** แอบสปอยนิดนึง.. ทู้นี้ยาวมาก กึ่งเล่ากึ่งบ่นไปเรื่อย เหมาะสำหรับผู้มีเวลาว่างเท่านั้น **
เอาล่ะ พร้อมยังงงงง???
ป้ะ..!! >~<
ฟังเพลงอุ่นเครื่องเบาๆ ~
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เคยไหมคะ? ที่คิดว่าเราเรียนรู้อะไรจากความรักเยอะเหมือนกันนะ
ในเมื่อรู้อย่างนั้นแล้วก็ไม่รอช้า รักครั้งใหม่ต้องไฉไลกว่าเดิม เอาทุกข้อเสียมาปรับแก้ใหม่โดยเร็ว
แต่ผลลัพธ์ก็ยังวนอยู่แบบเดิมทุกที...
เวลาผิดหวังจากความรักความรู้สึกเหมือนขึ้นรถเมล์ผิดสายแล้วโดนไล่ลงจากรถ
ปล่อยให้ยืนเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางถนนเปลี่ยวๆ ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีรถผ่าน
เราต้องเลือกระหว่างเดินเท้าต่อไป หรือรอรถคันใหม่มา
...บางครั้งต่อให้ขึ้นผิดสายก็จะนั่ง! ไม่อยากลงไปไหนอีกแล้ว!
อย่างเช่นครั้งล่าสุดที่ผ่านมานี้เอง..
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เบียดเสียดกันจนแทบหายใจไม่ออก มีฝุ่นคลุ้งเต็มไปหมด
แต่ทุกคนล้วนยืนรอด้วยแววตาแห่งความหวัง ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ฉันกำลังยืนรอรถเมล์อย่างหงอยๆเหมือนเคย
รอเพียงชั่วครู่ก็มีรถผ่านมา รถเมล์ที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ดูสวยแปลกตาผิดไปจากรถเมล์คันอื่นๆ
และด้วยความสวยของมันทำให้คนมากมายพยายามจะแย่งกันขึ้นไป
โชคร้ายของทุกคนที่รถคันนี้สามารถรับผู้โดยสารได้แค่คนเดียวเท่านั้น
ซึ่งเป็นโชคดีของฉัน เพราะฉันได้ขึ้นไป..
ในขณะที่ฉันรีบวิ่งขึ้นรถ ฉันสวนกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึง
เธอจิ้มลิ้ม น่ารักตามแบบสมัยนิยม แต่ทว่านัยตาเศร้าสร้อย
ขอสารภาพว่าฉันไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่ มัวแต่รีบจะขึ้นรถอย่างเดียว
พอขึ้นมาได้ฉันจึงแอบมองตาม ทำให้พบกับสายตาคนขับรถที่แอบมองเธอจากกระจกพอดี
ฉันไม่สนใจหรอก ฉันขึ้นมาแล้วนี่! ฉันนั่งแผ่หลาปราศจากท่าทีกุลสตรีใดๆทั้งสิ้น
เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที คนขับรถเมื่อรู้ว่าฉันขึ้นมาแล้วก็รีบเหยียบคันเร่งฝุ่นตลบ
เลยทำให้รถออกตัวอย่างรวดเร็ว ....แน่นอน ไม่มีใครเห็นฉัน ไม่มีใครรู้ว่าบนรถมีคนหรือไม่
รถค่อยๆวิ่งอย่างช้าๆ
ฉันเอ่ยทักทายคนขับรถตามประสาคนมีประสบการณ์
เขาเล่าเรื่องราวของเขาให้ฉันฟังมากมาย
พร้อมกับเล่าเรื่องผู้โดยสารคนเมื่อกี๊ให้ฟังด้วย
เขาบอกว่า เขามีปากเสียงกับเธอเรื่องความเร็วรถ
เธอต้องการให้เขาใช้อัตราความเร็วที่ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในขณะที่เขาต้องการใช้อัตราเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน เขาจึงตัดสินใจเชิญเธอลง ทั้งๆที่ในใจไม่อยากให้ลงเลยสักนิด
ฉันฟังอย่างตั้งใจ จดจำทุกรายละเอียด
เพื่อเรียนรู้ว่าเขาพบอะไรมาบ้าง และฉันจะอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างไร
แต่ยิ่งระยะทางผ่านไปไกลเท่าไหร่ เรายิ่งคุยกันน้อยลง
จนกระทั่งบรรยากาศในรถเงียบสนิท
ฉันนั่งอยู่อย่างนั้น ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ
มัวแต่เพ้อเจ้อเล่นๆว่า เราจะซ่อมรถคันนี้ให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่แค่สีสวย ต้องนั่งสบายด้วย
เราจะเป็นคนฟื้นฟูมันเอง เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่คนขับจะได้สบายขึ้น
ฉันคิดแต่ว่าจะทำอะไรให้ แต่ไม่เคยเอ่ยถามว่าเค้าต้องการไหม
ฉันเชื่อแบบโง่ๆว่าสิ่งดีๆที่ฉันทำจะช่วยให้ฉันไปถึงจุดหมายสักวัน
น่าเศร้าที่ฉันไม่ได้ฉุกคิดอะไรสักนิด...
