เชื่อว่าทุกๆคนก็ต้องโกหกกันบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งการโกหกแน่นอนว่าบางครั้งก็มีความจำเป็นที่จะต้องโกหกอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่ยังไงซะก็คือการโกหกอยู่ดีนั่นแหละ ไม่ต้องอ้างว่าอย่างนั้น อย่างนี้เลย แต่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ลองมาดู 10 อันดับกัน
10.ไม่สามารถเน้นย้ำเรื่องราวต่างๆได้
แน่นอนว่าการโกหกจนติดเป็นนิสัยมักจะไม่สามารถเน้นย้ำเรื่องราวต่างๆได้ดีมากพอ จะเจอได้บ่อยจากการสัมภาษณ์ ที่ผู้สัมภาษณ์มักจะเน้นย้ำคำถามจี้จุดแทงใจเรา แต่เราไม่สามารถอธิบายเรื่องราวนั้นได้ดีมากพอ
9.มีความโกรธ
คนที่กำลังโกหกสังเกตให้ดีๆว่า เขาหรือเธอจะต้องมีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวอยู่บ้าง ทั้งมีความวิตกกังวลสิ่งที่เราถามตอบ และมักจะพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดบ้างเพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง เพราะว่าการพูดจาเสียงดังๆ ใส่อารมณ์จะทำให้อีกฝ่ายมีความยำเกรงที่จะไม่กล้าถามต่อ
8.ภาษากายและการแสดงอากัปกิริยา
ภาษากายถือว่าเป็นตัวบ่งบอกการโกหกได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ที่จะเป็นตัวที่ทำให้เราแกะรอยได้ว่าเขาหรือเธอโกหกอยู่หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น คนที่พูดจาโกหกมักจะพยายามใช้ภาษากายในการปกป้องคำพูดของตัวเอง ป้องกันความวิตกกังวลที่ได้ปิดบังความจริงเอาไว้ อย่างเช่น การเคาะหน้าตัก เขย่าแขนขาไปมา ลูบหัวไปมาแบบนี้เป็นต้น
7.ชอบพูดย้ำๆอยู่เสมอ
ถือเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นชัดเลยว่าเขาหรือเธอโกหก ที่พวกเขามักจะพูดย้ำๆไม่ว่าจะเป็นคำถามก่อนตอบ ที่ถือเป็นตัวถ่วงเวลาในการใช้ความคิดตอบโต้กลับอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
6.มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
หากเราอยากรู้ว่าใครโกหก เราก็ต้องสังเกตพฤติกรรมของเขาหรือเธอให้ดีๆว่า เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกถึงความกังวล ความสุขุมนิ่งเฉย และก็ต้องพยายามอ่านสีหน้าที่เขาหรือเธอแสดงออกมาให้ได้ว่า สื่อถึงอะไร อย่างเช่นพูดไปแล้วยิ้มไป บางทีก็อาจเป็นการแสร้งยิ้มเพื่อปกป้องความรู้สึกตัวเองก็เป็นได้
5.พูดขัดๆไปมา
โดยเฉพาะกับคนที่โกหกไม่แนบเนียนมักจะมีปัญหาในการพูดขัดๆไปมาอยู่เสมอ ซึ่งจะเกิดได้จากคำถามที่เรายิงไปแล้ว เขาหรือเธอไม่ทันคิดหรือคิดไม่ถึงว่าเราจะถามออกมาแบบนี้ได้ ทำให้เขาหรือเธอพูดจาติดขัดๆไปมา ก็ทำให้เรารู้แล้วว่าเขาหรือเธอโกหกหรือไม่
4.น้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไป
ในการพูดคุยแต่ละครั้ง บางทีน้ำเสียงของเขาหรือเธอเปลี่ยนแปลงจากเดิม ก็ไม่แน่ว่าเขาหรือเธอได้ทำการปิดบังอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ถือเป็นตัวชี้วัดได้ดีอย่างหนึ่ง
3.พยายามหลีกหนีข้อซักถามและเปลี่ยนบทสนทนา
การโกหกบางครั้งก็จะต้องมีการตั้งหลักบ้างเป็นธรรมดา หากมัวแต่เดินหน้าอย่างเดียวก็เสียเหลี่ยมหมด ฉะนั้นคนที่โกหกมักจะพยายามหลีกหนีข้อซักถามแล้วก็ตัดบทสนทนาออกไปก่อน ซึ่งเซียนการโกหกมักจะชอบทำแบบนี้อยู่เสมอ
2.ชอบเล่าเรื่องยาวเหยียด
คนที่ชอบโกหกมักจะพูดเรื่องราวยาวเหยียด เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อถือในตัวเรา ประเภทว่ามีข้อมูลเยอะๆก็มาพูดได้ อย่างเช่น การขายโฆษณาสินค้าก็จะมีข้อมูลต่างๆอธิบายมากมาย จนทำให้ผู้บริโภคเกิดความน่าเชื่อถือ ทั้งที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นแบบที่พูดเอาไว้หมด หรือการต้มตุ๋นฉ้อโกงก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีมากอย่างหนึ่ง ที่พวกนี้จะชอบพูดอะไรยาวๆแล้วทำให้ผู้คนเกิดความน่าเชื่อถือ
1.สายตาในการพูดคุย
