คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
สวัสดีค่ะ เราก็เป็นเหมือนกันเลยค่ะ
เราเป็นตั้งแต่อายุ 5 ขวบ (ปัจจุบันอายุ 29 ปี) ตอนนั้นนึกว่าตัวเองบ้า เพิ่งมาเจอข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ประมาณ 2 ปีที่แล้วได้ค่ะ
ของเราอาการจะต่างออกไปนิดนึง
คือเราเห็นฉากอาเจียนได้ เห็นคนอื่นอาเจียนได้แต่อยากเลี่ยงเพราะตัวเองจะคลื่นไส้ตาม
แต่เราจะกลัวตัวเองอาเจียน คือจะทนไม่ได้กับอาการพะอืดพะอม หรือจะอ๊อก
รู้สึกว่ามันทรมานมาก ขอตายซะดีกว่า
ปัจจุบันเป็นหนักขนาดที่กินไม่ได้ ออกไปไหนไม่ได้ ไม่สบายตลอดเวลา ต้องทำงานอยู่บ้าน แต่ก็ไหวบ้างไม่ไหวบ้าง
ไปพบจิตแพทย์และกินยามากว่าเจ็ดปีแล้ว อาการไม่ได้ดีขึ้นเลยกลับแย่ลงเรื่อยๆ ปัจจุบันเลยหันไปปฏิบัติธรรม
ก็ไม่ได้ช่วยโดยตรงซะทีเดียว แต่ช่วยให้เราปล่อยวางมากขึ้น ไม่ไปทุกข์หรือโทษโชคชะตา
เราพออ่านภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นได้บ้าง เลยลองศึกษาข้อมูลดู
จะขอเอามาแชร์เท่าที่รู้นะคะ
โรค Emetophobia ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากนัก (ขนาดจิตแพทย์ที่เราไปหายังไม่รู้เลย)
แต่มีคนเป็นกันเยอะมากทั่วโลก ที่ญี่ปุ่นติดในห้าอันดับต้นๆของโรคกลัวที่เป็นกัน
เห็นว่ามีศูนย์บำบัดโรคกลัวอาเจียนโดยเฉพาะด้วย
แต่ละคนจะมีอาการที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่แบ่งได้กว้างๆ 2 ชนิดคือ
กลัวเห็นคนอาเจียนหรือกลัวตัวเองอาเจียน
มีวิธีการรักษาหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าวิธีการรักษาไหนที่ได้ผลกับเรา
บางคนไปรักษามากว่าสิบๆวิธี บางคนใช้เวลารักษา 10-20 ปี
เราอ่านประสบการณ์ของบางคนแล้วรู้สึกว่าเขาหมดกรรมของเขาหรือเปล่า อยู่ๆก็หายเองเลย
วิธีการรักษาก็มีกินยาให้คลายเครียด ไม่วิตกกังวล แต่มันจะมีผลข้างเคียงของยาในช่วงแรก
ของเรากินยาเข้าไป ง่วงมากกกกกกก หลับได้สองวันเต็มๆเลย
นอกจากนี้ก็มีการสะกดจิต หรือใช้วิธีค่อยๆเข้าไปหาความกลัว
อย่างเช่นถ้าคุณกลัวเห็นถาพคนอาเจียน เขาก็จะให้คุณดูภาพอาเจียนแบบไม่น่าเกลียดก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มความน่าเกลียดขึ้น (อันนี้ไม่มีประสบการณ์ตรงเลยไม่รู้ค่ะ)
แล้วก็มีการกดจุดตีๆตามร่างกาย เรียกว่า Tapping ค่ะ เราซื้อหนังสือวิธีทำของญี่ปุ่นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้มีฉบับแปลเป็นไทยหรือยัง
เราเคยลองทำแล้วก็ไม่ค่อยได้ผลกับเราน่ะ แต่มีคนใช้วิธีนี้แล้วหายกันเยอะนะ (ในหนังสือบอกไว้)
ใช้ได้กับหลายโรคเลยล่ะ ทั้งอาการทางจิตทั้งหลาย พวกแพนิค ซึมเศร้า วิตกกังวล โฟเบีย และอื่นๆ
แต่ละโรคก็จะมีขั้นตอนการตีไม่เหมือนกัน
เริ่มจากให้จินตนการปัญหาของเราก่อนว่าเรากลัวอะไร จากนั้นก็ให้นวดๆ ตีๆ ตบๆ ตามจุดของร่างกายที่เขากำหนดไว้ค่ะ
ส่วนหนังสือฝรั่งที่เราลองอ่าน ก็จะเป็นลักษณะให้เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนจิตใต้สำนึกของตัวเอง
หลักก็คล้ายๆกับศาสนาพุทธของเราเนี่ยแหละค่ะ
