่าคุณอยู่หน้าสุดมีหน้าที่ในการควบคุมรอบขาของทั้งกลุ่ม ดังนั้นต้องรักษารอบขาเอาไว้ให้คงที่เสมอ อย่าเร่งความเร็วโดยไม่จำเป็น เพราะคุณไม่ได้มาแข่งขัน แต่มาปั่นเป็นกลุ่มอย่างสนุกสนาน
อย่ายุ่งกับขวดน้ำหรือโทรศัพท์
การละมือจากแฮนด์ไปหยิบอุปกรณ์ต่างๆขณะที่จักรยานยังอยู่ในความเร็วนั้น โอกาสที่มือจะหลุดจากแฮนด์มีค่อนข้างสูงแล้วนั่นก็ คือ อุบัติเหตุจะตามมา หากต้องการหยิบขวดน้ำหรือโทรศัพท์ดังขึ้น
จะต้องออกจากตำแหน่งนำหรือออกจากกลุ่มทันที ให้มาหมกอยู่หลังกลุ่มค่อยกินน้ำ หรือรับโทรฯ
แรกๆของการปั่นเป็นกลุ่มอาจจะมีปัญหาบ้างหรือไม่เข้าใจในบางสิ่งบางอย่างบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อนานเข้าก็ชำนาญเองโดยอัตโนมัติ เทคนิคนี้ได้จากตำราบ้าง จากประสบการณ์บ้างนำมาผสมกันเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ และแน่นอนว่าไม่ใช่ข้อบังคับที่จะต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดเสมอไป
หากแต่ต้องการการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์ คือ ความปลอดภัยและความสนุกจากกีฬาชนิดนี้ และหากบทความนี้เป็นประโยชน์ก็ของยกประโยชน์นี้ให้กับคนจักรยานทุกท่าน
ขอให้สนุกจากการปั่นทุกท่านสวัสดีครับ
เครดิต : จ่าเยิ้ม แห่ง ThaiMTB.com
เทคนิคการขี่จักรยานเป็นกลุ่ม
ควรส่งเสริมและแนะนำ ทั้งคนในกลุ่มและนอกกลุ่ม น้าวี ก็ไปค้นบทความที่เก็บไว้นานแล้วมาให้อ่าน
เป็นบทความที่คิดว่า น่าจะมีประโยชน์สำหรับมือใหม่และมือเก่าที่ บ้างครั้งอาจจะลืมๆ ไปบ้าง ก็เอา
มาทบทวนดูนะครับ
เทคนิคการขี่จักรยานเป็นกลุ่ม
การขี่จักรยานเป็นเรื่องสนุกซึ่งคนที่ขี่เป็นประจำจะทราบดีอยู่แล้ว แต่การปั่นคนเดียวนั้นทุกคนก็ทราบดีอีกว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน และเหงาอย่างมหาวายร้าย หรือบางท่านอาจชอบที่จะปั่นคนเดียว
แม้คุณจะชอบปั่นคนเดียวอย่างไรก็ตามจะต้องมีสักวันแน่ๆที่คุณจะต้องปั่นกับเพื่อนร่วมก๊วน แล้วคุณจะพบว่าการปั่นเป็นกลุ่มมันสนุก แต่การขี่จะให้สนุกยิ่งขึ้นมันก็ต้องไปเป็นกลุ่มใหญ่ และยิ่งรู้วิธีการขี่เป็นกลุ่มก็ยิ่งสนุกมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่าได้คิดว่าขอแค่ปั่นเป็นก็ไปเป็นกลุ่มได้แล้ว หรืออย่าได้ผยองโดยเด็ดขาดว่าอาตมาก็มือมีระดับเหมือนกัน ฉนั้นการปั่นเป็นกลุ่มไม่เห็นจะต้องเรียนรู้หรือฝึกฝนอะไร
เพราะนั่นคือหนทางของการบาดเจ็บ พิการหรือร้ายแรงสุดถึงชีวิต ได้เริ่มต้นตั้งแต่ที่คุณเริ่มคิดแล้ว
การขี่เป็นกลุ่มไม่ได้ง่ายเหมือนกับการเฮโลพากันตามกันไปเป็นโขยงโดยไม่มีหลักการอะไรเลย