ดวงตาของเราถือเป็นตัวบ่งบอกพฤติกรรมการแสดงออกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่สายตาในการพูดคุยของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงมากถึง 60 % ด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่โกหกจะมีสายตาที่เปลี่ยนแปลงผิดปกติ แม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องมือยืนยันได้ 100 % แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาหรือเธอจะโกหก
ผู้เขียน Mr.lawrence10
(เรื่องน่ารู้) 10 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาหรือเธอโกหก
แน่นอนว่าการโกหกจนติดเป็นนิสัยมักจะไม่สามารถเน้นย้ำเรื่องราวต่างๆได้ดีมากพอ จะเจอได้บ่อยจากการสัมภาษณ์ ที่ผู้สัมภาษณ์มักจะเน้นย้ำคำถามจี้จุดแทงใจเรา แต่เราไม่สามารถอธิบายเรื่องราวนั้นได้ดีมากพอ
คนที่กำลังโกหกสังเกตให้ดีๆว่า เขาหรือเธอจะต้องมีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวอยู่บ้าง ทั้งมีความวิตกกังวลสิ่งที่เราถามตอบ และมักจะพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดบ้างเพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง เพราะว่าการพูดจาเสียงดังๆ ใส่อารมณ์จะทำให้อีกฝ่ายมีความยำเกรงที่จะไม่กล้าถามต่อ
ภาษากายถือว่าเป็นตัวบ่งบอกการโกหกได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ที่จะเป็นตัวที่ทำให้เราแกะรอยได้ว่าเขาหรือเธอโกหกอยู่หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น คนที่พูดจาโกหกมักจะพยายามใช้ภาษากายในการปกป้องคำพูดของตัวเอง ป้องกันความวิตกกังวลที่ได้ปิดบังความจริงเอาไว้ อย่างเช่น การเคาะหน้าตัก เขย่าแขนขาไปมา ลูบหัวไปมาแบบนี้เป็นต้น
ถือเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นชัดเลยว่าเขาหรือเธอโกหก ที่พวกเขามักจะพูดย้ำๆไม่ว่าจะเป็นคำถามก่อนตอบ ที่ถือเป็นตัวถ่วงเวลาในการใช้ความคิดตอบโต้กลับอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
หากเราอยากรู้ว่าใครโกหก เราก็ต้องสังเกตพฤติกรรมของเขาหรือเธอให้ดีๆว่า เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกถึงความกังวล ความสุขุมนิ่งเฉย และก็ต้องพยายามอ่านสีหน้าที่เขาหรือเธอแสดงออกมาให้ได้ว่า สื่อถึงอะไร อย่างเช่นพูดไปแล้วยิ้มไป บางทีก็อาจเป็นการแสร้งยิ้มเพื่อปกป้องความรู้สึกตัวเองก็เป็นได้
โดยเฉพาะกับคนที่โกหกไม่แนบเนียนมักจะมีปัญหาในการพูดขัดๆไปมาอยู่เสมอ ซึ่งจะเกิดได้จากคำถามที่เรายิงไปแล้ว เขาหรือเธอไม่ทันคิดหรือคิดไม่ถึงว่าเราจะถามออกมาแบบนี้ได้ ทำให้เขาหรือเธอพูดจาติดขัดๆไปมา ก็ทำให้เรารู้แล้วว่าเขาหรือเธอโกหกหรือไม่
ในการพูดคุยแต่ละครั้ง บางทีน้ำเสียงของเขาหรือเธอเปลี่ยนแปลงจากเดิม ก็ไม่แน่ว่าเขาหรือเธอได้ทำการปิดบังอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ถือเป็นตัวชี้วัดได้ดีอย่างหนึ่ง
การโกหกบางครั้งก็จะต้องมีการตั้งหลักบ้างเป็นธรรมดา หากมัวแต่เดินหน้าอย่างเดียวก็เสียเหลี่ยมหมด ฉะนั้นคนที่โกหกมักจะพยายามหลีกหนีข้อซักถามแล้วก็ตัดบทสนทนาออกไปก่อน ซึ่งเซียนการโกหกมักจะชอบทำแบบนี้อยู่เสมอ
คนที่ชอบโกหกมักจะพูดเรื่องราวยาวเหยียด เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อถือในตัวเรา ประเภทว่ามีข้อมูลเยอะๆก็มาพูดได้ อย่างเช่น การขายโฆษณาสินค้าก็จะมีข้อมูลต่างๆอธิบายมากมาย จนทำให้ผู้บริโภคเกิดความน่าเชื่อถือ ทั้งที่จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นแบบที่พูดเอาไว้หมด หรือการต้มตุ๋นฉ้อโกงก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีมากอย่างหนึ่ง ที่พวกนี้จะชอบพูดอะไรยาวๆแล้วทำให้ผู้คนเกิดความน่าเชื่อถือ
ดวงตาของเราถือเป็นตัวบ่งบอกพฤติกรรมการแสดงออกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่สายตาในการพูดคุยของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงมากถึง 60 % ด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่โกหกจะมีสายตาที่เปลี่ยนแปลงผิดปกติ แม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องมือยืนยันได้ 100 % แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาหรือเธอจะโกหก
ผู้เขียน Mr.lawrence10