เพราะตัวเองยังไม่หายเลยไม่สามารถจะแนะนำอะไรให้ได้ แต่อยากจะเข้ามาบอกว่า
Emetophobia ไม่ใช่โรคหายาก มีคนเป็นกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นลองศึกษาวิธีการรักษาที่เหมาะกับตัวเราดูนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ไม่ว่าเราจะหายหรือไม่หายก็อยากให้คนอื่นหายค่ะ เพราะเรารู้ความทรมานของมันดีเลยล่ะ สู้ๆนะคะ
เราเป็นตั้งแต่อายุ 5 ขวบ (ปัจจุบันอายุ 29 ปี) ตอนนั้นนึกว่าตัวเองบ้า เพิ่งมาเจอข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ประมาณ 2 ปีที่แล้วได้ค่ะ
ของเราอาการจะต่างออกไปนิดนึง
คือเราเห็นฉากอาเจียนได้ เห็นคนอื่นอาเจียนได้แต่อยากเลี่ยงเพราะตัวเองจะคลื่นไส้ตาม
แต่เราจะกลัวตัวเองอาเจียน คือจะทนไม่ได้กับอาการพะอืดพะอม หรือจะอ๊อก
รู้สึกว่ามันทรมานมาก ขอตายซะดีกว่า
ปัจจุบันเป็นหนักขนาดที่กินไม่ได้ ออกไปไหนไม่ได้ ไม่สบายตลอดเวลา ต้องทำงานอยู่บ้าน แต่ก็ไหวบ้างไม่ไหวบ้าง
ไปพบจิตแพทย์และกินยามากว่าเจ็ดปีแล้ว อาการไม่ได้ดีขึ้นเลยกลับแย่ลงเรื่อยๆ ปัจจุบันเลยหันไปปฏิบัติธรรม
ก็ไม่ได้ช่วยโดยตรงซะทีเดียว แต่ช่วยให้เราปล่อยวางมากขึ้น ไม่ไปทุกข์หรือโทษโชคชะตา
เราพออ่านภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นได้บ้าง เลยลองศึกษาข้อมูลดู
จะขอเอามาแชร์เท่าที่รู้นะคะ
โรค Emetophobia ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากนัก (ขนาดจิตแพทย์ที่เราไปหายังไม่รู้เลย)
แต่มีคนเป็นกันเยอะมากทั่วโลก ที่ญี่ปุ่นติดในห้าอันดับต้นๆของโรคกลัวที่เป็นกัน
เห็นว่ามีศูนย์บำบัดโรคกลัวอาเจียนโดยเฉพาะด้วย
แต่ละคนจะมีอาการที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่แบ่งได้กว้างๆ 2 ชนิดคือ
กลัวเห็นคนอาเจียนหรือกลัวตัวเองอาเจียน
มีวิธีการรักษาหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าวิธีการรักษาไหนที่ได้ผลกับเรา
บางคนไปรักษามากว่าสิบๆวิธี บางคนใช้เวลารักษา 10-20 ปี
เราอ่านประสบการณ์ของบางคนแล้วรู้สึกว่าเขาหมดกรรมของเขาหรือเปล่า อยู่ๆก็หายเองเลย
วิธีการรักษาก็มีกินยาให้คลายเครียด ไม่วิตกกังวล แต่มันจะมีผลข้างเคียงของยาในช่วงแรก
ของเรากินยาเข้าไป ง่วงมากกกกกกก หลับได้สองวันเต็มๆเลย
นอกจากนี้ก็มีการสะกดจิต หรือใช้วิธีค่อยๆเข้าไปหาความกลัว
อย่างเช่นถ้าคุณกลัวเห็นถาพคนอาเจียน เขาก็จะให้คุณดูภาพอาเจียนแบบไม่น่าเกลียดก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มความน่าเกลียดขึ้น (อันนี้ไม่มีประสบการณ์ตรงเลยไม่รู้ค่ะ)
แล้วก็มีการกดจุดตีๆตามร่างกาย เรียกว่า Tapping ค่ะ เราซื้อหนังสือวิธีทำของญี่ปุ่นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้มีฉบับแปลเป็นไทยหรือยัง
เราเคยลองทำแล้วก็ไม่ค่อยได้ผลกับเราน่ะ แต่มีคนใช้วิธีนี้แล้วหายกันเยอะนะ (ในหนังสือบอกไว้)
ใช้ได้กับหลายโรคเลยล่ะ ทั้งอาการทางจิตทั้งหลาย พวกแพนิค ซึมเศร้า วิตกกังวล โฟเบีย และอื่นๆ
แต่ละโรคก็จะมีขั้นตอนการตีไม่เหมือนกัน