จนกระทั่งคนขับรถปลุกฉันออกจากภวังค์ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า
" ช่วยลงไปได้ไหม ผมไม่อยากรับผู้โดยสารตอนนี้ "
คิดว่าฉันจะไม่ลงได้ไหมล่ะ? แหม~
ฉันยอมลงจากรถอย่างว่าง่าย ทั้งๆที่ในใจมีคำถามค้างคามากมาย
แต่ไม่ใช่ธุระอะไรของเราที่ต้องไปค้นหาคำตอบพวกนั้น
จากนี้ไปเขาจะไปไหน ทำอะไร จะอยู่ได้ไหม จะไปรับผู้โดยสารคนนั้นหรือไม่..
ล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องของเราทั้งสิ้น
เพราะความจริงที่ต้องยอมรับวันนี้คือ "เราถูกเชิญออกจากชีวิตเขาแล้ว"
สุดท้ายตอนนี้มานั่งถามตัวเองว่า ความรักคืออะไร?
ความรักต้องการอะไรจากเรากันแน่?
....
...
.
ตอบไม่ได้สักข้อ
ฉันรู้ ว่าฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรักเลย
เอ่อ รู้อยู่อย่างนึง
"...ความเชื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริง"
แล้วคุณล่ะ.. เรียนรู้อะไรจากความรักที่เพิ่งผ่านพ้นไปบ้างคะ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล1. [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
ปล2. ถึงใครคนนั้นหากบังเอิญผ่านมา .. (ถึงมันจะยากมากก็ตาม~)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร ชีวิตคนเรามีอยู่แค่นี้ มีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าจะมีใครสักคนที่ผิดคงเป็นโชคชะตา ที่นำพาเรามาเจอกันโดยไม่มีเงือนไขใดๆเลย
ขอให้ได้เริ่มต้นใหม่กับคนที่ฝันนะ
[กระทู้สีเทาเกือบดำ] **__รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป__**
เอาล่ะ พร้อมยังงงงง???
ป้ะ..!! >~<
ฟังเพลงอุ่นเครื่องเบาๆ ~
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เคยไหมคะ? ที่คิดว่าเราเรียนรู้อะไรจากความรักเยอะเหมือนกันนะ
ในเมื่อรู้อย่างนั้นแล้วก็ไม่รอช้า รักครั้งใหม่ต้องไฉไลกว่าเดิม เอาทุกข้อเสียมาปรับแก้ใหม่โดยเร็ว
แต่ผลลัพธ์ก็ยังวนอยู่แบบเดิมทุกที...
เวลาผิดหวังจากความรักความรู้สึกเหมือนขึ้นรถเมล์ผิดสายแล้วโดนไล่ลงจากรถ
ปล่อยให้ยืนเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางถนนเปลี่ยวๆ ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีรถผ่าน
เราต้องเลือกระหว่างเดินเท้าต่อไป หรือรอรถคันใหม่มา
...บางครั้งต่อให้ขึ้นผิดสายก็จะนั่ง! ไม่อยากลงไปไหนอีกแล้ว!
อย่างเช่นครั้งล่าสุดที่ผ่านมานี้เอง..
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เบียดเสียดกันจนแทบหายใจไม่ออก มีฝุ่นคลุ้งเต็มไปหมด
แต่ทุกคนล้วนยืนรอด้วยแววตาแห่งความหวัง ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ฉันกำลังยืนรอรถเมล์อย่างหงอยๆเหมือนเคย
รอเพียงชั่วครู่ก็มีรถผ่านมา รถเมล์ที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ดูสวยแปลกตาผิดไปจากรถเมล์คันอื่นๆ
และด้วยความสวยของมันทำให้คนมากมายพยายามจะแย่งกันขึ้นไป
โชคร้ายของทุกคนที่รถคันนี้สามารถรับผู้โดยสารได้แค่คนเดียวเท่านั้น
ซึ่งเป็นโชคดีของฉัน เพราะฉันได้ขึ้นไป..
