Timeline : จดหมายความทรงจำ - (ถือเป็นหนังไทยที่ดูดีที่สุด ณ ช่วงเวลานี้) แต่บทหนังไม่ฉลาดพอที่จะดึงศักยภาพของนักแสดงออกมาให้มากกว่านี้ ช่วงครึ่งแรกของหนังโคตรง่วงเพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ น่ารำคาญ โดยเฉพาะกับความโง่ของตัวละครอย่างแทน หนังมามีดีช่วง 20 นาทีท้าย คำโปรยบนโปสเตอร์ไม่สอดคล้องกับเนื้อหาที่นำเสนอ หนังเล่าผ่านมุมมองของแทนมากเกินไป โดยที่ให้เวลากับตัวละครของจูนในการแสดงออกความรู้สึกน้อยมาก ทั้งๆ ที่มันควรถูกทำให้โดดเด่นด้วยกันทั้งคู่ ถ้าไม่มีป๊อก ปิยธิดา & เต้ย จรินทร์พร หนังจะไม่มีความสดใสเลยทั้งเรื่อง (รอยยิ้มของทั้งคู่ทำให้โลกดูสดใสเป็นสีชมพู) สุดท้าย Timeline ก็แค่หนังรักวัยรุ่นทั่วไปธรรมดาๆ ที่อิ่มเอมมีดีแค่ช่วงท้าย แต่ขาดความซาบซึ้งของตัวละครที่เทียบกันไม่ติดกับ The Letter : จดหมายรัก


I, Frankenstein - เล่าเรื่องได้เชยสะบัดไร้รสชาติมากถึงมากที่สุด แต่ก็มีส่วนดีด้านงาน Effect ที่ๆ เหลือมันดูธรรมดาไปไม่โอสักอย่าง ส่วน 3D ก็แค่คำโปรโมท

The Wolf of Wall Street - หนังมันโคตรห่าม บ้า และมีเสน่ห์โคตร Leo แสดงพลังถึงลูกบ้าได้เว่อร์เกิน จัดหนักทุกฉาก มีครบทุกอารมณ์ แนวคิดของหนังเจ๋งแฮะ

กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้ - หนังดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ได้เรื่องความสดใสเข้ามาแทนที่ สัดส่วนโดยรวมของหนังเน้นพาร์ทวัยรุ่นเยอะไป ดูๆ แล้วเหมือนดูหนังหลายเรื่องผสมกันในเรื่องเดียว

All Is Lost - การแสดงของ Robert Redford ไม่เป็นสองรองใคร เล่นจริง เจ็บจริง สำลักน้ำจริง เล่าเรื่องได้สมจริงและฉลาดมาก ทั้งบีบคั้นในอารมณ์และหดหู่จะเป็นจะตายมาก เทพจริงขอคารวะ

Her - ความรักไม่มีพรมแดน (แต่มันมีข้อจำกัดในตัวมันเอง) เล่าเรื่องปรัชญารักไซไฟได้ล้ำมาก (จนคนบางคนอาจเข้าไม่ถึง) เนื้อหาหนังกระแทกเข้ากลางใจคนเหงาแบบสุดๆ + กับการแสดงของ Joaquin Phoenix ที่ทำเอาล่องลอย เลือนลาง เคว้งคว้าง เลื่อนลอยแบบหลุดโลก ความรักมันยิ่งใหญ่และเจ็บมากจริงๆ

Paranormal Activity: The Marked Ones - บิ้วอารมณ์ทีละนิด ทีละช็อตแล้วจัดหนักในช่วงท้าย โดยเฉพาะ 30 นาทีท้ายของหนัง มาเต็มเสมอทุกภาคไม่เคยขาด ชอบที่หนังวางแนวทางไว้ชัดเจนและมีความแน่นอนต่อรูปแบบในการนำเสนอไม่เคยเปลี่ยน

สีเรียงเซียนโต๊ด - ฮาบ้างแป๊กบ้างเป็นปกติ แสบๆ เกรียนๆ พอคั่นเวลาเหงาได้ ไม่ถึงขั้นดีมากมาย แตก็ไม่ได้แย่นักจนต้องเดินออกจากโรง นักแสดงเล่นดีกันทุกคนเวลารับส่งมุข จะมีก็แต่ โจ๊ก อัครินทร์ เท่านั้นที่บุคลิกดูน่ารำคาญ และไม่เข้าพวก

The Necessary Death of Charlie Countryman - มันเป็น MV เพลงที่มีความยาวประมาณ 100 นาที มุมภาพสวยๆ อาร์ทๆ พระเอกโชว์แมนทำเท่ต่อหน้าสาว และสุดท้ายก็ Happy Ending ซึ่งเนื้อหาหนังจริงๆ คือ "การตามหารักแท้" แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูเป็นรักแท้ที่ดูเหมือนจับสลากได้มามากกว่า หนังทั้งสับสน หลงทาง ไม่ชัดเจน ชวนงงมาก

The Legend of Hercules - เทพเจ้ากรีกแบบฉบับมาไวไปไว ถ้าขัดเกลาบทให้ดีกว่านี้สักนิดหนังน่าจะไปได้ไกลมากกว่านี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าแค่นี้ก็ถือว่าโอแล้ว กับหนังต้นทุนต่ำที่งานดูดีสมกับระดับของหนัง ถึงไม่เจ๋งเหมือนกับหนังฟอร์มยักษ์ซัมเมอร์ แต่หนังเรื่องนี้ก็มีดีพอตัว

Nurse 3-D - หนังดูสนุกกว่าที่คิด เลือดสาดพอประมาณเร้าใจพอใช้ได้ มีฉากเซอร์วิสบ้าง 3D แจ่มตามทะลุทะลวงดี Paz de la Huerta รับบทเป็นคนจิตๆ ที่ดูจิตจริงๆ ทุกอย่างให้หมดทั้งบุคลิกท่าทาง การแสดง น้ำเสียง และหน้าตา

Venus in Fur - R.Polanski เป๊ะเนียนเว่อร์ทุกฉากทุกองศา แสดงกันแค่ 2 คนแต่พวกเขาเอาอยู่ มันต้องมนต์สะกดสายตามาก ทั้งลึกลับน่าหลงใหลปนชวนพิศวง ทุกอย่างดูลงตัวตั้งแต่ฉากเริ่มจนถึงจบ

ตายโหง ตายน - สั้นๆ เบาๆ แย่สุดทีนจริงๆ !!! อาการหนักสาหัสทั้งเรื่อง ซาวด์น่ารำคาญสุดๆ หนังมีดีแค่กอล์ฟและโดนัทเท่านั้นที่พอจะเป็นหน้าตาเชิดชูให้กับหนังได้ ดูจบมาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า ก็ยังไม่เข้าใจว่ากับบทกรี๊ดบนรถตู้ มันชวนให้น่าสนใจจนต้องรับเล่นตรงไหนกัน น้องใบเฟิร์น ???