ผมทำงานเป็น Creative Design และทำอาชีพเสริมคือ Tarot Reader หรือหมอดูนั่นเเหละครับ
ตลอดเวลา 8 ปีที่เป็นหมอดู ได้ดูดวงให้คนเยอะมากๆ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชะตากรรม
ดังนั้นในการดูไพ่ ผมจึงใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้จากลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย (นี่หลักฐาน
www.vittarot.com)
เรื่องราวมีอยู่ว่าโค้กคือเครื่องดิ่มที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรม เป็นเครื่องจุดประกายก่อให้เกิดกระแสยุคใหม่ ยุคที่เครื่องดื่มผสมน้ำตาลกลายเป็นแฟชั่นสากล ใครก็ตามที่ปรานารถอยากจะเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องดื่มโค้กเท่านั้น ในขณะที่โค้กกำลังกอบโกยรายได้มหาศาลจากการเป็นผู้นำทั้งเครื่องดื่ม แฟชั่น และวัฒนธรรม ยังมีอีกคู่แข่งตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่พยายามกระ
กระสน ดิ้นรน เอาตัวรอดที่จะพยายามเอาชนะยักษ์สีแดงตัวใหญ่ ใช่แล้ว เป๊ปซี่กำลังพยายามจะโค่นแชมป์ระดับโลก…!!!
แต่น่าเศร้า ยิ่งเป๊ปซี่พยายามดิ้นรนหนักเท่าไหร่ โค้กก็ทิ้งห่างไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งดันทุรัง ยิ่งหมดหวัง… ยิ่งสู้ ยิ่งหมดแรง… มีนักการตลาดชี้แนะเป๊ปซี่ให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้มากมาย แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวหมด เป๊ปซี่เริ่มท้อแท้จนกระทั่งกำลังจะตัดสินใจกลายเป็น “ผู้แพ้แบบศิโรราบ” พวกเขาพยายามได้ดีแล้ว การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ยอมแพ้ด้วยตัวเอง ย่อมสง่างามกว่าการถูกทำให้แพ้อยู่แล้ว… แน่นอน การพยายามของเป๊ปซี่ไร้ความหมาย เพราะในสายตาโค้ก เป๊ปซี่ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยกำหมัดที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่อาวุธครบมือ
แต่ก่อนจะแพ้ อย่างน้อยก็ขอเอาชนะซักครั้ง เป๊ปซี่เลยขี้แพ้ชวนตี ด้วยการเอาอาสาสมัคร 100 คน ปิดตาท้าชิม แล้วให้ลงคะแนนว่าน้ำอัดลมของใครอร่อยกว่ากัน ผลปรากฏว่าอาสาสมัครโหวตให้เป๊ปซี่อร่อยกว่า 100 ทั้ง 100 ในเมื่อผลทดสอบฟันธงการันตีอย่างนี้ เป๊ปซี่ก็ยิ้มแก้มปริ โอกาสของการล้มยักษ์มาถึงแล้ว เป๊ปซี่เลยออกแคมเปน “เป๊ปซี่ ท้าชิม” เพื่อเป็นการยืนยันว่า “กูอร่อยกว่า” เพียงชั่วข้ามคืน เป๊ปซี่กลายเป็นผู้นำตลาดชนิดที่โค้กตั้งรับไม่ทัน
เด็กน้อยที่กำหมัด ถือกลายเป็นยักษ์ใหญ่ถือนิวเคลียร์ซะแล้ว…!!!
โค้กเป็นยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีใครล้มได้ กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นอันดับสอง ก็สายโต่ง ยอดขายเป๊ปซี่ทิ้งห่างโค้กเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น สุดท้ายโค้กลงความเห็นว่าจะต้องเอาชนะเป๊ปซี่ด้วยรสชาตที่เหนือกว่าให้จงได้ นี่คือการประกาศสงครามและล้างแค้น…!!!
โค๊กหมดเงินจำนวนมหาศาลไปกับการคิดค้นสูตรใหม่ที่มีรสชาตดีกว่าเป๊ปซี่ เมื่อให้อาสาสมัครได้ชิม ทุกคนลงความเห็นเดียวว่านี่มันสุดยอด อร่อยมากๆ มันเป็นเรื่องน่าสนุกสุดๆเมื่อตอนที่โค้กสร้างสุดยอดน้ำดำที่อร่อยกว่าเป๊ปซี่ โค้กปล่อยน้ำดำเวอร์ชั่นปรับปรุงออกสู่ตลาดเพื่อทวงบัลลังค์ความยิ่งใหญ่กลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้งทันที และเป็นไปตามที่คาด ผลการตอบรับที่ได้จากลูกค้าคือ
เจ๊งครับ…!!!
