สวัสดีครับ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆลุงป้าน้าอา
วันนี้ว่างจากการเรียนเลยมาเล่าประสบการณ์และให้คำแนะนำคนที่จะมาเที่ยวรัสเซียครับ จากประสบการณ์การเป็นนักเรียนไทยที่นำเที่ยวตลอด 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เข้ามาเที่ยวรัสเซียมากขึ้น โดยเฉพาะแบบที่มาเองที่เรียกว่าแบคแพค หรือ มาแบบไม่ง้อทัวร์มาพึ่ง นศไทยในรัสเซีย ซึ่งผมก็ได้เตือนทุกครั้งที่เจอหน้าลูกทัวร์ถึงเรื่องการโดนล้วงกระเป๋า แล้วก็ยังโดนกันจนได้ จนได้ชื่อว่า ใครมารัสเซียแล้วไม่โดนล้วงกระเป๋าถือว่ามาไม่ถึงรัสเซียครับ จนผมนึกขึ้นได้ว่านี่ขนาดผมเตือนทุกเช้าที่เจอหน้าลูกทัวร์ยังโดนเลย แล้วคนที่มาเองโดยไม่พึ่งนศ ไทยในรัสเซีย จะมีใครให้ข้อมูลหรือให้คำแนะนำไหม จึงตัดสินใจเขียนเรื่องเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้เตรียมตัวและหาทางป้องกันครับ แต่ผมให้คำแนะนำได้เฉพาะเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กนะครับเพราะผมเรียนอยู่ที่เมืองนี้จึงรู้ทางหนีทีไล่ได้ดีกว่ามอสโคว์ครับ
1. การเตรียมตัวเมื่อมาถึงรัสเซีย ผมจะแจ้งกับลูกทัวร์ประจำว่าให้ถ่ายสำเนาพาสปอร์ตติดตัวไว้เสมอครับ ส่วนตัวจริงถ้าเป็นไปได้ก็เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางเก็บไว้ในโรงแรม ถ้าเจอตำรวจให้เค้าตรวจสำเนาแล้วบอกว่าตัวจริงอยู่ที่โรงแรมครับ เพราะว่าถ้าโดนล้วงกระเป๋าหายไปแล้วไม่ได้คืนจะเรื่องใหญ่ครับ
2. จะรู้ได้อย่างไรว่าจุดไหนบ้างและมีจุดสังเกตอย่างไรบ้าง สำหรับเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กนั้นจุดที่ลูกทัวร์ผมโดนบ่อยคือโบสถ์หยดเลือดครับ ตรงจุดนี้จะอยู่เป็นขบวนการเลยครับ เริ่มจากการเดินตามแบบเป็นเสมือนหนึ่งนักท่องเที่ยวแล้วหาโอกาสล้วง พระราชวังฤดูหนาวหรือเฮอร์มิเทจก็มีบ้างครับ ให้สังเกตพวกที่มาเร่ขายของแบบตามติดแบบน่ารำคาญ บางทีอาจจะเอาราคาถูกมาล่อให้เราเกิดความสนใจในราคา ในขณะที่เราเลือกซื้อก็จะมีคนมายืนข้างๆแล้วทำเป็นล้วง อีกแบบคือพวกที่กางแผนที่ อันนี้ก็เจอบ่อยครับ สังเกตง่ายๆแบบว่าทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวมายืนใกล้แล้วกางแผนที่ จะน่าสังเกตตรงมันจะกางแผนที่ใกล้ๆทางแยกไฟแดง เพราะทุกคนต้องหยุดรอสัญญาณไฟ มันจะกางแผนที่เพื่อบังมือที่กำลังจะล้วงกระเป๋าครับ ดังนั้นเวลาเดินเล่นในเมือง ถนนสายหลักหรือที่เรียกว่าเนียฟสกี้ เวลาเจอแยกไฟเขียวไฟแดงก็ให้ระวังไว้นิดๆนะครับ และสุดท้ายคือรถใต้ดินหรือรถเมล์ เพราะในเวลาที่มีการเบียดกัน พวกนี้จะใช้การเบียดและล้วงเอาของไปครับ บางทียังกางแผนที่บนรถเลยครับ ที่บอกมาทั้งหมดนี้ลูกทัวร์ผมเจอมมาหมดแล้วทุกรูปแบบครับ แล้วก็เจอซ้ำๆ บางครั้งผมไม่ทันได้สังเกตเพราะต้องดูแลหลายคนจึงอยากให้ทุกคนดูแลตัวเองครับ