ในขณะที่ฉันรีบวิ่งขึ้นรถ ฉันสวนกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึง
เธอจิ้มลิ้ม น่ารักตามแบบสมัยนิยม แต่ทว่านัยตาเศร้าสร้อย
ขอสารภาพว่าฉันไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่ มัวแต่รีบจะขึ้นรถอย่างเดียว
พอขึ้นมาได้ฉันจึงแอบมองตาม ทำให้พบกับสายตาคนขับรถที่แอบมองเธอจากกระจกพอดี
ฉันไม่สนใจหรอก ฉันขึ้นมาแล้วนี่! ฉันนั่งแผ่หลาปราศจากท่าทีกุลสตรีใดๆทั้งสิ้น
เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที คนขับรถเมื่อรู้ว่าฉันขึ้นมาแล้วก็รีบเหยียบคันเร่งฝุ่นตลบ
เลยทำให้รถออกตัวอย่างรวดเร็ว ....แน่นอน ไม่มีใครเห็นฉัน ไม่มีใครรู้ว่าบนรถมีคนหรือไม่
รถค่อยๆวิ่งอย่างช้าๆ
ฉันเอ่ยทักทายคนขับรถตามประสาคนมีประสบการณ์
เขาเล่าเรื่องราวของเขาให้ฉันฟังมากมาย
พร้อมกับเล่าเรื่องผู้โดยสารคนเมื่อกี๊ให้ฟังด้วย
เขาบอกว่า เขามีปากเสียงกับเธอเรื่องความเร็วรถ
เธอต้องการให้เขาใช้อัตราความเร็วที่ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในขณะที่เขาต้องการใช้อัตราเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน เขาจึงตัดสินใจเชิญเธอลง ทั้งๆที่ในใจไม่อยากให้ลงเลยสักนิด
ฉันฟังอย่างตั้งใจ จดจำทุกรายละเอียด
เพื่อเรียนรู้ว่าเขาพบอะไรมาบ้าง และฉันจะอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างไร
แต่ยิ่งระยะทางผ่านไปไกลเท่าไหร่ เรายิ่งคุยกันน้อยลง
จนกระทั่งบรรยากาศในรถเงียบสนิท
ฉันนั่งอยู่อย่างนั้น ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ
มัวแต่เพ้อเจ้อเล่นๆว่า เราจะซ่อมรถคันนี้ให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่แค่สีสวย ต้องนั่งสบายด้วย
เราจะเป็นคนฟื้นฟูมันเอง เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่คนขับจะได้สบายขึ้น
ฉันคิดแต่ว่าจะทำอะไรให้ แต่ไม่เคยเอ่ยถามว่าเค้าต้องการไหม
ฉันเชื่อแบบโง่ๆว่าสิ่งดีๆที่ฉันทำจะช่วยให้ฉันไปถึงจุดหมายสักวัน
น่าเศร้าที่ฉันไม่ได้ฉุกคิดอะไรสักนิด...
จนกระทั่งคนขับรถปลุกฉันออกจากภวังค์ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า
" ช่วยลงไปได้ไหม ผมไม่อยากรับผู้โดยสารตอนนี้ "
คิดว่าฉันจะไม่ลงได้ไหมล่ะ? แหม~
ฉันยอมลงจากรถอย่างว่าง่าย ทั้งๆที่ในใจมีคำถามค้างคามากมาย
แต่ไม่ใช่ธุระอะไรของเราที่ต้องไปค้นหาคำตอบพวกนั้น
จากนี้ไปเขาจะไปไหน ทำอะไร จะอยู่ได้ไหม จะไปรับผู้โดยสารคนนั้นหรือไม่..
ล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องของเราทั้งสิ้น
เพราะความจริงที่ต้องยอมรับวันนี้คือ "เราถูกเชิญออกจากชีวิตเขาแล้ว"
สุดท้ายตอนนี้มานั่งถามตัวเองว่า ความรักคืออะไร?
ความรักต้องการอะไรจากเรากันแน่?
....
...
.
ตอบไม่ได้สักข้อ
ฉันรู้ ว่าฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรักเลย
เอ่อ รู้อยู่อย่างนึง
"...ความเชื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริง"
แล้วคุณล่ะ.. เรียนรู้อะไรจากความรักที่เพิ่งผ่านพ้นไปบ้างคะ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้