แล้วเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหากไม่มีการป้องกันตั้งแต่เบื้องต้นแล้วละก็ ความสูญเสียที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดก็จะตามมา เรามาเรียนรู้กันเลยดีกว่า
เครื่องป้องกันต้องพร้อม
อันดับแรกก็คือเครื่องแต่งกายของนักปั่นที่บรรดาชาวเสือทราบดีว่าควรมีอะไรบ้าง เสื้อ กางเกงต้องเฉพาะสำหรับจักรยานและไม่รุ่มร่าม ถุงเท้ารองเท้าต้องเหมาะกับการปั่นจักรยานที่ต้องการความคล่องแคล่วว่องไว ถุงมือต้องใส่เพื่อความกระชับและมั่นคงในการจับแฮนด์ ที่ ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือหมวกป้องกันศรีษะต้องใส่ทุกครั้งที่คุณขึ้นคร่อมบนเบาะของเสือคู่ใจคุณ หลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุแล้วพบว่าหากไม่มีหมวกคงคาดเดาไม่ออกว่าสภาพของ คนขี่จะเป็นอย่างไร
อย่าเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน
การปั่นจักรยาน 2 ล้อคนเดียวที่จะต้องทรงตัวอยู่บนล้อ 2 ล้อเป็นการยากอยู่แล้ว แต่ต้องมาขี่ร่วมกับเพื่อนๆนี่ยิ่งยากมากขึ้น เพราะจะต้องคอยสังเกตุอากัปกริยาของคนที่อยู่ข้างๆ คนที่อยู่ข้างหน้า และบางครั้งก็จะต้องมองข้างหลังว่าแต่ละคนเขากำลังทำอะไรกันอยู่ การเหม่อลอย คือ หนทางของการเจ็บตัว นอกจากนั้น
การเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน
การลดความเร็วอย่างทันทีทันใด
การเพิ่มความเร็วทันที...ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง
หากต้องการเปลี่ยนทิศทางจะต้องดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในทิศทางที่เราต้องการจะไป แล้วส่งสัญญานว่าเราต้องการเปลี่ยนทิศทางอาจจะด้วยการยกมือก็ได้ หากเปลี่ยนทิศทางกระทันหันโอกาสที่จะเกี่ยวกันล้มมีสูงมาก
การลดความเร็ว ของจักรยานลงในกรณีที่เราควบคุมความเร็วเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะ ให้ทุกคนในกลุ่มสามารถไปด้วยกันได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยมาก วิธีการก็คือลดแรงกดที่บันใดให้น้อยลงไม่ใช่การหยุดปั่น การหยุดปั่นจะทำให้ความเร็วลดลงเร็วเกินไป เป็นปัญหากับคนที่ขี่ตามหลังเพราะเขาจะต้องเบรค แล้วออกแรงอีกรอบเพื่อทำความเร็วให้เท่ากับเราที่ปั่นอยู่ข้างหน้า แน่นอนว่าเขาจะใช้แรงมากกว่าซึ่งเปลืองพลังงานมาก การลดแรงกดลงที่ลูกบันใดจะทำให้ความเร็วของจักรยานลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป คนที่ขี่ตามหลังจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้และลดความเร็วได้ทันโดยไม่ต้องใช้เบรค
