ก่อนอื่นขอเล่าความเป็นมา ต้นตอปัญหาให้ฟังสัดนิดก่อนะครับ ทนอ่านสักนิดนะครับ เพราะเป็นเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยาย (ปัญหาข้อสอบถามอยู่ล่างสุดครับ)
เนื่องจากขณะนี้ทางวัดผม (วัดอยู่ในต่าง จว. นะครับ) กำลังโดนอดีตกรรการวัดคนหนึ่ง ที่โดนปลดออกเนื่องจากขณะที่เป็นกรรมการวัดได้ประพฤติตนไม่ถูกต้องตามศีลและธรรมหลายอย่าง เช่นนำที่ดินของวัดหลายไร่ ไปขุดบ่อเลี้ยงกุ้ง โดนอ้างว่าเก็บไว้เป็นที่ดินเปล่าไม่เกิดประโยชน์อะไร และให้ลูกหลานตนเองและคนใกล้ชิดเช่าบ่อเรื่อยมาโดยตนเองเป็นคนเก็บค่าเช่าและเบิกจ่ายเอง แต่ดอกผลไม่ทราบที่ไป และนำเงินของวัดที่ได้จากการบริจาคไปปล่อยกู้แก่ชาวบ้าน ดอกร้อยละ 3 บาทโดยตนเองเป็นคนดูแลอีกกัน โดยท่านอดีตเจ้าอาวาสรูปก่อน ซึ่งขณะนั้นท่านชราภาพมากแล้ว และมีอาพาธมาก เคยพูกและห้ามหลายครั้ง ทั้งไม่เคยเห็นด้วย แม้จะขุดที่ดินวัดเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งก็ไม่ให้ทำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะกรรมการคนนี้เป็นคนมีอิทธิพล ชาวบ้านหวาดกลัวไม่ค่อยมีใครกล้าพูด กล้าห้าม หรือลุกขึ้นปกป้องสมบัติวัด เพราะไม่อยากเดือดร้อน บ้างก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องไม่ใช่สมบัติของตน ส่วนคนที่เป็นห่วงวัดก็ทำอะไรไม่ได้มากได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรม
จวบจนอดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนมรณภาพ เจ้าอาวาสองค์ใหม่มา เป็นพระหนุ่ม ก็อยากเปลี่ยนแปลงวัด ให้เป็นไปในทางที่ดี ถูกศีลถูกธรรม โดยในช่วง 3 ปีแรกก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะหลายๆอย่างอยู่ที่การดูแลของคณะกรรมการคนนี้เป็นผู้ชี้ขาด จวบจนวันหนึ่งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ทนเห็นวัดดำเนินไปตามนโยบายหาแต่เงินผิดๆของกรรมการท่านนี้ไม่ไหว ก็ได้ตัดสินใจ(เสี่ยงตาย) นอนคิดอยู่หลายเดือนหลายคืน จึงได้ใช้อำนาจเจ้าอาวาสทำหนังสือถึงกรรการคนนี้ให้หยุดนำที่ดินวัดไปให้ผู้อื่นเช่าเลี้ยงกุ้ง โดยให้ระยะเวลา1ปีต้องหยุดเลี้ยง โดยให้เหตุผลว่าผิดศีลและไม่เป็นที่ศรัทธาของผู้พบเห็น และให้หยุดนำเงินของวัดไปปล่อยกู้ โดยทางวัดขอเรียกเงินคืนโดยขอเฉพาะเงินต้น ที่มีทั้งหมด เพื่อนำไปซ่อมแซมอุโบสถที่ชำรุด โดยให้ระยะเวลา 90 วัน ได้ผลครับไม่มีการกู้ต่อ แต่วัดก็ไม่ได้เงินคืนเช่นกัน เพราะบัญชีแรกมีประมาณ 3-4 แสนเขาอ้างว่าอดีตเจ้าอาวาสให้เขาดูแลเขาเลยเก็บไว้ดูแลเอง ส่วนอีกบัญชีไม่ทราบจำนวนเงินที่ให้ชาวบ้านกู้ไป อันนี้สูญครับ เพราะวัดไม่ได้ไปตามทวง ที่ให้ก็ได้ไม่ไม่ให้ก็สูญ แต่ทางวัดเมตตาคิดว่าบริจาคให้โยมไปแล้วกัน
