นี่เป็นการเขียนกระทู้แชร์หรือระบายความในใจครั้งแรกของฉันเลยก็ว่าได้ ในสภาวะการทำงานที่กดดันในสถานที่แห่งใหม่
ในวัฒณธรรมองค์กรใหม่ จนไม่รู้จะอธิบายยังไง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะระบายให้ใครฟังได้ มันอาจจะฟังดูงี่เง่า
ว่าทำไมเรื่องแค่นี้ถึงกับกดดันขนาดนั้นเชียวหรอ ไร้สาระน่ะ ใช่มันไร้สาระมากสำหรับคนอื่น แต่ในใจของฉันแล้ว
โคตรจะเฮงซวยเลยก็ว่าได้
เข้าใจอารมณ์มั้ย ที่เวลาเธอเจอคำพูดถากถาง ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่สวยรหรูประดิษฐ์คำเสียจนไม่นึกว่านี่
คำด่าหรอว่ะ และสายตาที่ดูแคลน
กดฉันให้ต่ำลง ทำให้ฉันรู้สึกตัวเล็กๆลงเรื่อยๆจนไม่เหลืออะไรให้ตัวเองภูมิใจในตัวเองเลย
ประสบการณ์การการทำงานที่เคยทำมาจากที่อื่นเป็นเเวลาหนึ่งปี มันใช้ไม่ได้เลยกับที่ทำงานใหม่แห่งนี้
แม้ว่าจะเป็นงานสายบริการเหมือนกันก็ตามที งานนี้เป็นอะไรที่ไร้สาระจุกจิกจู้จี้ขี้ปะติ๋ว อาจจะเป็นเพราะองค์กรที่เล็กดูแลได้ทั่วถึง
หรือเพราะเราชินกับองค์กรใหญ่ๆเกินไปหรืออาจจะเป็นเพราะเวลาเหลือจากการทำงานในแต่ละวันมันมากเกินไปทำให้
คนในที่ทำงาน
ว่างจากภาระกิจแล้วมายุ่งวุ่นวายกับฉันมากเกินไปจนทำให้ฉันเข้าสู่สภาวะถูกจับจ้องจนทำให้เกิดแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉันทำงานมาได้เกือบยี่สิบวันแล้ว ความรู้เรื่องใหม่เข้ามาในหัวอย่างไม่ขาดสาย มีแต่คนอยากสอนมีแต่คนอยากพูดแต่ไม่มีใครอยากฟังบ้างเลย
คนนี้จะสอนอันนี้ คนนั้นจะสอนอันนั้น ยัดเข้ามาในหัวพร้อมๆกัน พยายามที่จะเข้าใจ พยามที่จะจดจำทุกรายละเอียดที่สอน แต่
สมงสมองของฉันเหมือนไม่ทำตามพอให้ทำอันนั้น
ลืมอันนี้ พอให้ทำอันโน้น
ลืมอันนั้น พอมาถามกูอีกที ดีออกกูลืมไปแล้วสลัด ไม่ต้องเลยไม่ต้องสายตาเหยียดหยามพร้อมกับคำพูดถากถางนีทำให้สติหลุดจิตไม่ผสานสมาธิไม่โฟกัสอยู่ที่เนื้องานแล้วละตอนนั้น
และทุกครั้งที่เข้าทำงานฉันได้คิดอะไรได้หลายอย่างมาก มีแพลนที่จะสร้างอนาคต ต่างๆมากมายที่ ตัวเองเพื่อจะต้องไม่จมอยู่ที่นี่
เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ฮึดสู้กับงานที่ไม่หนักแต่ทำไม
ลำบากเหลือเกิน ฉันคิดที่จะลาออกทุกสิบห้านาที มีโปรเจ็คอยู่ในหัวตลอดเวลา ความคิดสร้างสรรค์วิ่งปรูดปร้าด ในโลกนี้คงไม่มีอะไรเหลือให้ฉันคิดอีกแล้วละมั้ง แต่พอเลิกงานกลับมาที่ห้อง โปรเจ็คต่างๆอะไรที่อยู่ในหัวเมื่อตอนกลางวันมันหายไปหมด ไฟใจตัวไม่ลุกฮือ มีแค่อย่างเดียวที่นำติดตัวกลับมาก็คือความนอยด์และน้ำตา โทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าฉันลาออกจากที่เดิมทำไมเงินก็ได้ตั้งเยอะกว่า เพื่อนร่วมงานก็น่ารักจริงใจกว่า แต่ก็พยายามที่จะคิดบวกว่าเราออกน่ะดีแล้วเพื่ออนาคตที่มั่นคงและประสบการณ์ใหม่ๆแต่สุดท้ายการคิดบวกก็ทำให้มีแรงสู้ขึ้นมาแค่นิดเดียวหลังจากนั้นมันก็หายไปอีก ความคิดเดิมๆกลับเข้ามาแทนที่สุดท้ายก็กลับมานอยด์อีกรอบ วันทั้งวันจะเป็นอย่างนี้สิบกว่ารอบจนตัวเองเบื่อที่จะทนอยู่กับสภาพอย่างนี้แทบอยากจะหนีไปบวชเลยด้วยซ้ำ ซักวันคงได้เป็นบ้าฟุ้งซ่านแน่ๆถ้าจะเป็นอยู่อย่างนี้ แต่อย่างไรซะฉันจะต้องอยู่ให้ได้หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้วนับประสาอะไรกะแค่นี้เขาก็คนเราก็คน เอ่อแต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็แค่ลาออกไปทำนาละวะ ถถถถถถ
ปล.และคุณละคะ? สมัยที่คุณเป็นเด็กใหม่ของที่ทำงาน คุณจำได้รึปล่าวว่าเคยรู้สึกอย่างไรบ้าง และผ่านจุดๆนั้นมาได้อย่างไร