อ่านไม่ผิดหรอก โค๊กรุ่นใหม่ที่อร่อยกว่าเดิมขายไม่ออก ลูกค้าเกลียดมัน เหตุผลเดียวที่ลูกค้าบอกก็คือ “นั่นมันไม่ใช่โค้ก” สุดท้ายโค้กจึงต้องผลิตออกมา 2 กระป๋อง เป็นโค้กเวอร์ชั่นใหม่ กับโค้กคลาสลิก กว่าโค๊กจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ก็ต้องใช้ความทุ่มเทให้กับผลิตภัณฑ์และความทุ่มเทอย่างมหาศาล สุดท้ายทั้งสองค่ายนี้ก็ผลัดกันแพ้ผลักกันชนะคนละยุค คนละสมัย เป็นสงครามที่ดุเดือดที่สุดสงครามหนึ่งในประวัติศาสตร์ กลายเป็นบทเรียนที่เล่าได้ไม่รู้เบื่อไม่ว่าจะยุคสมัยกี่ปี
ผมได้อะไรจากเรื่องนี้…!!!
ในฐานะที่ผมเป็น Tarot Reader ผมเห็นรูปแบบชีวิตคนมาตลอด 8 ปี ผมค้นพบว่าคนที่กล้ารับใช้ความฝันของตัวเอง กับคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดรับใช้ความฝันตัวเอง ก็เหมือนเป๊ปซี่นั่นแหละ เพียงแต่ว่าเขาเป็นเป๊ปซี่ที่กำลังจะยอมแพ้ หรือเป๊ปซี่ที่รู้ว่าตัวเองอร่อยกว่า เท่านั้นเอง…!!! บางครั้งไพ่ Tarot บอกเลยว่าคนที่นั่งตรงหน้าผมเป็นคนที่มีศักยภาพ ความสามารถ และความน่ารักในระดับที่สูงมากๆ แต่น่าเศร้าตรงที่เจ้าตัวไม่เคยมองเห็นความสุดยอดตรงนั้น ได้แต่ใช้ชีวิตโดยอาศัยฟังเสียงคนรอบข้างเป็นคะแนนตัดสินชีวิตใ้ห้ตัวเอง ไม่กล้าบอกว่าตัวเองต้องการอะไร ต้องการจะเป็นใคร และประสบความสำเร็จแค่ไหน สุดท้ายนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีความสุข จน เกลัยดชีวิตตัวเอง ชีวิตยังต้องขึ้นๆลงๆตามคำพูดของสังคมที่มีต่อตัวเองด้วย ยิ่งพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นไปตามการนำทางของคนอื่นมากเท่าไหร่ ยิ่งห่างไกลความสุขความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนอีกประเภทคือคนที่คิดว่าตนเองคือโค้ก เป็นคนที่คิดว่าทำไมเราจะต้องยอมเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองด้วย เราดีอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนที่ได้ความสำเร็จในมือแล้วก็ถือว่าดีไป แต่บางคนไม่ใช่ ยังไม่ทันได้ความสำเร็จมาเลยก็ออกอาการน้อยใจโลกแล้ว คือโลกจะต้องยอมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตามเขา อยากรวย แต่ไม่คิดตรากตรำ อยากให้แฟนรัก แต่ไม่เคยเข้าใจแฟน อยากให้เจ้านายขึ้นเงินเดือน แต่นินทาเจ้านายทุกวัน อยากทำงานต่างประเทศ แต่ไม่ยอมเรียนภาษาอังกฤษ อยากให้งานน้อยลง แต่เงินเดือนเยอะกว่าเดิม บลาๆๆๆ ผมว่าทุกอย่างมันก็สมเหตุสมผลนะ ถ้าเราไม่ยอมออกแบบชีวิตตัวเอง เราก็ต้องใช้ชีวิตแบบที่อยากเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่ทำไม่ได้…!!! และไม่มีวันได้ทำ…!!!