แต่แม้ไม่ได้เงินของวัดคืนทั้งหมด แต่ชาวบ้านและเจ้าอาวาสดีใจมากครับ เหมือนเป็นไท ที่หยุดการเลี้ยงกุ้งในเขตวัด และหยุดเอาเงินวัดไปปล่อยกู้ได้ จนอย่างมีธรรม ดีกว่าอิ่มแล้วสิ้นดี
ผลจากหนังสือ 2 ฉบับนั้น. วัดเปลี่ยนแปลงไปครับ อุโบสถหลังเดิมสร้างเกือบร้อยปีที่ชำรุดมากเกือบพัง เจ้าอาวาสนำชาวบ้านสร้างใหม่ สร้างกุฏิเจ้าอาวาส ศาลาโรงธรรม และห้องน้ำ จากเดิมที่แม้มีเงินก็สร้างไม่ได้เพราะชาวบ้านยื้มหมด
แต่จากเหตุการ ยื่นหนังสือและปลดกรรมการคนนี้ออก ผ่านมา 5 ปีแล้ว ตลอดเวลาเจ้าอาวาสคนใหม่ไม่เคยอยู่สุขสบายอีกเลยนับแต่นั้น คือจะถูกแกล้ง ขัดขวาง ข่มเหงรังแกทำลายอะไรหลายๆอย่าง เท่าที่จะมีโอกาส เพื่อให้หนีไปหรือย้ายวัดไปเสีย หรือสุดท้ายถ้าตายไปได้ก็จะยิ่งดี (ตอนมีเรื่องใหม่ๆชาวบ้านกลัวเจ้าอาวาสโดนฆ่าตาย ต้องผลัดเปลี่ยนกันมานอนเฝ้า)
แต่เจ้าอาวาสท่านก็ไม่อยากย้ายไปไหน สงสารชาวบ้าน ชาวบ้านขอร้องไม่ให้ไป ขอให้อยู่ดูแลวัด นำพาญาติโยมปฏิบัติธรรม อีกทั้งท่านเจ้าอาวาสก็สงสารวัด เพราะกลัวคนชั่วจะมาหากินและครอบครองวัดอีก แต่ที่สุดของความหวัง คือ.จะอยู่เพื่อผดุงไว้ซึ่งความถูกต้อง แม้ต้องแลกด้วยชีวิต เพราะท่านเจ้าอาวาสคิดอยู่เสมอว่า ความดีต้องชนะความชั่ว ธรรมมะต้องชนะอธรรม
ชาวบ้านหลายๆคนก็อดทนด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจที่โดนข่มเหงรังแก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะกลัวอิทธิพลเขา ยุคนี้คนดีเดินตรอก คนดีก้มหน้า คนเสียสละถูกมองข้าม ท่านเจ้าอาวาสท่านก็ต้องอดทนมากที่สุดเพราะถือว่าสู้เพื่อวัด เพื่อให้โลกเห็นว่าทำดีต้องได้ดี
ในวันนี้กรรมการคนนี้ยังคงทำทุกอย่าง เพื่อสร้างความเสียหายให้กับวัด เพราะถือว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา พระเณรก็ต้องก้มหน้าอดทนกันต่อไป อยู่แบบอหิงสา เอาความดีเข้าตั้งรับ เอาศีลและธรรมเป็นกำแพงป้องกันตัว
ที่ท่านเจ้าอาวาสยังคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ใช่เพราะมีพระดีพระขลัง หรือมนต์วิเศษ คาถาอาคมอันใดปกป้อง หากแต่เป็นเพราะแรงศรัทธาจากคนใกล้ไกล ที่มีจำนวนมาก เป็นเกราะคุ้มกันภัย ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ณ วันนี้เขาเลยยังไม่กล้าทำอะไรรุนแรง แต่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ถ้าความโกรธในใจเขามีมากขึ้นจนมิอาจเห็นแสงสว่าง คือหิริโอตัปปะ ส่องในใจอีกแล้ว วันนั้นอาจเป็นสุดท้ายของชีวิตท่านเจ้าอาวาสก็ได้ แต่ถ้าตายเพื่อพระพุทธศาสนา และความถูกต้อง ท่านก็คงยินดีที่จะตายอยู่บนการกระทำที่เรียกว่า "เสียสละ"
ความเป็นห่วงอย่างเดียวที่ท่านเป็นห่วงคือสมบัติของพระพุทธศานา สมบัติของวัด ถ้าได้ทำให้ถูกต้องเป็นของวัดแล้ว ถ้าจะต้องตายก็ยินดี ชีวิตนี้ขออุทิศแด่พระพุทธศาสนา
*******************************************************************
เล่ามาซะยาว ขอสอบถามนะครับ
ที่ดินวัดแปลงหนึ่ง เดิมเป็น สค.1 ออกมาตั้งแต่ปี 2498 จนเมื่อปี พ.ศ.2520 มีครูคนหนึ่งมาเป็น ผอ. ร.ร. ที่วัดแห่งนี้ แอบออกเอกสาร นส.3 ทับซ้อนที่ดินแปลง สค.1 เดิมของวัด
เมื่อวัดรู้ก็ไปทวงคืนแต่เขาไม่ให้ อดีตเจ้าอาวาสก็เลยของซื้อคืนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่โอนไม่ได้เพราะเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน คือ สค.1 เดิม และ นส.3 ที่พึ่งออกมาทีหลัง ครูคนนี้เลยทำหนังสือยกที่ดินให้วัด โดยให้ถ้อยคำไว้ที่ ส.น.ง. ที่ดิน และเรื่องค้างอยู่เช่นนั้นจน อดีตเจ้าอาวาสตาย
ผ่านมาสิบปีปรากฏว่าครูคนนี้เปลี่ยนใจไปแอบโอนยกให้ลูก ทางเจ้าอาวาสองค์ใหม่มา เมื่อทราบก็ไปทวงคืน ตอนแรกเขาไม่ให้ แต่พอทางวัดบอกจะฟ้องร้องเขาก็จะโอนกลับให้ แต่ยังไม่ได้โอนเพราะติดปัญหาที่ดินทับซ้อนกัน เลยทำหนังสือยกให้ ไว้ที่ ส.น.ง.ที่ดิน
ผ่านไป 2 ปี หลังจากยกให้วัด มาวันนี้ลูกครูโกงดินวัดเปลี่ยนใจอีกแล้ว เพราะอดีตกรรมการคนเดียวกับที่ขุดบ่อกุ้งปล่อยเงินกู้ ไปโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ ให้ยกเลิกคำร้องยกที่ดินให้วัด และเมื่อ 2 วันที่แล้วเขาก็ไปยกเลิกคำร้องยกที่ดิน น.ส.3 ให้วัด
ทางวัดเลยเกิดปัญหาเลยครับตอนนี้ เพราะพระเณรบ้านนอกไม่มีใครรู้กฏหมายเลย ว่าจะไปฟ้องร้องใคร ขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่อยากเสียดินวัดไปนะครับ ดินแปลงนี้วัดใช้ประโยชน์มานานมากแล้ว มีทั้งเมรุ ศาลา หลวงตาไปปลูกต้นโพธิ์ไว้เต็มไปหมด เพราะถ้าเขาได้ไปเขาก็จะขุดดินไปขายกันซึ่งจะได้เงินมากมาย
ปล. ขอความเมตตาจากผู้รู้และนักกฏหมายแนะนำทีนะครับ ว่าจะทำอย่างไร วันนี้บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านทั้งหลายโปรดเมตตาด้วยครับ
