ช่วงนี้ได้มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ทั้งเก่าและใหม่ไปพร้อมๆกัน
เลยนึกอยากเขียนเรื่องราว "ความรัก" ที่ทั้งสองเรื่องนำเสนอคล้ายกัน
นี่ไม่ใช่การ review ภาพยนตร์ หรือ การเปรียบเทียบใดๆ
เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนที่ร้อยเรียงมาเพื่อต้อนรับเดือนแห่งความรัก
หากผิดพลาดประการใด เชิญติชมได้ตามอัธยาศัยและไมตรี
::: จดหมายรัก :::
ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
เป็นที่น่าสังเกตว่าวงการภาพยนตร์หนังรักมักจะเริ่มคึกคัก
กลิ่นไอของดอกรักสีชมพูกำลังเบ่งบาน
พร้อมกับชูช่อส่งกลิ่นหอมหวลอบอวลกันถ้วนหน้า
ไม่เว้นแม้กระทั่งภาพยนตร์หลายเรื่องที่ห่างหายไปจากจอนานแล้ว
ก็ถูกนำมาต่อคิวเรียงฉายกันในจอแก้วตลอดทั้งเดือนแห่งความรักนี้
ฤดูหนาวกำลังจะผ่านไป
ฤดูแห่งความรักกำลังจะผ่านมา
ผมคิดประโยคนี้ได้หลังจากซาบซึ้งกับเรื่องราวของต้นและดิว
ในภาพยนตร์จดหมายรักฉบับเก่าที่ถูกนำมารีรันใหม่ในเช้าวานนี้
หากตอนจบของเรื่องทำให้ใครต่อใครชวนบ่นจนท่อน้ำตาแตก
จดหมายรักที่ไม่สมหวังกำลังผูกมัดให้ผู้ชมเชื่อ
ข้อความที่ล่าช้าดูเหมือนจะทำให้การดำเนินเรื่องดูสบายตาและน่าลุ้น
แต่กลับกันที่จดหมายรักฉบับนี้
ไม่สามารถการันตีความรวดเร็วให้การส่งถึง
ใครกันจะนั่งทนเศร้าเคล้าน้ำตารอข้อความเหล่านั้นได้เป็นแรมเดือน
บางทีชีวิตจริงไม่ได้จบได้สวยเหมือนดั่งภาพยนตร์
จนกว่าตอนสุดท้ายของบทละครจะคลี่คลาย
จะมีความหมายสักแค่ไหนถ้าความรักนั้นไม่มีอยู่จริง
แต่ทว่าความล่าช้ามักแฝงไปด้วยความสวยงาม
จดหมายของต้นถูกร้อยเรียงด้วยคำถ้อยที่มาจากหัวใจ
ลายมือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล
ทำให้การรับสารนั้นเป็นได้มากกว่าการใช้สองตาเพ่งอ่าน
ต่างจากในปัจจุบันที่ตัวอักษรทุกตัวใช้ฟอนต์เดียวกันไปหมด
ข้อความในนั้นจึงไม่ต่างอะไรที่ผู้รับสารต้องแปลความหมายด้วยตัวเอง
10 ปีให้หลังเมื่อโลกเปลี่ยนแปลง
ความสะดวกสบายเข้ามาครอบงำจนทำให้ดินสอและปากกาไร้ความหมาย
เมื่อกระดาษสมุดไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
แป้นพิมพ์สำเร็จรูปถูกนำมาใช้ทดแทนการเขียน
การสื่อสารแบบใหม่เกิดขึ้นด้วยการใช้เพียงนิ้วมือแบนๆกดลงไป
ในอนาคตอันใกล้กำลังมีการพัฒนาระบบปฏิบัติการ
ที่สามารถรองรับการเขียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเสียงของมนุษย์
เพียงแค่พ่นคำพูดลงไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ไมโครโฟนจะแปลงสัญญาณเสียงนั้นให้กลายเป็นจดหมายรักฉบับทันสมัย
ธีโอดอร์คือหนึ่งในตัวแทนของโลกอนาคตนั้น
โลกที่มนุษย์ต้องการหลีกหนีจากสังคมที่วุ่นวาย
เพียงต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับความเหงา
โลกที่ระบบปฏิบัติการสามารถอำนวยความสะดวกได้ทุกเรื่อง
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง
รัก(ให้)ดังฟัง(ให้)ชัด จะเป็นเพื่อนใหม่ในโลกอนาคตของพวกเรา
ธีโอดอร์จากภาพยนตร์เรื่อง Her ก็ไม่แตกต่างกับต้นใน The Letter
จดหมายเป็นตัวแทนของความรักที่เขาทั้งคู่ส่งมอบให้กับคนรัก
แม้ธีโอดอร์เป็นแค่นักเขียนจดหมายรัก
เพื่อส่งต่อความรู้สึกให้คู่รักบนโลกโซเชียล
เขาใช้ประสบการณ์ด้านความรักของเขาบ่นออกมาเป็นคำพูด
ความหมายที่ลึกซึ้งดึงดูดให้ลูกค้าหลายรายเข้ามาใช้บริการของเขา
แต่กลับกันที่ชีวิตรักจริงๆกลับล่มไม่เป็นท่า
เมื่อคนเขียนจดหมายรักไม่มีความรักที่แท้จริง
ความเหงาจึงเข้ามาแทรกซึม
ธีโอดอร์จึงเริ่มปกปิดตัวเองจากโลกที่เป็นอยู่
เขาหันมาคบหากับระบบปฏิบัติการเสียงหวานที่อยู่ใกล้ชิด
นั่นเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้หนุ่มในโลกอนาคตอย่างเขา
เกิดหลงรักเสียงในระบบปฏิบัติการอย่างซาแมนธา
เมื่อมีความรักย่อมมีอุปสรรคให้ร่วมฟันฝ่า
ความรักของคนสองคนย่อมมีอุปสรรค
ความรักของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการก็มีอุปสรรคเช่นกัน
แม้ระบบจะไม่มีอายุขัยไม่มีการแสดงออกทางอารมณ์
แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งระบบก็ต้องถูกอัพเกรดให้เปลี่ยนไปเช่นกัน
ความเหงากำลังก่อตัวขึ้นบนโลกโซเชียล
บนโลกที่ทุกคนต่างก้มหน้ามองจอตลอดเวลา
การสื่อสารผ่านโลกไซเบอร์ถูกนำมาแทนที่การพบเจอ
และสติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึกได้ดีกว่าการมองตา
บางทีเราอาจจะตกหลุมรักความน่าอัศจรรย์ของระบบปฏิบัติการเข้าสักวัน
ต้นจากภาพยนตร์ The Letter เป็นตัวแทนของความรักในช่วงอดีต
ความรักที่เชื่องช้าก่อให้เกิดรูปแบบความสัมพันธ์ที่คงทน
จดหมายรักฉบับลายมือยังคงแสดงความรู้สึกของผู้เขียนได้ดี
ธีโอดอร์ใน Her เป็นตัวแทนของความเหงาในโลกอนาคต
โลกที่เคยกลมกำลังถูกบีบให้เหลือเพียงกรอบสี่เหลี่ยมบนมือถือ
ความรัก ความเข้าใจ ความผูกพัน เกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า
บางทีหน้าต่างหัวใจบานนี้อาจจะกำลังถูกปิดด้วยฝ่ามือ
เมื่อความเหงาได้เข้ามาแทรกซึมและเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต
จดหมายรักฉบับใหม่ถูกตีตราด้วยตัวอักษรไม่ใช่ความรู้สึก
การส่งสารดูรวดเร็วเกินกว่าการสั่งสมให้ความผูกพัน
ก่อตัว
หากความสัมพันธ์ที่เราต้องการไม่ใช่แค่เพียงสัญญาชั่วข้ามคืน
ความรักนั้นคือสิ่งที่เราต้องสานต่อด้วยกันตลอดไป
จดหมายรักเป็นดั่งตัวแทนของความคิดถึงที่อยู่แสนไกล
หากวันนี้เรามีกันอยู่ใกล้ๆข้อความเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
เพียงเงยหน้ามาคุยกัน