2.1 รถเมลล์ถ้าไม่แน่จริงอย่าขึ้นครับ...อันนี้เพิ่งเพิ่มเติมมาครับเพราะสังเกตได้ว่าบนถนนเนียฟสกี้หรือถนนหลัก ถ้าท่านขึ้นรถเมลล์แล้วโอกาศที่จะเจอคนล้วงกระเป๋ามีเยอะมากกว่า 50 เปอร์เซนต์เลยครับ เพราะเนื่องจากรถเมลล์เบียดเสียดคุณไม่สามารถหนีไปไหนได้เลยครับแล้วจะตะโกนบอกใครให้ช่วยก็ไม่มีใครช่วยครับ ผมเองบางทีเห็นต่อหน้าต่อตาก็ทำอะไรไม่ได้ครับเพราะเราไม่รู้ว่าพวกนี้มีกี่คนแล้วมันจะทำร้ายเราไหม กรุปล่าสุดที่ผมเพิ่งทำไปเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา โจรมีวิวัฒนาการที่รุนแรงมากกว่าเดิมครับ คือรถที่พวกเราขึ้นนั้นไม่มีคนเลยครับ ผมเห็นว่ามันปลอดภัยเพราะไม่มีคนเลยตัดสินใจให้กรุปขึ้นคันนี้ กรุปนี้แค่ 2 คนรวมผมเป็นสามคน พอก้าวขึ้นรถเท่านั้นเองก็มีมหาชนจากไหนไม่รู้วิ่งมาเบียดอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้รู้สึกว่ามันคือการเบียดแบบแปลกๆ เลยหันไปมองลูกทัวร์ปรากฏว่ามันผลักลูกทัวร์ไปอีกด้านของรถแล้วหาเรื่องสร้างเหตุการณ์เสมือนว่ามีปัญหาแล้วเข้าไปรุมจะทำร้ายเพียงแค่เวลา 30 -45 วินาทีที่ชุลมุนบนรถเมลล์ แล้ววิ่งออกจากรถเมลล์ปรากฏว่ากระเป๋าถูกล้วงไปแล้ว ซึ่งผู้โดยสารท่านอื่นไม่คิดว่าคือขโมยคิดว่าคนตีกัน หลังจากนั้นผมรีบวิ่งไปร้านโทรศัพท์มือถือเติมเงินเข้าไป 2000 รูเบิลเพื่อให้พี่เค้าโทรไประงับบัตรเครดิตซึ่งพกมากว่า 10 ใบต้องโทรไประงั้บทุกใบแต่ไม่ทันมันรูดเร็วมากหมดไปกว่า แสนบาทครับ
3. จะทำอย่างไรเมื่อโดนล้วงกระเป๋า จากสถิติที่โดนล้วงในเมืองนี้นั้น 80 เปอร์เซนต์มักจะได้เอกสารคืนแต่เงินไม่ได้คืน 100 เปอร์เซนต์ครับ ถ้ารู้ตัวว่าโดนล้วงทันที คือโดนปุ๊บรู้ตัวปั๊บ แต่จับตัวไม่ได้ให้ยืนอยู่กับที่สำรวมสติ ควรมีเบอร์ของธนาคารที่เป็นเบอร์ 02 ไว้โทรไปอายัดบัตรนะครับเพราะบางทีเรามีแต่เบอร์รหัส 4 ตัว เช่น 2199 อะไรประมาณนี้มันจะใช้โทรไม่ได้ ให้รีบโทรไปอายัดบัตรก่อน เพราะมีกรณีหายไปไม่ถึงชม โดนรูดไปกว่า 3 แสนครับ มาต่อตรงที่ถ้ารู้ตัวให้ยืนใกล้ๆที่เกิดเหตุเดี๋ยวโจรมันจะหาวิธีคืนให้ กรณีที่ผ่านมาไม่นาน คณะอาจารย์ผมมาเที่ยว ออกจากที่พักได้ ห้านาทีรู้สึกตัวว่ามีคนมาชนคนนั้นกางแผนที่ด้วย ใช่เลยตามสัณนิฐาน ปรากฏหายไปทั้งกระเป๋าเล็กๆ ผมบอกว่าให้ยืนตรงนี้แหละเดี๋ยวก็มาคืน ยืนได้สิบกว่านาที พอเราเริ่มจะก้าวเดินออกจากจุดนั้นได้ไม่เกิน 5 ก้าวจะมีถุงพลาสติกโดนขว้างมาจากจุดใดๆไม่รู้ ตกลงที่ปลายเท้าเรา พบว่าในถุงมีเอกสารครบ ยกเว้นกระเป๋าตังกับตังค์ พาสปรอร์ต อยู่ครบ อีกกรณี คือโจรส่งคืนให้ที่โรงแรมเพราะเราเขียนเป็นภาษารัสเซียว่า(ฉันพักอยู่ที่) я живу в гостинице ........... ตรงช่องว่างให้เติมชื่อ โรงแรมและเบอร์โทรโรงแรม ใส่ไว้ในกระเป๋า นี้กรณีที่โจรมันตามเราไม่เจอ (ที่ต้องเขียนเป็นภาษารัสเซียเพราะว่าโจรส่วนใหญ่จะเป็นพวกรัสเซียตอนใต้ครับ ภาษาอังกฤษไม่น่าจะได้ ดังนั้นเขียนภาษารัสเซียมันจะอ่านออกมากกว่าภาษาอังกฤษ)
มีบางกรณี ส่งไปให้กงสุลไทยในเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเลยนะครับ...
มีอีกกรณีนึงก็คือโดนล้วงขณะต่อคิวเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ พอรู้ตัวก็ตกใจเพราะว่าพาสปอร์ตก็หายไปหมด ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้ พอเดินกลับไปที่รถปรากฏว่ามีคนวิ่งเข้ามาคืนบอกว่าไปสู้รบปรบมือกับโจรมาให้ เหลือแค่นี้เงินไม่มีละ ก็ยังได้เอกสารคืนครับ ในกรณีที่ไม่ได้อะไรคืนแล้วจริงๆครับเราต้องแจ้งความแล้วเอาใบแจ้งความไปเป็นเอกสารประกอบสำเนาบัตรประชาชนในการขึ้นรถไฟ เพราะต้องไปติดต่อสถานฑูตที่มอสโคว์ครับ เวปไซด์สถานฑูต
http://th.thaiembassymoscow.com/ ( รถไฟที่นี่ถ้าไม่มีพาสปอร์ต เค้าจะไม่ให้ขึ้นนะครับ เราต้องใช้ใบแจ้งความเป็นเอกสารยืนยัน)
บทสรุป...
การที่ผมออกมาให้คำแนะนำ ไม่ใช่ต้องการจะขู่ แต่อยากให้ทราบว่าไม่ใช่เพียงแต่รัสเซียที่มีโจร มีหลายประเทศ แม้กระทั่งประเทศไทยเอง ผมเองยังคิดว่าประเทศไทยยังน่ากลัวกว่าเพราะนอกจากจะล้วงแล้วยังทำร้ายร่างกายบางครั้งอาจถึงชีวิต แต่ที่นี่แค่ล้วงธรรมดาครับ อยากให้รู้เท่าทันโจรจะได้เที่ยวอย่างสบายใจครับ เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเป็นเมืองที่สวย และเที่ยวเองได้ดีกว่ามอสโคว์เพราะตามถนนหนทางมีภาษาอังกฤษมากขึ้น พนักงานตามแมกโดนัล หรือเคเอฟซี หรือ ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็มักจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่จะวางแผนมาเที่ยวรัสเซียได้เตรียมตัววางแผนให้ดีๆ จะได้เที่ยวได้คุ้มนะครับ
ปล. การมารัสเซียถ้าอยากเที่ยวให้สนุก ได้โปรดอย่าเปรียบเทียบเรื่องของเซอร์วิส กับรอยยิ้มนะครับ คนประเทศนี้ยิ้มยาก แต่ถ้าได้รู้จักแล้วเค้าก็เป็นคนดีเลยที่เดียวเชียว...