มีข้อสอบถามอันยิ่งใหญ่ ปัญหาเรื่องที่ดินวัด ตอนนี้ไม่รู้จะพึ่งใคร ขอคำแนะนำด้วยครับ
เนื่องจากขณะนี้ทางวัดผม (วัดอยู่ในต่าง จว. นะครับ) กำลังโดนอดีตกรรการวัดคนหนึ่ง ที่โดนปลดออกเนื่องจากขณะที่เป็นกรรมการวัดได้ประพฤติตนไม่ถูกต้องตามศีลและธรรมหลายอย่าง เช่นนำที่ดินของวัดหลายไร่ ไปขุดบ่อเลี้ยงกุ้ง โดนอ้างว่าเก็บไว้เป็นที่ดินเปล่าไม่เกิดประโยชน์อะไร และให้ลูกหลานตนเองและคนใกล้ชิดเช่าบ่อเรื่อยมาโดยตนเองเป็นคนเก็บค่าเช่าและเบิกจ่ายเอง แต่ดอกผลไม่ทราบที่ไป และนำเงินของวัดที่ได้จากการบริจาคไปปล่อยกู้แก่ชาวบ้าน ดอกร้อยละ 3 บาทโดยตนเองเป็นคนดูแลอีกกัน โดยท่านอดีตเจ้าอาวาสรูปก่อน ซึ่งขณะนั้นท่านชราภาพมากแล้ว และมีอาพาธมาก เคยพูกและห้ามหลายครั้ง ทั้งไม่เคยเห็นด้วย แม้จะขุดที่ดินวัดเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งก็ไม่ให้ทำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะกรรมการคนนี้เป็นคนมีอิทธิพล ชาวบ้านหวาดกลัวไม่ค่อยมีใครกล้าพูด กล้าห้าม หรือลุกขึ้นปกป้องสมบัติวัด เพราะไม่อยากเดือดร้อน บ้างก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องไม่ใช่สมบัติของตน ส่วนคนที่เป็นห่วงวัดก็ทำอะไรไม่ได้มากได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรม
จวบจนอดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนมรณภาพ เจ้าอาวาสองค์ใหม่มา เป็นพระหนุ่ม ก็อยากเปลี่ยนแปลงวัด ให้เป็นไปในทางที่ดี ถูกศีลถูกธรรม โดยในช่วง 3 ปีแรกก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะหลายๆอย่างอยู่ที่การดูแลของคณะกรรมการคนนี้เป็นผู้ชี้ขาด จวบจนวันหนึ่งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ทนเห็นวัดดำเนินไปตามนโยบายหาแต่เงินผิดๆของกรรมการท่านนี้ไม่ไหว ก็ได้ตัดสินใจ(เสี่ยงตาย) นอนคิดอยู่หลายเดือนหลายคืน จึงได้ใช้อำนาจเจ้าอาวาสทำหนังสือถึงกรรการคนนี้ให้หยุดนำที่ดินวัดไปให้ผู้อื่นเช่าเลี้ยงกุ้ง โดยให้ระยะเวลา1ปีต้องหยุดเลี้ยง โดยให้เหตุผลว่าผิดศีลและไม่เป็นที่ศรัทธาของผู้พบเห็น และให้หยุดนำเงินของวัดไปปล่อยกู้ โดยทางวัดขอเรียกเงินคืนโดยขอเฉพาะเงินต้น ที่มีทั้งหมด เพื่อนำไปซ่อมแซมอุโบสถที่ชำรุด โดยให้ระยะเวลา 90 วัน ได้ผลครับไม่มีการกู้ต่อ แต่วัดก็ไม่ได้เงินคืนเช่นกัน เพราะบัญชีแรกมีประมาณ 3-4 แสนเขาอ้างว่าอดีตเจ้าอาวาสให้เขาดูแลเขาเลยเก็บไว้ดูแลเอง ส่วนอีกบัญชีไม่ทราบจำนวนเงินที่ให้ชาวบ้านกู้ไป อันนี้สูญครับ เพราะวัดไม่ได้ไปตามทวง ที่ให้ก็ได้ไม่ไม่ให้ก็สูญ แต่ทางวัดเมตตาคิดว่าบริจาคให้โยมไปแล้วกัน