ผมมีอัตตายึดมั่นและด่าโลกด่าสังคมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตผมไม่มีความสุข ผมเชื่อว่าผมดีเลิศหมดทุกอย่าง คนอื่นตาไม่ดีที่มองข้ามคนดีๆอย่างผมไปเอง แต่ลึกๆผมรู้ว่าความจริงคือการที่ผมไม่มีความสุข เพราะผมเลือกที่จะโทษคนอื่นอย่างอื่นง่ายกว่าโทษตัวเอง ใช่… ผมไม่มีความสุขเพราะ งาน เิงิน แฟน สังคม เศรษฐกิจ โลก บลาๆๆ แต่ความจริงคือผมขี้เกียจที่จะออกแบบชีวิตตัวเองต่างหาก เลยต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความสุข ผมไม่เคยเป็นโค้กที่ยิ่งใหญ่ และไม่เคยเป็นเป๊ปซี่ที่พยายามดิ้นรนเพื่อความปรารถนาของตัวเอง
แต่ทั้งหมดมันจบไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังเริ่มต้น…
วันที่แม่เป็นมะเร็ง ผมตกงาน รถโดนทุบ และเงินเก็บเหลือ 300 บาทนั่นเเหละ ผมถึงค่อยพยายามทำตัวดีต่อตัวเอง บัดนี้ผมคือคนที่รับใช้แต่ความฝันของตัวเองเท่านั้น และหน้าที่ของผมที่ผมปฏิญาณไว้กับ Tarot คือ ผมจะต้องทำให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้ เพื่อตระหนักไว้ว่าทุกคนที่กำลังใช้ชีวิต จะต้องรับใช้ความฝันตัวเอง ทำให้ครอบครัวที่สำคัญของตัวเองมีความสุข ประสบความสำเร็จ ผมอยากใช้ Tarot สร้างสิ่งดีๆ และอยากให้คนดีๆมาร่วมกันใช้ Tarot เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต Fanpage ของผมต้อนรับคนที่ปรารถนาจะออกแบบชีวิตตัวเองเสมอ นี่คือเป้าหมายของผม ผมอยากให้ทุกๆคนที่ปรารถนาจะมีชีวิตที่ดีเป็นเหมือนโค้กเเละเป๊ปซี่
ถ้าวันนี้คุณยังไม่รับรู้ถึงชัยชนะของชีวิต จงใช้ชีวิตแบบเป๊ปซี่ที่พยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อเป้าหมาย และถ้าวันนี้คุณได้รับชัยชนะแล้วก็ขอให้เหมือนโค้ก จงทำให้ชัยชนะเกิดขึ้นซ้ำๆในชีวิตคุณให้ได้ สู้ๆครับ
หมอดูขอเล่า : โค้ก VS เป๊ปซี่ และความจริงของชีวิต…!!!
ตลอดเวลา 8 ปีที่เป็นหมอดู ได้ดูดวงให้คนเยอะมากๆ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชะตากรรม
ดังนั้นในการดูไพ่ ผมจึงใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้จากลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย (นี่หลักฐาน www.vittarot.com)
เรื่องราวมีอยู่ว่าโค้กคือเครื่องดิ่มที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรม เป็นเครื่องจุดประกายก่อให้เกิดกระแสยุคใหม่ ยุคที่เครื่องดื่มผสมน้ำตาลกลายเป็นแฟชั่นสากล ใครก็ตามที่ปรานารถอยากจะเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องดื่มโค้กเท่านั้น ในขณะที่โค้กกำลังกอบโกยรายได้มหาศาลจากการเป็นผู้นำทั้งเครื่องดื่ม แฟชั่น และวัฒนธรรม ยังมีอีกคู่แข่งตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่พยายามกระกระสน ดิ้นรน เอาตัวรอดที่จะพยายามเอาชนะยักษ์สีแดงตัวใหญ่ ใช่แล้ว เป๊ปซี่กำลังพยายามจะโค่นแชมป์ระดับโลก…!!!