ควรทำอย่างไรเมื่อโดนล้วงกระเป๋า ณ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก รัสเซีย
วันนี้ว่างจากการเรียนเลยมาเล่าประสบการณ์และให้คำแนะนำคนที่จะมาเที่ยวรัสเซียครับ จากประสบการณ์การเป็นนักเรียนไทยที่นำเที่ยวตลอด 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เข้ามาเที่ยวรัสเซียมากขึ้น โดยเฉพาะแบบที่มาเองที่เรียกว่าแบคแพค หรือ มาแบบไม่ง้อทัวร์มาพึ่ง นศไทยในรัสเซีย ซึ่งผมก็ได้เตือนทุกครั้งที่เจอหน้าลูกทัวร์ถึงเรื่องการโดนล้วงกระเป๋า แล้วก็ยังโดนกันจนได้ จนได้ชื่อว่า ใครมารัสเซียแล้วไม่โดนล้วงกระเป๋าถือว่ามาไม่ถึงรัสเซียครับ จนผมนึกขึ้นได้ว่านี่ขนาดผมเตือนทุกเช้าที่เจอหน้าลูกทัวร์ยังโดนเลย แล้วคนที่มาเองโดยไม่พึ่งนศ ไทยในรัสเซีย จะมีใครให้ข้อมูลหรือให้คำแนะนำไหม จึงตัดสินใจเขียนเรื่องเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้เตรียมตัวและหาทางป้องกันครับ แต่ผมให้คำแนะนำได้เฉพาะเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กนะครับเพราะผมเรียนอยู่ที่เมืองนี้จึงรู้ทางหนีทีไล่ได้ดีกว่ามอสโคว์ครับ
1. การเตรียมตัวเมื่อมาถึงรัสเซีย ผมจะแจ้งกับลูกทัวร์ประจำว่าให้ถ่ายสำเนาพาสปอร์ตติดตัวไว้เสมอครับ ส่วนตัวจริงถ้าเป็นไปได้ก็เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางเก็บไว้ในโรงแรม ถ้าเจอตำรวจให้เค้าตรวจสำเนาแล้วบอกว่าตัวจริงอยู่ที่โรงแรมครับ เพราะว่าถ้าโดนล้วงกระเป๋าหายไปแล้วไม่ได้คืนจะเรื่องใหญ่ครับ
2. จะรู้ได้อย่างไรว่าจุดไหนบ้างและมีจุดสังเกตอย่างไรบ้าง สำหรับเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กนั้นจุดที่ลูกทัวร์ผมโดนบ่อยคือโบสถ์หยดเลือดครับ ตรงจุดนี้จะอยู่เป็นขบวนการเลยครับ เริ่มจากการเดินตามแบบเป็นเสมือนหนึ่งนักท่องเที่ยวแล้วหาโอกาสล้วง พระราชวังฤดูหนาวหรือเฮอร์มิเทจก็มีบ้างครับ ให้สังเกตพวกที่มาเร่ขายของแบบตามติดแบบน่ารำคาญ บางทีอาจจะเอาราคาถูกมาล่อให้เราเกิดความสนใจในราคา ในขณะที่เราเลือกซื้อก็จะมีคนมายืนข้างๆแล้วทำเป็นล้วง อีกแบบคือพวกที่กางแผนที่ อันนี้ก็เจอบ่อยครับ สังเกตง่ายๆแบบว่าทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวมายืนใกล้แล้วกางแผนที่ จะน่าสังเกตตรงมันจะกางแผนที่ใกล้ๆทางแยกไฟแดง เพราะทุกคนต้องหยุดรอสัญญาณไฟ มันจะกางแผนที่เพื่อบังมือที่กำลังจะล้วงกระเป๋าครับ ดังนั้นเวลาเดินเล่นในเมือง ถนนสายหลักหรือที่เรียกว่าเนียฟสกี้ เวลาเจอแยกไฟเขียวไฟแดงก็ให้ระวังไว้นิดๆนะครับ และสุดท้ายคือรถใต้ดินหรือรถเมล์ เพราะในเวลาที่มีการเบียดกัน พวกนี้จะใช้การเบียดและล้วงเอาของไปครับ บางทียังกางแผนที่บนรถเลยครับ ที่บอกมาทั้งหมดนี้ลูกทัวร์ผมเจอมมาหมดแล้วทุกรูปแบบครับ แล้วก็เจอซ้ำๆ บางครั้งผมไม่ทันได้สังเกตเพราะต้องดูแลหลายคนจึงอยากให้ทุกคนดูแลตัวเองครับ