ขอแค่พื้นที่ระบาย เด็กใหม่ในที่ทำงาน
ในวัฒณธรรมองค์กรใหม่ จนไม่รู้จะอธิบายยังไง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะระบายให้ใครฟังได้ มันอาจจะฟังดูงี่เง่า
ว่าทำไมเรื่องแค่นี้ถึงกับกดดันขนาดนั้นเชียวหรอ ไร้สาระน่ะ ใช่มันไร้สาระมากสำหรับคนอื่น แต่ในใจของฉันแล้วโคตรจะเฮงซวยเลยก็ว่าได้
เข้าใจอารมณ์มั้ย ที่เวลาเธอเจอคำพูดถากถาง ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่สวยรหรูประดิษฐ์คำเสียจนไม่นึกว่านี่คำด่าหรอว่ะ และสายตาที่ดูแคลน
กดฉันให้ต่ำลง ทำให้ฉันรู้สึกตัวเล็กๆลงเรื่อยๆจนไม่เหลืออะไรให้ตัวเองภูมิใจในตัวเองเลย
ประสบการณ์การการทำงานที่เคยทำมาจากที่อื่นเป็นเเวลาหนึ่งปี มันใช้ไม่ได้เลยกับที่ทำงานใหม่แห่งนี้
แม้ว่าจะเป็นงานสายบริการเหมือนกันก็ตามที งานนี้เป็นอะไรที่ไร้สาระจุกจิกจู้จี้ขี้ปะติ๋ว อาจจะเป็นเพราะองค์กรที่เล็กดูแลได้ทั่วถึง
หรือเพราะเราชินกับองค์กรใหญ่ๆเกินไปหรืออาจจะเป็นเพราะเวลาเหลือจากการทำงานในแต่ละวันมันมากเกินไปทำให้
คนในที่ทำงานว่างจากภาระกิจแล้วมายุ่งวุ่นวายกับฉันมากเกินไปจนทำให้ฉันเข้าสู่สภาวะถูกจับจ้องจนทำให้เกิดแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉันทำงานมาได้เกือบยี่สิบวันแล้ว ความรู้เรื่องใหม่เข้ามาในหัวอย่างไม่ขาดสาย มีแต่คนอยากสอนมีแต่คนอยากพูดแต่ไม่มีใครอยากฟังบ้างเลย
คนนี้จะสอนอันนี้ คนนั้นจะสอนอันนั้น ยัดเข้ามาในหัวพร้อมๆกัน พยายามที่จะเข้าใจ พยามที่จะจดจำทุกรายละเอียดที่สอน แต่สมงสมองของฉันเหมือนไม่ทำตามพอให้ทำอันนั้นลืมอันนี้ พอให้ทำอันโน้นลืมอันนั้น พอมาถามกูอีกที ดีออกกูลืมไปแล้วสลัด ไม่ต้องเลยไม่ต้องสายตาเหยียดหยามพร้อมกับคำพูดถากถางนีทำให้สติหลุดจิตไม่ผสานสมาธิไม่โฟกัสอยู่ที่เนื้องานแล้วละตอนนั้น
และทุกครั้งที่เข้าทำงานฉันได้คิดอะไรได้หลายอย่างมาก มีแพลนที่จะสร้างอนาคต ต่างๆมากมายที่ ตัวเองเพื่อจะต้องไม่จมอยู่ที่นี่
เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ฮึดสู้กับงานที่ไม่หนักแต่ทำไมลำบากเหลือเกิน ฉันคิดที่จะลาออกทุกสิบห้านาที มีโปรเจ็คอยู่ในหัวตลอดเวลา ความคิดสร้างสรรค์วิ่งปรูดปร้าด ในโลกนี้คงไม่มีอะไรเหลือให้ฉันคิดอีกแล้วละมั้ง แต่พอเลิกงานกลับมาที่ห้อง โปรเจ็คต่างๆอะไรที่อยู่ในหัวเมื่อตอนกลางวันมันหายไปหมด ไฟใจตัวไม่ลุกฮือ มีแค่อย่างเดียวที่นำติดตัวกลับมาก็คือความนอยด์และน้ำตา โทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าฉันลาออกจากที่เดิมทำไมเงินก็ได้ตั้งเยอะกว่า เพื่อนร่วมงานก็น่ารักจริงใจกว่า แต่ก็พยายามที่จะคิดบวกว่าเราออกน่ะดีแล้วเพื่ออนาคตที่มั่นคงและประสบการณ์ใหม่ๆแต่สุดท้ายการคิดบวกก็ทำให้มีแรงสู้ขึ้นมาแค่นิดเดียวหลังจากนั้นมันก็หายไปอีก ความคิดเดิมๆกลับเข้ามาแทนที่สุดท้ายก็กลับมานอยด์อีกรอบ วันทั้งวันจะเป็นอย่างนี้สิบกว่ารอบจนตัวเองเบื่อที่จะทนอยู่กับสภาพอย่างนี้แทบอยากจะหนีไปบวชเลยด้วยซ้ำ ซักวันคงได้เป็นบ้าฟุ้งซ่านแน่ๆถ้าจะเป็นอยู่อย่างนี้ แต่อย่างไรซะฉันจะต้องอยู่ให้ได้หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้วนับประสาอะไรกะแค่นี้เขาก็คนเราก็คน เอ่อแต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็แค่ลาออกไปทำนาละวะ ถถถถถถ
ปล.และคุณละคะ? สมัยที่คุณเป็นเด็กใหม่ของที่ทำงาน คุณจำได้รึปล่าวว่าเคยรู้สึกอย่างไรบ้าง และผ่านจุดๆนั้นมาได้อย่างไร