ตร.ควบคุมฝูงชนเดือดแถลงการณ์ตำหนิศรส.เอาตัวรอด
เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปรากฏภาพ"ตำรวจเตะระเบิด"แพร่หลายในโซเชียลมีเดียประชาชนต่างเข้ามากดไลค์แสดงความชื่นชมและยกย่อง ส.ต.อ.อดุลย์ เกตุกัปตัน อายุ 28 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป. สังกัดสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่ทำหน้าที่ขอคืนพื้นที่จุดปฏิบัติสะพานผ่านฟ้าเป็น"วีรบุรุษผู้กล้า"และขนานนามว่า"วีรบุรุษ SIDE-KICK"ตัดสินใจลุกขึ้นจากแนวโล่กำบังออกมาเตะ"ลูกระเบิด"ปริศนาที่ลอยมากระทบโล่ตำรวจตกลงที่พื้นด้านหน้าเพื่อนตำรวจด้วยกันนับสิบนาย
ล่าสุดเช้าวันนี้มีการออกแถลงการณ์จากชุดควบคุมฝูงชนสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศแชร์กันในระบบไลน์ระบุว่า
"เป็นที่ทราบกันโดยชัดแจ้งแล้วว่า ผู้ชุมนุมที่ใช้นามว่า กปปส.และเครือข่ายต่างๆที่ร่วมกันนั้นมีอาวุธปืนและอาวุธสงครามร้ายแรง ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ในหลายครั้งที่ผ่านมา ตำรวจต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยที่ชุดควบคุมฝูงชนมีเพียงโล่และกระบองและอาจมีบางครั้งที่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีหนทางที่จะต่อสู้กับผู้ชุมนุมได้การปฏิบัติแต่ละครั้งก็มีแต่ความสูญเสีย ชุดควบคุมฝูงชนจึงขอเรียกร้องดังนี้
1.การปฏิบัติหน้าที่คราวต่อไปต้องมีการประกอบกำลังอาวุธเต็มรูปแบบ ทั้งอาวุธปืนพกส่วนตัวและอาวุธปืนยาวที่ใช้ประจำหน่วย ประกอบด้วย ลูกซอง และ M 79
2.ไม่ควรมีการเจรจากับผู้ชุมนุมอีกต่อไป เพราะที่ผ่านมาการเจรจาไม่ได้ผล
3.ให้ ศรส.รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องแถลงข่าวว่า ไม่ใช้ความรุนแรงไม่มีการสลายการชุมนุมเพราะคำพูดดังกล่าวเป็นการเอาตัวรอดของ ผู้มีอำนาจใน ศรส. เท่านั้น หากเกิดความรุนแรง ตำรวจผู้ปฏิบัติก็จะต้องรับผิดชอบทางอาญาตามลำพัง และที่ผ่านมาที่มีตำรวจและประชาชนเสียชีวิตไม่รู้ว่าตำรวจผู้ปฏิบัติจะต้องรับผิดชอบหรือไม่หากเกิดมีการดำเนินคดี เพราะ ศรส. สามารถอ้างได้ตลอดเวลาว่า ศรส. ไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง และไม่มีนโยบายสลายการชุมนุม
4.ตำรวจทั้งประเทศเหนื่อยมามากแล้วในการปฏิบัติหน้าที่ หน่วยกำลังที่อยู่ในความปกครอง ของรัฐบาลก็มิได้มีเฉพาะตำรวจเท่านั้นหน้าที่หลักของตำรวจคือรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายทั่วไปและให้บริการประชาชนด้านการจราจรและงานด้านต่างๆตำรวจได้ทำหน้าที่ต่ออายุของรัฐบาลนี้มานานพอสมควรแล้วให้ใช้หน่วยงานอื่นบ้าง มิใช่ว่าเมื่อตำรวจมาเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมแต่กลับมีหน่วยงานที่ถืออาวุธอยู่ในฝั่งผู้ชุมนุมทั้งซ่อนเร้นและเปิดเผย รัฐบาลใช้งานตำรวจเกินกว่าเงินเดือนและมีบางส่วนเสียชีวิตและบาดเจ็บ
อนึ่งในขณะที่ตำรวจทำงานมากกว่าปกติมีราชการบางส่วนเห็นดีเห็นชอบในการหยุดงานในกรณีที่ผู้ชุมนุมปิดล้อมสถานที่ราชการโดยไม่มีการต่อต้านหรือรวมตัวกันเรียกร้องสถานที่ราชการคืน จึงอยากให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาล และ ศรส.พิจารณาพวกเรามีวินัยแต่เหลืออดแล้วจากชุดควบคมฝูงชนทั่งประเทศ"
http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=712540