การเพิ่มความเร็ว ก็ทำได้โดยการเพิ่มแรงกดขึ้นอีกเล็กน้อยที่ลูกบันใด ความเร็วก็จะเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปซึ่งผู้ที่ขี่ตามหลังจะรับรู้ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทันเช่นกัน นักขี่ที่ยังใหม่ต่อแนวการขี่เป็นแนวตรงจะกลัวอยู่อย่างก็ คือ กลัวว่าตนเองจะขี่ตามเพื่อนๆไม่ทัน จึงพยายามแทรกขึ้นมาอยู่ด้านหน้าๆซึ่งไม่ถูกต้อง ที่ถูกคือขี่ตามกลุ่มไปเรื่อยๆรักษาความเร็วไว้
ปล่อยให้คนอื่นมานำแทนบ้าง
แนวความคิดนี้ก็คือจะไม่มีใครเก่งคนเดียวเมื่อขี่รวมกลุ่มกัน นั่นหมายความว่าคุณกับเพื่อนรวมกันเป็นทีม และต้องสับเปลี่ยนหน้าที่กันให้เพื่อนผลัดขึ้นมานำบ้าง ถ้าอยากจะพิสูจน์ว่าตนเองมีความเร็ว
เหนือกว่าคนอื่นยังมีโอกาสที่จะแสดงความสามารถนั้น แต่ในการขี่รวมกลุ่มต้องช่วยกันทำหน้าที่
เมื่อออกจากตำแหน่งต้องเคลื่อนตัวในทิศทางเดียวกัน ก่อนการขี่ถ้าเป็นไปได้ให้ตกลงกันก่อนว่า
เมื่อต้องการเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้นำกลุ่มมาเป็นผู้ตาม จะเคลื่อนตัวออกทางใด โดยให้สังเกตุทิศทางลม เช่น ถ้าลมมาทางซ้าย ให้เปลี่ยนลงไปทางซ้าย ถ้าลมมาทางขวาให้เปลี่ยนไปทางขวาแล้วลงมาต่อท้ายขบวน แต่ถ้าลมมาตรงหน้าให้เปลี่ยนไปทางซ้ายซึ่งมันจะปลอดภัยไม่ต้องกังวลรถที่ตามมา
กรณีที่ลมเปลี่ยนทิศ ให้คนที่อยู่ในกลุ่มแจ้งคนข้างหน้าด้วยว่าลมเปลี่ยนทิศให้เปลี่ยนทิศทางการลง
ตามหลังเพื่อนอย่างมีหลัก
การขี่ตามหลังเพื่อนนั้นไม่ใช่เรามีฝีเท้าแย่ที่สุดในกลุ่ม แต่ที่ขี่ตามหลังเขาก็เพื่อให้เขาลาก นั่นคือคนข้างหน้าจะทำหน้าที่บังลมให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วคนที่อยู่ข้างหลังจะประหยัดพลังงานได้มากเพราะไม่ต้องปะทะกับลมโดยตรง การขี่ตามหลังก็ต้องมีหลักปฎิบัติคือ ต้องตามให้ชิดพอเหมาะ
ล้อหน้าของเราต้องอยู่ห่างจากล้อหลังของเพื่อนในระยะปลอดภัย (ไม่ควรต่ำกว่า 12 นิ้ว)
ไม่ควรให้เหลื่อมกับล้อหลังของเพื่อน เพราะหากเขาเปลี่ยนทางนิดเดียวคุณก็คว่ำไม่เป็นท่าแบบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เปิดช่องให้เพื่อนที่ลงมาพักได้เข้าก่อนหน้า กรณีที่คุณไม่ขึ้นผลัดนำ จะด้วยเหตุผลไดก็แล้วแต่ คุณควรจะเว้นช่องให้เพื่อนที่ลงมาพักได้เข้าไปในขบวนอย่างสะดวก ไม่ควรกั๊กไว้ การส่งเสียงบอกก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เช่น "เข้าก่อน" "เข้าเลย" เพื่อนจะได้เร่งความเร็วและเข้ามาในขบวนโดยไม่เสียจังหวะ การฝืนจี้ไปเรื่อยๆ แต่พอถึงคิวตัวเองนำแล้วไม่ทำหน้าที่จะทำให้ความเร็วของกลุ่มตกลง
ซึ่งก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้
ขี่ให้ชิดกลุ่มเมื่อเปลี่ยนตำแหน่ง
เมื่อคุณปล่อยให้เพื่อนขึ้นมานำแทนคุณแล้ว ตัวเองจะต้องลดความเร็วลงตีวงออกด้านซ้าย หรือ ขวามือของกลุ่มพอประมาณ (ประมาณ 1 เมตร) ไม่ต้องออกห่างมาก เพราะอาจถูกยานพาหนะอื่นที่ร่วมทางมาชนเอาก็ได้
