ไม่ได้ดูหนังหลายวัน พอมีเวลาเลยรีบจัด Timeline ก่อนเลย เนื่องด้วยหลงรัก The letter หัวปักหัวปรำ
แต่ก็แอบเหลือบๆพีดแบกในพันทิพย์ก่อนบ้างแล้ว เลยเข้าไปดูโดยไม่ตั้งความหวังอะไร
เรื่อง Timeline ฟิลลิ่งค่อนข้างแตกต่างจาก The letter มากอยู่เหมือนกัน The letter เป็นหนังรักและผูกพันธ์ 100% แต่ Timeline เป็นหนังวัยรุ่นมากกว่าเยอะ ออกแนวสร้างแรงบันดานใจ หาความฝัน ...บอกตรงว่า ผมไม่ค่อยรู้สึกอิน,ซึ้งอะไรกับความรักของภาคนี้เท่าไหร่ มีเศร้าบ้าง ตามเพลง ตามฟิลลิ่งของนักแสดง และบรรยากาศในโรง แต่ด้วยเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยทำให้รู้สึกอะไร เราไม่ค่อยเชื่อ ...อาจจะเพราะเรื่องเดินเร็ว ไม่มีเวลาปูความรู้สึกมากพอ
เช่นความสัมพันธ์ของแทน-จูน ...ผมรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเที่ยวเล่นกันสมัยเรียน ที่พึ่งรู้จักกัน 1-2 เดือน แล้วปิ้งๆกันมากกว่า... มันไม่มีเวลาและเหตุการ์ณที่ปูให้เรารู้สึกว่าทั้งคู่ผูกพันธ์อะไรกันขนาดนั้น ผมว่าถ้าเวลาในโรงจำกัด ตัดเรื่องของพี่อรออกไปเลยดีกว่า เอาเวลาไปปูเรื่องความสัมพันของพระเอก-นางเอก ดีกว่า แล้วหาเหตุผลอื่นที่กินใจกว่านี้ให้นางเอกไปญี่ปุ่นแทน
หลายๆเหตุการ์ณดูจงใจเกินไป เช่น แม่มัทเล่าเรื่องพ่อแทนตายให้จูนฟัง ..เล่าเพื่อ.. มันจะมีซักกี่ครั้งที่เราจะนั่งร้องไห้เล่าเรื่องพวกนี้ให้คนแปลกหน้าฟัง ..จริงๆผมเข้าใจเนื้อเรื่องนะ แต่ฟิลมันยังไม่ได้ ...บางเรื่องจงใจเกินเลยจนตลก เช่น นางเอกตาย ..ถ้าตายแล้วมันซึ้งกินใจไม่พอละก็ ฆ่าหนังตัวเองชัดๆ
...ตายหมดตั้งแต่รุ่นย่า รุ่นแม่ รุ่นลูก..ผมว่าตรงนี้เอาเป็นพ๊อบเขียนภาค 3 เป็นแนวหนังสยองขวัญได้ เพราะคนที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ คนรักจะต้องตายหมด
ผมชอบในพาทที่พยายามสร้างค่านิยมที่ดีหลายๆอย่าง เช่น การค้นหาความฝันในวัยเรียน การค้นหาว่าตัวเองต้องการอะไร ..โดยเฉพาะการขี่จักรยาน ตรงนี้ชอบมาก
แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ในขณะเดียวกันต้องส่งเสริมค่านิยมด้านลบด้วย เช่น การเที่ยว เมาหัวราน้ำของวัยรุ่นไม่ว่าจะฉลองหรืออกหัก เรื่องไอโฟน... ผมเข้าใจว่า พยายามสื่อว่า แทน ออกมาเจอโลกภายนอก แต่ถึงแบบนั้น ก็มาตายตอนจบที่ทิ้งขยะลงทะเล...อันนี้ผมไม่อิน และไม่ตลกเลย ที่พระเอกเอากระดาษไปทิ้งในสถานที่ๆสวยขนาดนั้น เข้าใจว่าได้ไอเดียอยากได้ตอนจบแบบไททานิก ...แต่ผมว่า เป็นเครื่องประดับมีค่า รู้สึกดีกว่า ...จริงๆนะ
สรุป โดย คหสต ผมว่าหนังเรื่องนี้แค่พอดูได้ ซึ้งนิดๆ ได้แรงบันดาลใจหน่อยๆ แต่ไม่เกินเดือนคงลืม
