ถ้าโง่เขลา (มีอวิชชาครอบงำ) แล้วมีความเข้าใจผิดว่ามีตนเอง (สักกายทิฎฐิ) แล้วถือว่าตนดีกว่า-เก่งกว่าคนอื่น (มานะ) แล้วดื้อรั้น-หัวแข็ง ไม่รับฟังเหตุผล ไม่ยอมรับความจริง แม้จะมีโอกาสได้ศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ก็ไม่มีโอกาสเห็นธรรม
แต่ถ้าไม่โง่เขลา แล้วไม่มีความเข้าใจผิดว่ามีตนเอง แล้วไม่ถือว่าตนดีกว่า-เก่งกว่าคนอื่น แล้วไม่ดื้อรั้น รับฟังเหตุผล ยอมรับความจริง เมื่อมีโอกาสได้ศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ก็มีโอกาสเห็นธรรม (มีดวงตาเห็นธรรม)
สรุปว่า ถ้าไม่ดื้อรั้น ยอมรับฟังเหตุผล ยอมรับความจริง จึงจะมีโอกาสศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเห็นแจ้งหรือมีดวงตาเห็นธรรมได้ แต่ถ้าเป็นคนดื้อรั้น ไม่ฟังเหตุผล ไม่ยอมรับความจริง ถึงจะศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ามาอย่างมากมายแล้วก็ตาม ก็ไม่มีทางเห็นแจ้งคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าได้
ถ้าไม่ดื้อรั้นก็มีโอกาศเห็นธรรม
แต่ถ้าไม่โง่เขลา แล้วไม่มีความเข้าใจผิดว่ามีตนเอง แล้วไม่ถือว่าตนดีกว่า-เก่งกว่าคนอื่น แล้วไม่ดื้อรั้น รับฟังเหตุผล ยอมรับความจริง เมื่อมีโอกาสได้ศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ก็มีโอกาสเห็นธรรม (มีดวงตาเห็นธรรม)
สรุปว่า ถ้าไม่ดื้อรั้น ยอมรับฟังเหตุผล ยอมรับความจริง จึงจะมีโอกาสศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความเห็นแจ้งหรือมีดวงตาเห็นธรรมได้ แต่ถ้าเป็นคนดื้อรั้น ไม่ฟังเหตุผล ไม่ยอมรับความจริง ถึงจะศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ามาอย่างมากมายแล้วก็ตาม ก็ไม่มีทางเห็นแจ้งคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าได้