เมื่อมีสิ่งผิดปกติส่งสัญญาณให้เพื่อนรู้ด้วย
ในการขี่เป็นกลุ่มผู้ที่อยู่หน้าสุดจะเห็นสถานะการณ์ข้างหน้ามากที่สุด นั่นคือมีทัศนวิสัยดีที่สุดในกลุ่ม แล้วจะลดลงตามลำดับในตำแหน่งที่ลดหลั่นลงมา เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติ เช่น รถจอดข้างทางก็อาจส่งสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนจะถึงจุดเกิดเหตุเป็นระยะพอควร เช่น ตะโกนบอกเพื่อนที่อยู่ถัดมาให้ได้ยินชัดเจนเพื่อเขาจะได้หลบหลีกทัน หรือใช้มือชี้ไปที่จุดต้นเหตุนั้นๆ ก็ได้
ใช้เบรคให้น้อยที่สุด
เหตุผลก็คือ เบรกจะทำให้ความเร็วลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าเราเบรคทันทีทันใดหรือเบรคบ่อยๆคนที่อยู่หลังเราต่อไปเขาอาจจะชนเราหรือกระแทกเราได้โดยไม่ตั้งใจ หรืออย่างน้อยที่สุดเขาก็อาจจะงุดหงิด (แล้วด่าเราในใจก็ได้) ถ้าคุณอยากเสียเพื่อนโดยวิธีง่ายๆละก็ได้เลย
อย่าทรมานตัวเองโดยการลากกลุ่มนานเกินไป
การขี่เป็นคนแรกของกลุ่มไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนเก่งที่สุด แต่หมายความว่าขณะนั้นคุณกำลังลากกลุ่มทั้งกลุ่มอยู่ ถ้าคุณเป็นคนแข็งแรงก็ไม่จำเป็นต้องแสดงว่าข้าแข็งแรงออกมาตอนนี้เหนื่อยเปล่า เมื่อเห็นควรแก่เวลาก็ปล่อยให้คนอื่นเขาขึ้นมานำแทนบ้าง เมื่อคุณไม่ใหวก็ไม่มีใครว่าเพราะในกลุ่มจะรู้ว่าใครมีศักย์ภาพแค่ใหน และต้องตระหนักว่าคุณอยู่หน้าสุดมีหน้าที่ในการควบคุมรอบขาของทั้งกลุ่ม ดังนั้นต้องรักษารอบขาเอาไว้ให้คงที่เสมอ อย่าเร่งความเร็วโดยไม่จำเป็น เพราะคุณไม่ได้มาแข่งขัน แต่มาปั่นเป็นกลุ่มอย่างสนุกสนาน
อย่ายุ่งกับขวดน้ำหรือโทรศัพท์
การละมือจากแฮนด์ไปหยิบอุปกรณ์ต่างๆขณะที่จักรยานยังอยู่ในความเร็วนั้น โอกาสที่มือจะหลุดจากแฮนด์มีค่อนข้างสูงแล้วนั่นก็ คือ อุบัติเหตุจะตามมา หากต้องการหยิบขวดน้ำหรือโทรศัพท์ดังขึ้น
จะต้องออกจากตำแหน่งนำหรือออกจากกลุ่มทันที ให้มาหมกอยู่หลังกลุ่มค่อยกินน้ำ หรือรับโทรฯ
แรกๆของการปั่นเป็นกลุ่มอาจจะมีปัญหาบ้างหรือไม่เข้าใจในบางสิ่งบางอย่างบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อนานเข้าก็ชำนาญเองโดยอัตโนมัติ เทคนิคนี้ได้จากตำราบ้าง จากประสบการณ์บ้างนำมาผสมกันเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ และแน่นอนว่าไม่ใช่ข้อบังคับที่จะต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดเสมอไป
หากแต่ต้องการการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์ คือ ความปลอดภัยและความสนุกจากกีฬาชนิดนี้ และหากบทความนี้เป็นประโยชน์ก็ของยกประโยชน์นี้ให้กับคนจักรยานทุกท่าน
ขอให้สนุกจากการปั่นทุกท่านสวัสดีครับ
เครดิต : จ่าเยิ้ม แห่ง ThaiMTB.com