กัดกันเองแล้ว ตำรวจควบคุมฝูงชน vs ศรส
เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปรากฏภาพ"ตำรวจเตะระเบิด"แพร่หลายในโซเชียลมีเดียประชาชนต่างเข้ามากดไลค์แสดงความชื่นชมและยกย่อง ส.ต.อ.อดุลย์ เกตุกัปตัน อายุ 28 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป. สังกัดสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่ทำหน้าที่ขอคืนพื้นที่จุดปฏิบัติสะพานผ่านฟ้าเป็น"วีรบุรุษผู้กล้า"และขนานนามว่า"วีรบุรุษ SIDE-KICK"ตัดสินใจลุกขึ้นจากแนวโล่กำบังออกมาเตะ"ลูกระเบิด"ปริศนาที่ลอยมากระทบโล่ตำรวจตกลงที่พื้นด้านหน้าเพื่อนตำรวจด้วยกันนับสิบนาย
ล่าสุดเช้าวันนี้มีการออกแถลงการณ์จากชุดควบคุมฝูงชนสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศแชร์กันในระบบไลน์ระบุว่า
"เป็นที่ทราบกันโดยชัดแจ้งแล้วว่า ผู้ชุมนุมที่ใช้นามว่า กปปส.และเครือข่ายต่างๆที่ร่วมกันนั้นมีอาวุธปืนและอาวุธสงครามร้ายแรง ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ในหลายครั้งที่ผ่านมา ตำรวจต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยที่ชุดควบคุมฝูงชนมีเพียงโล่และกระบองและอาจมีบางครั้งที่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีหนทางที่จะต่อสู้กับผู้ชุมนุมได้การปฏิบัติแต่ละครั้งก็มีแต่ความสูญเสีย ชุดควบคุมฝูงชนจึงขอเรียกร้องดังนี้
1.การปฏิบัติหน้าที่คราวต่อไปต้องมีการประกอบกำลังอาวุธเต็มรูปแบบ ทั้งอาวุธปืนพกส่วนตัวและอาวุธปืนยาวที่ใช้ประจำหน่วย ประกอบด้วย ลูกซอง และ M 79
2.ไม่ควรมีการเจรจากับผู้ชุมนุมอีกต่อไป เพราะที่ผ่านมาการเจรจาไม่ได้ผล
3.ให้ ศรส.รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องแถลงข่าวว่า ไม่ใช้ความรุนแรงไม่มีการสลายการชุมนุมเพราะคำพูดดังกล่าวเป็นการเอาตัวรอดของ ผู้มีอำนาจใน ศรส. เท่านั้น หากเกิดความรุนแรง ตำรวจผู้ปฏิบัติก็จะต้องรับผิดชอบทางอาญาตามลำพัง และที่ผ่านมาที่มีตำรวจและประชาชนเสียชีวิตไม่รู้ว่าตำรวจผู้ปฏิบัติจะต้องรับผิดชอบหรือไม่หากเกิดมีการดำเนินคดี เพราะ ศรส. สามารถอ้างได้ตลอดเวลาว่า ศรส. ไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง และไม่มีนโยบายสลายการชุมนุม
4.ตำรวจทั้งประเทศเหนื่อยมามากแล้วในการปฏิบัติหน้าที่ หน่วยกำลังที่อยู่ในความปกครอง ของรัฐบาลก็มิได้มีเฉพาะตำรวจเท่านั้นหน้าที่หลักของตำรวจคือรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายทั่วไปและให้บริการประชาชนด้านการจราจรและงานด้านต่างๆตำรวจได้ทำหน้าที่ต่ออายุของรัฐบาลนี้มานานพอสมควรแล้วให้ใช้หน่วยงานอื่นบ้าง มิใช่ว่าเมื่อตำรวจมาเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมแต่กลับมีหน่วยงานที่ถืออาวุธอยู่ในฝั่งผู้ชุมนุมทั้งซ่อนเร้นและเปิดเผย รัฐบาลใช้งานตำรวจเกินกว่าเงินเดือนและมีบางส่วนเสียชีวิตและบาดเจ็บ
อนึ่งในขณะที่ตำรวจทำงานมากกว่าปกติมีราชการบางส่วนเห็นดีเห็นชอบในการหยุดงานในกรณีที่ผู้ชุมนุมปิดล้อมสถานที่ราชการโดยไม่มีการต่อต้านหรือรวมตัวกันเรียกร้องสถานที่ราชการคืน จึงอยากให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาล และ ศรส.พิจารณาพวกเรามีวินัยแต่เหลืออดแล้วจากชุดควบคมฝูงชนทั่งประเทศ"
http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=712540