แต่น่าเศร้า ยิ่งเป๊ปซี่พยายามดิ้นรนหนักเท่าไหร่ โค้กก็ทิ้งห่างไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งดันทุรัง ยิ่งหมดหวัง… ยิ่งสู้ ยิ่งหมดแรง… มีนักการตลาดชี้แนะเป๊ปซี่ให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้มากมาย แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวหมด เป๊ปซี่เริ่มท้อแท้จนกระทั่งกำลังจะตัดสินใจกลายเป็น “ผู้แพ้แบบศิโรราบ” พวกเขาพยายามได้ดีแล้ว การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ยอมแพ้ด้วยตัวเอง ย่อมสง่างามกว่าการถูกทำให้แพ้อยู่แล้ว… แน่นอน การพยายามของเป๊ปซี่ไร้ความหมาย เพราะในสายตาโค้ก เป๊ปซี่ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยกำหมัดที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่อาวุธครบมือ
แต่ก่อนจะแพ้ อย่างน้อยก็ขอเอาชนะซักครั้ง เป๊ปซี่เลยขี้แพ้ชวนตี ด้วยการเอาอาสาสมัคร 100 คน ปิดตาท้าชิม แล้วให้ลงคะแนนว่าน้ำอัดลมของใครอร่อยกว่ากัน ผลปรากฏว่าอาสาสมัครโหวตให้เป๊ปซี่อร่อยกว่า 100 ทั้ง 100 ในเมื่อผลทดสอบฟันธงการันตีอย่างนี้ เป๊ปซี่ก็ยิ้มแก้มปริ โอกาสของการล้มยักษ์มาถึงแล้ว เป๊ปซี่เลยออกแคมเปน “เป๊ปซี่ ท้าชิม” เพื่อเป็นการยืนยันว่า “กูอร่อยกว่า” เพียงชั่วข้ามคืน เป๊ปซี่กลายเป็นผู้นำตลาดชนิดที่โค้กตั้งรับไม่ทัน
เด็กน้อยที่กำหมัด ถือกลายเป็นยักษ์ใหญ่ถือนิวเคลียร์ซะแล้ว…!!!
โค้กเป็นยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีใครล้มได้ กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นอันดับสอง ก็สายโต่ง ยอดขายเป๊ปซี่ทิ้งห่างโค้กเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น สุดท้ายโค้กลงความเห็นว่าจะต้องเอาชนะเป๊ปซี่ด้วยรสชาตที่เหนือกว่าให้จงได้ นี่คือการประกาศสงครามและล้างแค้น…!!!
โค๊กหมดเงินจำนวนมหาศาลไปกับการคิดค้นสูตรใหม่ที่มีรสชาตดีกว่าเป๊ปซี่ เมื่อให้อาสาสมัครได้ชิม ทุกคนลงความเห็นเดียวว่านี่มันสุดยอด อร่อยมากๆ มันเป็นเรื่องน่าสนุกสุดๆเมื่อตอนที่โค้กสร้างสุดยอดน้ำดำที่อร่อยกว่าเป๊ปซี่ โค้กปล่อยน้ำดำเวอร์ชั่นปรับปรุงออกสู่ตลาดเพื่อทวงบัลลังค์ความยิ่งใหญ่กลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้งทันที และเป็นไปตามที่คาด ผลการตอบรับที่ได้จากลูกค้าคือ
เจ๊งครับ…!!!
อ่านไม่ผิดหรอก โค๊กรุ่นใหม่ที่อร่อยกว่าเดิมขายไม่ออก ลูกค้าเกลียดมัน เหตุผลเดียวที่ลูกค้าบอกก็คือ “นั่นมันไม่ใช่โค้ก” สุดท้ายโค้กจึงต้องผลิตออกมา 2 กระป๋อง เป็นโค้กเวอร์ชั่นใหม่ กับโค้กคลาสลิก กว่าโค๊กจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ก็ต้องใช้ความทุ่มเทให้กับผลิตภัณฑ์และความทุ่มเทอย่างมหาศาล สุดท้ายทั้งสองค่ายนี้ก็ผลัดกันแพ้ผลักกันชนะคนละยุค คนละสมัย เป็นสงครามที่ดุเดือดที่สุดสงครามหนึ่งในประวัติศาสตร์ กลายเป็นบทเรียนที่เล่าได้ไม่รู้เบื่อไม่ว่าจะยุคสมัยกี่ปี
ผมได้อะไรจากเรื่องนี้…!!!