ถ้าให้คะแนน ผมให้ 7/10
[spoil] ความเห็นของการไปดูเรื่อง Timeline
แต่ก็แอบเหลือบๆพีดแบกในพันทิพย์ก่อนบ้างแล้ว เลยเข้าไปดูโดยไม่ตั้งความหวังอะไร
เรื่อง Timeline ฟิลลิ่งค่อนข้างแตกต่างจาก The letter มากอยู่เหมือนกัน The letter เป็นหนังรักและผูกพันธ์ 100% แต่ Timeline เป็นหนังวัยรุ่นมากกว่าเยอะ ออกแนวสร้างแรงบันดานใจ หาความฝัน ...บอกตรงว่า ผมไม่ค่อยรู้สึกอิน,ซึ้งอะไรกับความรักของภาคนี้เท่าไหร่ มีเศร้าบ้าง ตามเพลง ตามฟิลลิ่งของนักแสดง และบรรยากาศในโรง แต่ด้วยเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยทำให้รู้สึกอะไร เราไม่ค่อยเชื่อ ...อาจจะเพราะเรื่องเดินเร็ว ไม่มีเวลาปูความรู้สึกมากพอ
เช่นความสัมพันธ์ของแทน-จูน ...ผมรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเที่ยวเล่นกันสมัยเรียน ที่พึ่งรู้จักกัน 1-2 เดือน แล้วปิ้งๆกันมากกว่า... มันไม่มีเวลาและเหตุการ์ณที่ปูให้เรารู้สึกว่าทั้งคู่ผูกพันธ์อะไรกันขนาดนั้น ผมว่าถ้าเวลาในโรงจำกัด ตัดเรื่องของพี่อรออกไปเลยดีกว่า เอาเวลาไปปูเรื่องความสัมพันของพระเอก-นางเอก ดีกว่า แล้วหาเหตุผลอื่นที่กินใจกว่านี้ให้นางเอกไปญี่ปุ่นแทน
หลายๆเหตุการ์ณดูจงใจเกินไป เช่น แม่มัทเล่าเรื่องพ่อแทนตายให้จูนฟัง ..เล่าเพื่อ.. มันจะมีซักกี่ครั้งที่เราจะนั่งร้องไห้เล่าเรื่องพวกนี้ให้คนแปลกหน้าฟัง ..จริงๆผมเข้าใจเนื้อเรื่องนะ แต่ฟิลมันยังไม่ได้ ...บางเรื่องจงใจเกินเลยจนตลก เช่น นางเอกตาย ..ถ้าตายแล้วมันซึ้งกินใจไม่พอละก็ ฆ่าหนังตัวเองชัดๆ
...ตายหมดตั้งแต่รุ่นย่า รุ่นแม่ รุ่นลูก..ผมว่าตรงนี้เอาเป็นพ๊อบเขียนภาค 3 เป็นแนวหนังสยองขวัญได้ เพราะคนที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ คนรักจะต้องตายหมด
ผมชอบในพาทที่พยายามสร้างค่านิยมที่ดีหลายๆอย่าง เช่น การค้นหาความฝันในวัยเรียน การค้นหาว่าตัวเองต้องการอะไร ..โดยเฉพาะการขี่จักรยาน ตรงนี้ชอบมาก
แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ในขณะเดียวกันต้องส่งเสริมค่านิยมด้านลบด้วย เช่น การเที่ยว เมาหัวราน้ำของวัยรุ่นไม่ว่าจะฉลองหรืออกหัก เรื่องไอโฟน... ผมเข้าใจว่า พยายามสื่อว่า แทน ออกมาเจอโลกภายนอก แต่ถึงแบบนั้น ก็มาตายตอนจบที่ทิ้งขยะลงทะเล...อันนี้ผมไม่อิน และไม่ตลกเลย ที่พระเอกเอากระดาษไปทิ้งในสถานที่ๆสวยขนาดนั้น เข้าใจว่าได้ไอเดียอยากได้ตอนจบแบบไททานิก ...แต่ผมว่า เป็นเครื่องประดับมีค่า รู้สึกดีกว่า ...จริงๆนะ
สรุป โดย คหสต ผมว่าหนังเรื่องนี้แค่พอดูได้ ซึ้งนิดๆ ได้แรงบันดาลใจหน่อยๆ แต่ไม่เกินเดือนคงลืม
ถ้าให้คะแนน ผมให้ 7/10