เริ่มจากให้จินตนการปัญหาของเราก่อนว่าเรากลัวอะไร จากนั้นก็ให้นวดๆ ตีๆ ตบๆ ตามจุดของร่างกายที่เขากำหนดไว้ค่ะ
ส่วนหนังสือฝรั่งที่เราลองอ่าน ก็จะเป็นลักษณะให้เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนจิตใต้สำนึกของตัวเอง
หลักก็คล้ายๆกับศาสนาพุทธของเราเนี่ยแหละค่ะ
เพราะตัวเองยังไม่หายเลยไม่สามารถจะแนะนำอะไรให้ได้ แต่อยากจะเข้ามาบอกว่า
Emetophobia ไม่ใช่โรคหายาก มีคนเป็นกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นลองศึกษาวิธีการรักษาที่เหมาะกับตัวเราดูนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ไม่ว่าเราจะหายหรือไม่หายก็อยากให้คนอื่นหายค่ะ เพราะเรารู้ความทรมานของมันดีเลยล่ะ สู้ๆนะคะ
แสดงความคิดเห็น
คิดว่าเป็นโรคกลัวการอาเจียนค่ะ (Emetophobia) มีใครพอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้บ้างคะ
เราพยายามเสิชกูเกิ้ลดูแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครเขียนเกี่ยวกับโรคนี้เลย มีแต่อธิบายลักษณะคร่าวๆ
ลองเสิชภาษาอังกฤษ ก็มีอยู่ค่ะแต่ไม่เก่งอังกฤษเลย อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง T_T
เนื้อหาอาจจะไม่ค่อยน่าอ่านเท่าไหร่นะคะ แต่ต้องการความรู้จริงๆ
เข้าเรื่องค่ะ
คือเรามักรู้สึกขยะแขยง รังเกียจ และกลัวเวลาเจอคนอาเจียน ไม่อยากแม้แต่จะได้กลิ่น เรารู้สึกคลื่นไส้ทุกครั้ง
ถ้าเจอคนที่อาเจียน เราจะหนีออกไปให้ไกลที่สุด ทั้งๆที่ในใจก็รู้ว่ามันไม่ได้มีอะไรขนาดนั้น แต่ก็กลัวมาก
จนบางทีมันรบกวนชีวิตประจำวัน
เช่น แฟนไม่สบาย อาหารเป็นพิษ ทั้งๆที่เราจะต้องเป็นคนดูแลเขา เรากลับกลัวมากๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ เราโดนแฟนเราหาว่าเรารังเกียจเขา แต่เรากลัวจริงๆ
ไปผับ เพื่อนเมาจนอาเจียน เราแค่อยากจะส่งกระดาษทิชชู้ให้ก็ทำไม่ได้ กลัวจนอยู่ใกล้ๆไม่ได้
เราจะไม่กินของที่เสี่ยงต่อการอาเจียนเลย เช่น เหล้า ไวน์
เราทนดูหนัง/คลิปยูทูป/รูปภาพที่มีฉากอาเจียนไม่ได้
เมื่อเราไม่สบาย เราจะกลัวที่สุดคือกลัวตัวเองอาเจียน กลัวจนเครียด อยากร้องไห้ พยายามกินยาไม่ให้อาเจียน
แต่ถ้ามันต้องอาเจียนจริงๆ เราจะขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ นั่งหน้าโถส้วม เมื่อเสร็จจะรู้สึกว่าตัวเองสกปรก (ทั้งๆที่ไม่ได้เลอะเทอะแม้แต่นิดเดียวเพราะจะระวังมาก) แต่ต้องแปรงฟันอาบน้ำสระผมใหม่ เปลี่ยนชุดใหม่
เราเคยเป็นโรคกระเพาะหนักๆ แล้วมีอาการจะอาเจียน อยู่ที่โรงพยาบาลเขามีถ้วยให้ไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไรค่ะ แต่เรารู้สึกว่ามันน่าขยะแขยง ไม่อยากใช้ เราวิ่งหนีจากห้องตรวจไปห้องน้ำคนเดียว คือรู้สึกว่าถ้าได้กดชักโครกให้มันพ้นๆไปจะดีกว่า
ถ้านึกย้อนไปในวัยเด็ก สิ่งที่จำมาจนถึงทุกวันนี้ก็มีหลายเหตุการณ์
สมัยเด็กๆนั่งรถโรงเรียน เพื่อนข้างหน้าอาเจียน เราตกใจมาก ขยะแขยง
ตอนเด็กๆโดนน้องอาเจียนใส่
มีพี่เลี้ยงเคยเมารถ อาเจียนในรถ
เคยนั่งกินข้าวแล้วน้องซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม อาเจียนลงบนโต๊ะที่กินอยู่ด้วยกัน