จากกรณีนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยและมีคำสั่งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม , ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะรองผอ.ศรส. จำเลยในคดีฟ้องเพิกถอนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หยุดการฝ่าฝืนคำสั่งการคุ้มครองชั่วคราวในคดีดังกล่าวเป็นการด่วน
โดยคำร้องระบุว่า ศาลแพ่งได้นัดฟังคำพิพากษาคดีฟ้องเพิกถอนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เวลา 15.00 น. และคดีนี้ศาลเคยมีคำสั่งในตอนท้ายของการพิจารณาการคุ้มครองชั่วคราวกรณีฉุกเฉินไว้ว่า การดำเนินการตามมาตรการอื่นๆ ให้เป็นไปโดยสุจริต เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติและไม่เกินกว่าเหตุหรือความจำเป็น แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเช้าของวานนี้ (18 ก.พ.) จำเลยทั้งสามดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมีแก๊สน้ำตา อาวุธปืนออกมาสลายการชุมนุมส่งผลให้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ซึ่งศาลเคยได้ระบุไว้แล้วว่าหากกระทำการที่เกินกว่าเหตุย่อมต้องรับผิดชอบตามกฎหมายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 17
โดยศาลแพ่งมีคำพิพากษาว่า
สำหรับคดีฟ้องเพิกถอนพ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าว ก่อนหน้านี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์และจำเลยรวมทั้งสิ้น 15 ปาก โดยฝ่ายโจทก์นำพยานขึ้นเบิกความรวม 4 ปาก ประกอบด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ , นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เบิกความเกี่ยวกับประเด็นที่รัฐบาลออกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยไม่มีเหตุจำเป็นตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง
ขณะที่ฝ่ายจำเลยนำพยานขึ้นเบิกความรวม 11 ปาก อาทิ นายชวลิต พิชาลัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน , พ.ท.สิทธิพร เจริญพุฒ รองผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ , พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์บริรักษ์กุล ผบก.น.1 , พ.ต.อ.กิตติคุณ พูลสมบัติ รอง ผบก.น.2 , พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรอง ผบก.น พื้นที่ต่างๆ เบิกความเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมแต่ละช่วง รวมทั้ง ผอ.กลุ่มงานกฎหมาย สมช.เกี่ยวกับการให้คำปรึกษาเสนอแนะมาตรการต่างๆกับ ศรส.
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.20 น.ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษกว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มรครองชั่วคราวสั่งให้รัฐบาลยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ ทุกพื้นที่ที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ โดยให้มีผลบังคับใช่ทันที
ส่วนรายละเอียดความคืบหน้า ASTV ผู้จัดการออนไลน์ จะรายงานให้ทราบต่อไป
ศาลแพ่งออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ มีผลทันที ตกลงอย่างไรกันละ
โดยคำร้องระบุว่า ศาลแพ่งได้นัดฟังคำพิพากษาคดีฟ้องเพิกถอนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เวลา 15.00 น. และคดีนี้ศาลเคยมีคำสั่งในตอนท้ายของการพิจารณาการคุ้มครองชั่วคราวกรณีฉุกเฉินไว้ว่า การดำเนินการตามมาตรการอื่นๆ ให้เป็นไปโดยสุจริต เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติและไม่เกินกว่าเหตุหรือความจำเป็น แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเช้าของวานนี้ (18 ก.พ.) จำเลยทั้งสามดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมีแก๊สน้ำตา อาวุธปืนออกมาสลายการชุมนุมส่งผลให้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ซึ่งศาลเคยได้ระบุไว้แล้วว่าหากกระทำการที่เกินกว่าเหตุย่อมต้องรับผิดชอบตามกฎหมายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 17
โดยศาลแพ่งมีคำพิพากษาว่า
สำหรับคดีฟ้องเพิกถอนพ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าว ก่อนหน้านี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์และจำเลยรวมทั้งสิ้น 15 ปาก โดยฝ่ายโจทก์นำพยานขึ้นเบิกความรวม 4 ปาก ประกอบด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ , นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เบิกความเกี่ยวกับประเด็นที่รัฐบาลออกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยไม่มีเหตุจำเป็นตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง
ขณะที่ฝ่ายจำเลยนำพยานขึ้นเบิกความรวม 11 ปาก อาทิ นายชวลิต พิชาลัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน , พ.ท.สิทธิพร เจริญพุฒ รองผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ , พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์บริรักษ์กุล ผบก.น.1 , พ.ต.อ.กิตติคุณ พูลสมบัติ รอง ผบก.น.2 , พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรอง ผบก.น พื้นที่ต่างๆ เบิกความเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมแต่ละช่วง รวมทั้ง ผอ.กลุ่มงานกฎหมาย สมช.เกี่ยวกับการให้คำปรึกษาเสนอแนะมาตรการต่างๆกับ ศรส.
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.20 น.ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษกว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มรครองชั่วคราวสั่งให้รัฐบาลยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ ทุกพื้นที่ที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ โดยให้มีผลบังคับใช่ทันที
ส่วนรายละเอียดความคืบหน้า ASTV ผู้จัดการออนไลน์ จะรายงานให้ทราบต่อไป