แต่แม้ไม่ได้เงินของวัดคืนทั้งหมด แต่ชาวบ้านและเจ้าอาวาสดีใจมากครับ เหมือนเป็นไท ที่หยุดการเลี้ยงกุ้งในเขตวัด และหยุดเอาเงินวัดไปปล่อยกู้ได้ จนอย่างมีธรรม ดีกว่าอิ่มแล้วสิ้นดี
ผลจากหนังสือ 2 ฉบับนั้น. วัดเปลี่ยนแปลงไปครับ อุโบสถหลังเดิมสร้างเกือบร้อยปีที่ชำรุดมากเกือบพัง เจ้าอาวาสนำชาวบ้านสร้างใหม่ สร้างกุฏิเจ้าอาวาส ศาลาโรงธรรม และห้องน้ำ จากเดิมที่แม้มีเงินก็สร้างไม่ได้เพราะชาวบ้านยื้มหมด
แต่จากเหตุการ ยื่นหนังสือและปลดกรรมการคนนี้ออก ผ่านมา 5 ปีแล้ว ตลอดเวลาเจ้าอาวาสคนใหม่ไม่เคยอยู่สุขสบายอีกเลยนับแต่นั้น คือจะถูกแกล้ง ขัดขวาง ข่มเหงรังแกทำลายอะไรหลายๆอย่าง เท่าที่จะมีโอกาส เพื่อให้หนีไปหรือย้ายวัดไปเสีย หรือสุดท้ายถ้าตายไปได้ก็จะยิ่งดี (ตอนมีเรื่องใหม่ๆชาวบ้านกลัวเจ้าอาวาสโดนฆ่าตาย ต้องผลัดเปลี่ยนกันมานอนเฝ้า)
แต่เจ้าอาวาสท่านก็ไม่อยากย้ายไปไหน สงสารชาวบ้าน ชาวบ้านขอร้องไม่ให้ไป ขอให้อยู่ดูแลวัด นำพาญาติโยมปฏิบัติธรรม อีกทั้งท่านเจ้าอาวาสก็สงสารวัด เพราะกลัวคนชั่วจะมาหากินและครอบครองวัดอีก แต่ที่สุดของความหวัง คือ.จะอยู่เพื่อผดุงไว้ซึ่งความถูกต้อง แม้ต้องแลกด้วยชีวิต เพราะท่านเจ้าอาวาสคิดอยู่เสมอว่า ความดีต้องชนะความชั่ว ธรรมมะต้องชนะอธรรม
ชาวบ้านหลายๆคนก็อดทนด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจที่โดนข่มเหงรังแก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะกลัวอิทธิพลเขา ยุคนี้คนดีเดินตรอก คนดีก้มหน้า คนเสียสละถูกมองข้าม ท่านเจ้าอาวาสท่านก็ต้องอดทนมากที่สุดเพราะถือว่าสู้เพื่อวัด เพื่อให้โลกเห็นว่าทำดีต้องได้ดี
ในวันนี้กรรมการคนนี้ยังคงทำทุกอย่าง เพื่อสร้างความเสียหายให้กับวัด เพราะถือว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา พระเณรก็ต้องก้มหน้าอดทนกันต่อไป อยู่แบบอหิงสา เอาความดีเข้าตั้งรับ เอาศีลและธรรมเป็นกำแพงป้องกันตัว
