เล่าเรื่องราวความเป็นมาก่อนนะครับ พอดีไปเจอที่ของธนาคารผืนนึงสิบกว่าไร่มีบ้านเก่าสภาพต้องปรับปรุงเยอะอยู่หนึ่งหลังด้วย ค่อนข้างถูกใจในบรรยากาศแวดล้อม โทรไปสอบถามธนาคารปรากฏว่าเจ้าของย้ายออกจากที่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วไม่มีปัญหาอะไร แต่มีคนมาขอเช่าพื้นที่ปลูกพืชหมุนเวียนอยู่ เพิ่งจะมาปลูกได้ไม่กี่เดือน ตั้งใจว่าจะทำเรื่องซื้อกับธนาคารแล้วให้เค้าปลูกผักต่ออย่างน้อย 4-5 ปี เพราะยังไม่มีเวลาไปดูแล โดยทำสัญญาเช่ากันให้เรียบร้อย ตั้งใจจะเก็บค่าเช่าแบบถูกๆเพราะจะได้ให้เค้าช่วยดูแลที่ดินไปให้ด้วย เหมือนต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ดีใช่ไหมครับ

เมื่อไปดูที่ดิน คนที่มาปลูกผักอยู่(ฝ่ายภรรยา)ก็พาดูที่รอบๆ+ตัวบ้าน คุยกันอัธยาศัยดี ได้บอกความตั้งใจไปอย่างที่ว่าก็ดูเค้าตอบรับดีครับ เหมือนทุกอย่างค่อนข้างลงตัว ทีนี้พอฝ่ายสามีมาสมทบเค้าก็เริ่มพูดเรื่องที่ดินผืนนี้ว่าเดิมเคยเป็นเมืองมาแต่โบราณ มีเทวดาอาศัยอยู่ 4 ตน และตัวเค้าเองก็เป็นข้ารับใช้เทวดามาตั้งแต่ชาติปางก่อนและเทวดาให้เป็นร่างทรงด้วย หลังจากเจ้าของเดิมย้ายออกเทวดาก็ได้ไปแสดงนิมิตรให้เค้าเห็นและต้องการให้สร้างศาลให้คนมากราบไหว้เคารพบูชา เจ้าของรายเดิมไม่ใส่ใจทำให้มีปัญหามากมาย(เจ้าของเดิมตั้งศาลพระภูมิเหมือนปกติทั่วไป แต่คนนี้ไปสร้างใหม่เป็นไม้ชั่วคราวอยู่ตรงจอมปลวก) การที่ผมจะมาซื้อที่ดินผืนนี้ก็ต้องเคารพบูชาเทวดา และเค้ากับญาติอีกสองคนเป็นร่างทรง ตอนนี้เค้ากำลังดำเนินการเรื่องสร้างศาลที่ว่าโดยที่ธนาคารยังไม่ทราบเรื่อง (จะสร้างเรือนไทยขนาดเล็กเป็นสำนักฯในเขตที่ดิน)

ตอนที่เขาเริ่มพูดเรื่องนี้ผมก็ตั้งใจว่าจะไม่ขัดศรัทธาเพราะเข้าใจว่าจะตั้งเป็นศาลพระภูมิเหมือนปกติ จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย แต่ฟังไปฟังมากลายเป็นตั้งสำนักฯนี่ชักจะเริ่มไม่สบายใจ เพราะถ้ากลายเป็นที่ดินของเทวดาต่อไปผมจะทำการอะไรคงต้องไปขออนุญาตคนทรงทุกอย่าง แบบนี้ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ อยากได้แนวทางที่บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นเพราะไม่อยากสร้างศัตรู ตั้งใจจะอยู่แบบสบายใจ ผมไม่ใช่คนดั้งเดิมในพื้นที่ครับ ส่วนคนที่มาเช่าที่ปลูกผักเป็นคนในพื้นที่ มีบ้านและสวนของตัวเองอยู่แล้ว

ใครมีแนวทางอะไรดีๆช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ไม่ค่อยชำนาญด้านนี้เท่าไหร่ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ

ปล.ผมไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์นะครับ แต่ไม่เคยลบหลู่ ตอนบวชเคยเรียนเรื่องเทวดา เรื่องพรหม มาบ้าง แต่สนใจเรื่องวิปัสสนามากกว่า