รักนั้นจะดังและฟังชัดกว่าที่เคยเป็นมา
The Letter & Her
เลยนึกอยากเขียนเรื่องราว "ความรัก" ที่ทั้งสองเรื่องนำเสนอคล้ายกัน
นี่ไม่ใช่การ review ภาพยนตร์ หรือ การเปรียบเทียบใดๆ
เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนที่ร้อยเรียงมาเพื่อต้อนรับเดือนแห่งความรัก
หากผิดพลาดประการใด เชิญติชมได้ตามอัธยาศัยและไมตรี
::: จดหมายรัก :::
ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
เป็นที่น่าสังเกตว่าวงการภาพยนตร์หนังรักมักจะเริ่มคึกคัก
กลิ่นไอของดอกรักสีชมพูกำลังเบ่งบาน
พร้อมกับชูช่อส่งกลิ่นหอมหวลอบอวลกันถ้วนหน้า
ไม่เว้นแม้กระทั่งภาพยนตร์หลายเรื่องที่ห่างหายไปจากจอนานแล้ว
ก็ถูกนำมาต่อคิวเรียงฉายกันในจอแก้วตลอดทั้งเดือนแห่งความรักนี้
ฤดูหนาวกำลังจะผ่านไป
ฤดูแห่งความรักกำลังจะผ่านมา
ผมคิดประโยคนี้ได้หลังจากซาบซึ้งกับเรื่องราวของต้นและดิว
ในภาพยนตร์จดหมายรักฉบับเก่าที่ถูกนำมารีรันใหม่ในเช้าวานนี้
หากตอนจบของเรื่องทำให้ใครต่อใครชวนบ่นจนท่อน้ำตาแตก
จดหมายรักที่ไม่สมหวังกำลังผูกมัดให้ผู้ชมเชื่อ
ข้อความที่ล่าช้าดูเหมือนจะทำให้การดำเนินเรื่องดูสบายตาและน่าลุ้น
แต่กลับกันที่จดหมายรักฉบับนี้
ไม่สามารถการันตีความรวดเร็วให้การส่งถึง
ใครกันจะนั่งทนเศร้าเคล้าน้ำตารอข้อความเหล่านั้นได้เป็นแรมเดือน
บางทีชีวิตจริงไม่ได้จบได้สวยเหมือนดั่งภาพยนตร์
จนกว่าตอนสุดท้ายของบทละครจะคลี่คลาย
จะมีความหมายสักแค่ไหนถ้าความรักนั้นไม่มีอยู่จริง
แต่ทว่าความล่าช้ามักแฝงไปด้วยความสวยงาม
จดหมายของต้นถูกร้อยเรียงด้วยคำถ้อยที่มาจากหัวใจ
ลายมือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล
ทำให้การรับสารนั้นเป็นได้มากกว่าการใช้สองตาเพ่งอ่าน
ต่างจากในปัจจุบันที่ตัวอักษรทุกตัวใช้ฟอนต์เดียวกันไปหมด
ข้อความในนั้นจึงไม่ต่างอะไรที่ผู้รับสารต้องแปลความหมายด้วยตัวเอง
10 ปีให้หลังเมื่อโลกเปลี่ยนแปลง
ความสะดวกสบายเข้ามาครอบงำจนทำให้ดินสอและปากกาไร้ความหมาย
เมื่อกระดาษสมุดไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
แป้นพิมพ์สำเร็จรูปถูกนำมาใช้ทดแทนการเขียน
การสื่อสารแบบใหม่เกิดขึ้นด้วยการใช้เพียงนิ้วมือแบนๆกดลงไป
ในอนาคตอันใกล้กำลังมีการพัฒนาระบบปฏิบัติการ
ที่สามารถรองรับการเขียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเสียงของมนุษย์
เพียงแค่พ่นคำพูดลงไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ไมโครโฟนจะแปลงสัญญาณเสียงนั้นให้กลายเป็นจดหมายรักฉบับทันสมัย
ธีโอดอร์คือหนึ่งในตัวแทนของโลกอนาคตนั้น
โลกที่มนุษย์ต้องการหลีกหนีจากสังคมที่วุ่นวาย
เพียงต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับความเหงา
โลกที่ระบบปฏิบัติการสามารถอำนวยความสะดวกได้ทุกเรื่อง
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง
รัก(ให้)ดังฟัง(ให้)ชัด จะเป็นเพื่อนใหม่ในโลกอนาคตของพวกเรา
ธีโอดอร์จากภาพยนตร์เรื่อง Her ก็ไม่แตกต่างกับต้นใน The Letter
จดหมายเป็นตัวแทนของความรักที่เขาทั้งคู่ส่งมอบให้กับคนรัก
แม้ธีโอดอร์เป็นแค่นักเขียนจดหมายรัก
เพื่อส่งต่อความรู้สึกให้คู่รักบนโลกโซเชียล
เขาใช้ประสบการณ์ด้านความรักของเขาบ่นออกมาเป็นคำพูด
ความหมายที่ลึกซึ้งดึงดูดให้ลูกค้าหลายรายเข้ามาใช้บริการของเขา
แต่กลับกันที่ชีวิตรักจริงๆกลับล่มไม่เป็นท่า
เมื่อคนเขียนจดหมายรักไม่มีความรักที่แท้จริง
ความเหงาจึงเข้ามาแทรกซึม
ธีโอดอร์จึงเริ่มปกปิดตัวเองจากโลกที่เป็นอยู่
เขาหันมาคบหากับระบบปฏิบัติการเสียงหวานที่อยู่ใกล้ชิด
นั่นเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้หนุ่มในโลกอนาคตอย่างเขา
เกิดหลงรักเสียงในระบบปฏิบัติการอย่างซาแมนธา
เมื่อมีความรักย่อมมีอุปสรรคให้ร่วมฟันฝ่า
ความรักของคนสองคนย่อมมีอุปสรรค
ความรักของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการก็มีอุปสรรคเช่นกัน
แม้ระบบจะไม่มีอายุขัยไม่มีการแสดงออกทางอารมณ์
แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งระบบก็ต้องถูกอัพเกรดให้เปลี่ยนไปเช่นกัน
ความเหงากำลังก่อตัวขึ้นบนโลกโซเชียล
บนโลกที่ทุกคนต่างก้มหน้ามองจอตลอดเวลา
การสื่อสารผ่านโลกไซเบอร์ถูกนำมาแทนที่การพบเจอ
และสติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึกได้ดีกว่าการมองตา
บางทีเราอาจจะตกหลุมรักความน่าอัศจรรย์ของระบบปฏิบัติการเข้าสักวัน
ต้นจากภาพยนตร์ The Letter เป็นตัวแทนของความรักในช่วงอดีต
ความรักที่เชื่องช้าก่อให้เกิดรูปแบบความสัมพันธ์ที่คงทน
จดหมายรักฉบับลายมือยังคงแสดงความรู้สึกของผู้เขียนได้ดี
ธีโอดอร์ใน Her เป็นตัวแทนของความเหงาในโลกอนาคต
โลกที่เคยกลมกำลังถูกบีบให้เหลือเพียงกรอบสี่เหลี่ยมบนมือถือ
ความรัก ความเข้าใจ ความผูกพัน เกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า
บางทีหน้าต่างหัวใจบานนี้อาจจะกำลังถูกปิดด้วยฝ่ามือ
เมื่อความเหงาได้เข้ามาแทรกซึมและเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต
จดหมายรักฉบับใหม่ถูกตีตราด้วยตัวอักษรไม่ใช่ความรู้สึก
การส่งสารดูรวดเร็วเกินกว่าการสั่งสมให้ความผูกพัน
ก่อตัว
หากความสัมพันธ์ที่เราต้องการไม่ใช่แค่เพียงสัญญาชั่วข้ามคืน
ความรักนั้นคือสิ่งที่เราต้องสานต่อด้วยกันตลอดไป
จดหมายรักเป็นดั่งตัวแทนของความคิดถึงที่อยู่แสนไกล
หากวันนี้เรามีกันอยู่ใกล้ๆข้อความเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
เพียงเงยหน้ามาคุยกัน
รักนั้นจะดังและฟังชัดกว่าที่เคยเป็นมา