เราเป็น Freelance ค่ะ
ปกติเเล้วจะรับทำงานดีไซน์เป็นหลัก ลูกค้าก็พอมี
รายได้ต่อเดือนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
คือเรามีลูกค้าประจำอยู่รายหนึ่ง ที่เราทำงานกับเขามาจะเกือบปีเเล้วค่ะ
ตกลงกันที่อัพเดตงานทุก 2 วัน เงินค่าจ้างตีเหมาต่อเดือน 20,000 บาท
เพราะหากคิดเป็นโปรเจค เเพงกว่านั้นเเน่นอน
แล้วทีนี้เราเคยเปรยๆ กับเขาไว้ว่าถ้าเราสะดวกเมื่อไร อาจจะมาช่วยทำงานให้ 5 วันต่ออาทิตย์
โดยที่เราตั้งใจว่าจะคุยเรื่องเงินค่าจ้างเพิ่มด้วย
และคราวนี้ก็มาถึงวันนั้นค่ะ พี่เขาทวงถามเเล้วว่ามาทำออฟฟิศได้ 5 วันเมื่อไร
ซึ่งมันชนกับโปรเจคส่วนตัวใหม่ของเราพอดี ที่วางแพลนไว้ว่าจะทำในปีนี้
เป็นพวกงานดีไซน์ผลิตภัณฑ์ ที่วางแผนออกแบบ ผลิต จัดจำหน่าย
ภายใต้แบรนด์ของเรา ภายในปีนี้ค่ะ
คือเราไม่อยากผิดคำพูดนะ แต่...ปัญหามันคือเรื่องเวลากับเงินเดือน
เราอยากขอเงินเพิ่ม ถ้าจะกลับเข้าระบบรูทีน ซึ่งที่งานไกลมาก
เดินทางไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงออฟฟิศ แต่มันติดปัญหาอยู่ที่
บริษัทจะมีการปรับทุกอย่างใหม่หมด บวกกับพี่เขาค่อนข้างตัดสินใจชัดเจนไม่ได้
พอมีอีกเสียงหนึ่งบ่นว่ามา เขาก็จะอ่อนไหว
ตัวอย่างคือ พี่ฝ่ายธุรการขอขึ้นเงินเดือนจาก 9,000 เป็น 15,000 บาท
ตอนเเรกก้รับปากตกลงจะขึ้นให้หลังปีใหม่ แต่พอถูกญาติผู้ใหญ่เขาติงมาว่าให้ 12,000 ก็พอ
พี่เขาก็เชื่อ และลดเงินเดือนจาก 15,000 ที่ตกลงกันไว้เหลือ 12,000 บาท
และเราตั้งธงในใจไว้ที่ 30,000 บาท เลยหวั่นว่าจะไม่ได้
คือเรากำลังลังเลค่ะ เราหากินแบบ Freelance มาตลอด และตลอดเวลาเรามักจะเอาเวลาไปลงคอร์สเรียนเพิ่มทักษะ
เช่น ถ่ายรูป Photoshop เรียนภาษา รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างคลาสโยคะ
ถ้าเรากลับเข้าสู่ระบบรูทีน เราจะเหลือเวลาทำอะไรแบบนั้นลดน้อยลง รวมถึงโปรเจคต่างๆ ของเราด้วย
แต่เราก็รับปากเขาไว้เเล้ว ข้อดีของออฟฟิสพี่เขาคือ เราได้เรียนรู้การตลาดไปในตัว (ไม่ได้จบสายนี้มา)
ตอนนี้กลุ้มใจนิดๆ ค่ะ คือมันชนกับโปรเจคส่วนตัวเราพอดี
แต่ก็ไม่อยากเสียคำพูด
ลำบากใจ ไม่อยากทำงานออฟฟิศ
ปกติเเล้วจะรับทำงานดีไซน์เป็นหลัก ลูกค้าก็พอมี
รายได้ต่อเดือนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
คือเรามีลูกค้าประจำอยู่รายหนึ่ง ที่เราทำงานกับเขามาจะเกือบปีเเล้วค่ะ
ตกลงกันที่อัพเดตงานทุก 2 วัน เงินค่าจ้างตีเหมาต่อเดือน 20,000 บาท
เพราะหากคิดเป็นโปรเจค เเพงกว่านั้นเเน่นอน
แล้วทีนี้เราเคยเปรยๆ กับเขาไว้ว่าถ้าเราสะดวกเมื่อไร อาจจะมาช่วยทำงานให้ 5 วันต่ออาทิตย์
โดยที่เราตั้งใจว่าจะคุยเรื่องเงินค่าจ้างเพิ่มด้วย
และคราวนี้ก็มาถึงวันนั้นค่ะ พี่เขาทวงถามเเล้วว่ามาทำออฟฟิศได้ 5 วันเมื่อไร
ซึ่งมันชนกับโปรเจคส่วนตัวใหม่ของเราพอดี ที่วางแพลนไว้ว่าจะทำในปีนี้
เป็นพวกงานดีไซน์ผลิตภัณฑ์ ที่วางแผนออกแบบ ผลิต จัดจำหน่าย
ภายใต้แบรนด์ของเรา ภายในปีนี้ค่ะ
คือเราไม่อยากผิดคำพูดนะ แต่...ปัญหามันคือเรื่องเวลากับเงินเดือน
เราอยากขอเงินเพิ่ม ถ้าจะกลับเข้าระบบรูทีน ซึ่งที่งานไกลมาก
เดินทางไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงออฟฟิศ แต่มันติดปัญหาอยู่ที่
บริษัทจะมีการปรับทุกอย่างใหม่หมด บวกกับพี่เขาค่อนข้างตัดสินใจชัดเจนไม่ได้
พอมีอีกเสียงหนึ่งบ่นว่ามา เขาก็จะอ่อนไหว
ตัวอย่างคือ พี่ฝ่ายธุรการขอขึ้นเงินเดือนจาก 9,000 เป็น 15,000 บาท
ตอนเเรกก้รับปากตกลงจะขึ้นให้หลังปีใหม่ แต่พอถูกญาติผู้ใหญ่เขาติงมาว่าให้ 12,000 ก็พอ
พี่เขาก็เชื่อ และลดเงินเดือนจาก 15,000 ที่ตกลงกันไว้เหลือ 12,000 บาท
และเราตั้งธงในใจไว้ที่ 30,000 บาท เลยหวั่นว่าจะไม่ได้
คือเรากำลังลังเลค่ะ เราหากินแบบ Freelance มาตลอด และตลอดเวลาเรามักจะเอาเวลาไปลงคอร์สเรียนเพิ่มทักษะ
เช่น ถ่ายรูป Photoshop เรียนภาษา รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างคลาสโยคะ
ถ้าเรากลับเข้าสู่ระบบรูทีน เราจะเหลือเวลาทำอะไรแบบนั้นลดน้อยลง รวมถึงโปรเจคต่างๆ ของเราด้วย
แต่เราก็รับปากเขาไว้เเล้ว ข้อดีของออฟฟิสพี่เขาคือ เราได้เรียนรู้การตลาดไปในตัว (ไม่ได้จบสายนี้มา)
ตอนนี้กลุ้มใจนิดๆ ค่ะ คือมันชนกับโปรเจคส่วนตัวเราพอดี
แต่ก็ไม่อยากเสียคำพูด