2.1 รถเมลล์ถ้าไม่แน่จริงอย่าขึ้นครับ...อันนี้เพิ่งเพิ่มเติมมาครับเพราะสังเกตได้ว่าบนถนนเนียฟสกี้หรือถนนหลัก ถ้าท่านขึ้นรถเมลล์แล้วโอกาศที่จะเจอคนล้วงกระเป๋ามีเยอะมากกว่า 50 เปอร์เซนต์เลยครับ เพราะเนื่องจากรถเมลล์เบียดเสียดคุณไม่สามารถหนีไปไหนได้เลยครับแล้วจะตะโกนบอกใครให้ช่วยก็ไม่มีใครช่วยครับ ผมเองบางทีเห็นต่อหน้าต่อตาก็ทำอะไรไม่ได้ครับเพราะเราไม่รู้ว่าพวกนี้มีกี่คนแล้วมันจะทำร้ายเราไหม กรุปล่าสุดที่ผมเพิ่งทำไปเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา โจรมีวิวัฒนาการที่รุนแรงมากกว่าเดิมครับ คือรถที่พวกเราขึ้นนั้นไม่มีคนเลยครับ ผมเห็นว่ามันปลอดภัยเพราะไม่มีคนเลยตัดสินใจให้กรุปขึ้นคันนี้ กรุปนี้แค่ 2 คนรวมผมเป็นสามคน พอก้าวขึ้นรถเท่านั้นเองก็มีมหาชนจากไหนไม่รู้วิ่งมาเบียดอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้รู้สึกว่ามันคือการเบียดแบบแปลกๆ เลยหันไปมองลูกทัวร์ปรากฏว่ามันผลักลูกทัวร์ไปอีกด้านของรถแล้วหาเรื่องสร้างเหตุการณ์เสมือนว่ามีปัญหาแล้วเข้าไปรุมจะทำร้ายเพียงแค่เวลา 30 -45 วินาทีที่ชุลมุนบนรถเมลล์ แล้ววิ่งออกจากรถเมลล์ปรากฏว่ากระเป๋าถูกล้วงไปแล้ว ซึ่งผู้โดยสารท่านอื่นไม่คิดว่าคือขโมยคิดว่าคนตีกัน หลังจากนั้นผมรีบวิ่งไปร้านโทรศัพท์มือถือเติมเงินเข้าไป 2000 รูเบิลเพื่อให้พี่เค้าโทรไประงับบัตรเครดิตซึ่งพกมากว่า 10 ใบต้องโทรไประงั้บทุกใบแต่ไม่ทันมันรูดเร็วมากหมดไปกว่า แสนบาทครับ
3. จะทำอย่างไรเมื่อโดนล้วงกระเป๋า จากสถิติที่โดนล้วงในเมืองนี้นั้น 80 เปอร์เซนต์มักจะได้เอกสารคืนแต่เงินไม่ได้คืน 100 เปอร์เซนต์ครับ ถ้ารู้ตัวว่าโดนล้วงทันที คือโดนปุ๊บรู้ตัวปั๊บ แต่จับตัวไม่ได้ให้ยืนอยู่กับที่สำรวมสติ ควรมีเบอร์ของธนาคารที่เป็นเบอร์ 02 ไว้โทรไปอายัดบัตรนะครับเพราะบางทีเรามีแต่เบอร์รหัส 4 ตัว เช่น 2199 อะไรประมาณนี้มันจะใช้โทรไม่ได้ ให้รีบโทรไปอายัดบัตรก่อน เพราะมีกรณีหายไปไม่ถึงชม โดนรูดไปกว่า 3 แสนครับ มาต่อตรงที่ถ้ารู้ตัวให้ยืนใกล้ๆที่เกิดเหตุเดี๋ยวโจรมันจะหาวิธีคืนให้ กรณีที่ผ่านมาไม่นาน คณะอาจารย์ผมมาเที่ยว ออกจากที่พักได้ ห้านาทีรู้สึกตัวว่ามีคนมาชนคนนั้นกางแผนที่ด้วย ใช่เลยตามสัณนิฐาน ปรากฏหายไปทั้งกระเป๋าเล็กๆ ผมบอกว่าให้ยืนตรงนี้แหละเดี๋ยวก็มาคืน ยืนได้สิบกว่านาที พอเราเริ่มจะก้าวเดินออกจากจุดนั้นได้ไม่เกิน 5 ก้าวจะมีถุงพลาสติกโดนขว้างมาจากจุดใดๆไม่รู้ ตกลงที่ปลายเท้าเรา พบว่าในถุงมีเอกสารครบ ยกเว้นกระเป๋าตังกับตังค์ พาสปรอร์ต อยู่ครบ อีกกรณี คือโจรส่งคืนให้ที่โรงแรมเพราะเราเขียนเป็นภาษารัสเซียว่า(ฉันพักอยู่ที่) я живу в гостинице ........... ตรงช่องว่างให้เติมชื่อ โรงแรมและเบอร์โทรโรงแรม ใส่ไว้ในกระเป๋า นี้กรณีที่โจรมันตามเราไม่เจอ (ที่ต้องเขียนเป็นภาษารัสเซียเพราะว่าโจรส่วนใหญ่จะเป็นพวกรัสเซียตอนใต้ครับ ภาษาอังกฤษไม่น่าจะได้ ดังนั้นเขียนภาษารัสเซียมันจะอ่านออกมากกว่าภาษาอังกฤษ)
มีบางกรณี ส่งไปให้กงสุลไทยในเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเลยนะครับ...
มีอีกกรณีนึงก็คือโดนล้วงขณะต่อคิวเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ พอรู้ตัวก็ตกใจเพราะว่าพาสปอร์ตก็หายไปหมด ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้ พอเดินกลับไปที่รถปรากฏว่ามีคนวิ่งเข้ามาคืนบอกว่าไปสู้รบปรบมือกับโจรมาให้ เหลือแค่นี้เงินไม่มีละ ก็ยังได้เอกสารคืนครับ ในกรณีที่ไม่ได้อะไรคืนแล้วจริงๆครับเราต้องแจ้งความแล้วเอาใบแจ้งความไปเป็นเอกสารประกอบสำเนาบัตรประชาชนในการขึ้นรถไฟ เพราะต้องไปติดต่อสถานฑูตที่มอสโคว์ครับ เวปไซด์สถานฑูต http://th.thaiembassymoscow.com/ ( รถไฟที่นี่ถ้าไม่มีพาสปอร์ต เค้าจะไม่ให้ขึ้นนะครับ เราต้องใช้ใบแจ้งความเป็นเอกสารยืนยัน)
บทสรุป...
การที่ผมออกมาให้คำแนะนำ ไม่ใช่ต้องการจะขู่ แต่อยากให้ทราบว่าไม่ใช่เพียงแต่รัสเซียที่มีโจร มีหลายประเทศ แม้กระทั่งประเทศไทยเอง ผมเองยังคิดว่าประเทศไทยยังน่ากลัวกว่าเพราะนอกจากจะล้วงแล้วยังทำร้ายร่างกายบางครั้งอาจถึงชีวิต แต่ที่นี่แค่ล้วงธรรมดาครับ อยากให้รู้เท่าทันโจรจะได้เที่ยวอย่างสบายใจครับ เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเป็นเมืองที่สวย และเที่ยวเองได้ดีกว่ามอสโคว์เพราะตามถนนหนทางมีภาษาอังกฤษมากขึ้น พนักงานตามแมกโดนัล หรือเคเอฟซี หรือ ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็มักจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่จะวางแผนมาเที่ยวรัสเซียได้เตรียมตัววางแผนให้ดีๆ จะได้เที่ยวได้คุ้มนะครับ
ปล. การมารัสเซียถ้าอยากเที่ยวให้สนุก ได้โปรดอย่าเปรียบเทียบเรื่องของเซอร์วิส กับรอยยิ้มนะครับ คนประเทศนี้ยิ้มยาก แต่ถ้าได้รู้จักแล้วเค้าก็เป็นคนดีเลยที่เดียวเชียว...