ในฐานะที่ผมเป็น Tarot Reader ผมเห็นรูปแบบชีวิตคนมาตลอด 8 ปี ผมค้นพบว่าคนที่กล้ารับใช้ความฝันของตัวเอง กับคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดรับใช้ความฝันตัวเอง ก็เหมือนเป๊ปซี่นั่นแหละ เพียงแต่ว่าเขาเป็นเป๊ปซี่ที่กำลังจะยอมแพ้ หรือเป๊ปซี่ที่รู้ว่าตัวเองอร่อยกว่า เท่านั้นเอง…!!! บางครั้งไพ่ Tarot บอกเลยว่าคนที่นั่งตรงหน้าผมเป็นคนที่มีศักยภาพ ความสามารถ และความน่ารักในระดับที่สูงมากๆ แต่น่าเศร้าตรงที่เจ้าตัวไม่เคยมองเห็นความสุดยอดตรงนั้น ได้แต่ใช้ชีวิตโดยอาศัยฟังเสียงคนรอบข้างเป็นคะแนนตัดสินชีวิตใ้ห้ตัวเอง ไม่กล้าบอกว่าตัวเองต้องการอะไร ต้องการจะเป็นใคร และประสบความสำเร็จแค่ไหน สุดท้ายนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีความสุข จน เกลัยดชีวิตตัวเอง ชีวิตยังต้องขึ้นๆลงๆตามคำพูดของสังคมที่มีต่อตัวเองด้วย ยิ่งพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นไปตามการนำทางของคนอื่นมากเท่าไหร่ ยิ่งห่างไกลความสุขความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนอีกประเภทคือคนที่คิดว่าตนเองคือโค้ก เป็นคนที่คิดว่าทำไมเราจะต้องยอมเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองด้วย เราดีอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนที่ได้ความสำเร็จในมือแล้วก็ถือว่าดีไป แต่บางคนไม่ใช่ ยังไม่ทันได้ความสำเร็จมาเลยก็ออกอาการน้อยใจโลกแล้ว คือโลกจะต้องยอมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตามเขา อยากรวย แต่ไม่คิดตรากตรำ อยากให้แฟนรัก แต่ไม่เคยเข้าใจแฟน อยากให้เจ้านายขึ้นเงินเดือน แต่นินทาเจ้านายทุกวัน อยากทำงานต่างประเทศ แต่ไม่ยอมเรียนภาษาอังกฤษ อยากให้งานน้อยลง แต่เงินเดือนเยอะกว่าเดิม บลาๆๆๆ ผมว่าทุกอย่างมันก็สมเหตุสมผลนะ ถ้าเราไม่ยอมออกแบบชีวิตตัวเอง เราก็ต้องใช้ชีวิตแบบที่อยากเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่ทำไม่ได้…!!! และไม่มีวันได้ทำ…!!!
ผมมีอัตตายึดมั่นและด่าโลกด่าสังคมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตผมไม่มีความสุข ผมเชื่อว่าผมดีเลิศหมดทุกอย่าง คนอื่นตาไม่ดีที่มองข้ามคนดีๆอย่างผมไปเอง แต่ลึกๆผมรู้ว่าความจริงคือการที่ผมไม่มีความสุข เพราะผมเลือกที่จะโทษคนอื่นอย่างอื่นง่ายกว่าโทษตัวเอง ใช่… ผมไม่มีความสุขเพราะ งาน เิงิน แฟน สังคม เศรษฐกิจ โลก บลาๆๆ แต่ความจริงคือผมขี้เกียจที่จะออกแบบชีวิตตัวเองต่างหาก เลยต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความสุข ผมไม่เคยเป็นโค้กที่ยิ่งใหญ่ และไม่เคยเป็นเป๊ปซี่ที่พยายามดิ้นรนเพื่อความปรารถนาของตัวเอง
แต่ทั้งหมดมันจบไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังเริ่มต้น…
วันที่แม่เป็นมะเร็ง ผมตกงาน รถโดนทุบ และเงินเก็บเหลือ 300 บาทนั่นเเหละ ผมถึงค่อยพยายามทำตัวดีต่อตัวเอง บัดนี้ผมคือคนที่รับใช้แต่ความฝันของตัวเองเท่านั้น และหน้าที่ของผมที่ผมปฏิญาณไว้กับ Tarot คือ ผมจะต้องทำให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้ เพื่อตระหนักไว้ว่าทุกคนที่กำลังใช้ชีวิต จะต้องรับใช้ความฝันตัวเอง ทำให้ครอบครัวที่สำคัญของตัวเองมีความสุข ประสบความสำเร็จ ผมอยากใช้ Tarot สร้างสิ่งดีๆ และอยากให้คนดีๆมาร่วมกันใช้ Tarot เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต Fanpage ของผมต้อนรับคนที่ปรารถนาจะออกแบบชีวิตตัวเองเสมอ นี่คือเป้าหมายของผม ผมอยากให้ทุกๆคนที่ปรารถนาจะมีชีวิตที่ดีเป็นเหมือนโค้กเเละเป๊ปซี่
ถ้าวันนี้คุณยังไม่รับรู้ถึงชัยชนะของชีวิต จงใช้ชีวิตแบบเป๊ปซี่ที่พยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อเป้าหมาย และถ้าวันนี้คุณได้รับชัยชนะแล้วก็ขอให้เหมือนโค้ก จงทำให้ชัยชนะเกิดขึ้นซ้ำๆในชีวิตคุณให้ได้ สู้ๆครับ