ที่ท่านเจ้าอาวาสยังคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ใช่เพราะมีพระดีพระขลัง หรือมนต์วิเศษ คาถาอาคมอันใดปกป้อง หากแต่เป็นเพราะแรงศรัทธาจากคนใกล้ไกล ที่มีจำนวนมาก เป็นเกราะคุ้มกันภัย ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ณ วันนี้เขาเลยยังไม่กล้าทำอะไรรุนแรง แต่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ถ้าความโกรธในใจเขามีมากขึ้นจนมิอาจเห็นแสงสว่าง คือหิริโอตัปปะ ส่องในใจอีกแล้ว วันนั้นอาจเป็นสุดท้ายของชีวิตท่านเจ้าอาวาสก็ได้ แต่ถ้าตายเพื่อพระพุทธศาสนา และความถูกต้อง ท่านก็คงยินดีที่จะตายอยู่บนการกระทำที่เรียกว่า "เสียสละ"
ความเป็นห่วงอย่างเดียวที่ท่านเป็นห่วงคือสมบัติของพระพุทธศานา สมบัติของวัด ถ้าได้ทำให้ถูกต้องเป็นของวัดแล้ว ถ้าจะต้องตายก็ยินดี ชีวิตนี้ขออุทิศแด่พระพุทธศาสนา
*******************************************************************
เล่ามาซะยาว ขอสอบถามนะครับ
ที่ดินวัดแปลงหนึ่ง เดิมเป็น สค.1 ออกมาตั้งแต่ปี 2498 จนเมื่อปี พ.ศ.2520 มีครูคนหนึ่งมาเป็น ผอ. ร.ร. ที่วัดแห่งนี้ แอบออกเอกสาร นส.3 ทับซ้อนที่ดินแปลง สค.1 เดิมของวัด
เมื่อวัดรู้ก็ไปทวงคืนแต่เขาไม่ให้ อดีตเจ้าอาวาสก็เลยของซื้อคืนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่โอนไม่ได้เพราะเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน คือ สค.1 เดิม และ นส.3 ที่พึ่งออกมาทีหลัง ครูคนนี้เลยทำหนังสือยกที่ดินให้วัด โดยให้ถ้อยคำไว้ที่ ส.น.ง. ที่ดิน และเรื่องค้างอยู่เช่นนั้นจน อดีตเจ้าอาวาสตาย
ผ่านมาสิบปีปรากฏว่าครูคนนี้เปลี่ยนใจไปแอบโอนยกให้ลูก ทางเจ้าอาวาสองค์ใหม่มา เมื่อทราบก็ไปทวงคืน ตอนแรกเขาไม่ให้ แต่พอทางวัดบอกจะฟ้องร้องเขาก็จะโอนกลับให้ แต่ยังไม่ได้โอนเพราะติดปัญหาที่ดินทับซ้อนกัน เลยทำหนังสือยกให้ ไว้ที่ ส.น.ง.ที่ดิน
ผ่านไป 2 ปี หลังจากยกให้วัด มาวันนี้ลูกครูโกงดินวัดเปลี่ยนใจอีกแล้ว เพราะอดีตกรรมการคนเดียวกับที่ขุดบ่อกุ้งปล่อยเงินกู้ ไปโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ ให้ยกเลิกคำร้องยกที่ดินให้วัด และเมื่อ 2 วันที่แล้วเขาก็ไปยกเลิกคำร้องยกที่ดิน น.ส.3 ให้วัด
ทางวัดเลยเกิดปัญหาเลยครับตอนนี้ เพราะพระเณรบ้านนอกไม่มีใครรู้กฏหมายเลย ว่าจะไปฟ้องร้องใคร ขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่อยากเสียดินวัดไปนะครับ ดินแปลงนี้วัดใช้ประโยชน์มานานมากแล้ว มีทั้งเมรุ ศาลา หลวงตาไปปลูกต้นโพธิ์ไว้เต็มไปหมด เพราะถ้าเขาได้ไปเขาก็จะขุดดินไปขายกันซึ่งจะได้เงินมากมาย
ปล. ขอความเมตตาจากผู้รู้และนักกฏหมายแนะนำทีนะครับ ว่าจะทำอย่างไร วันนี้บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านทั้งหลายโปรดเมตตาด้วยครับ