ขอแชร์+เล่าประสบการณ์ในการไปทำหนังสือเดินทางที่สำนักงานหนังสือเดินทาง สาขาบางนาครับ
เป็นประสบการณ์ที่เสียความรู้สึกมากๆ กับตัวเจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ที่ทำหน้าที่แจกบัตรคิว "ชั่วคราว" กับเจ้าหน้าที่เรียกคิว มากๆ
เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยละกัน
วันนี้ (6 ก.พ. 57) ผมพาพ่อไปทำหนังสือเดินทางที่สาขาบางนา เดินทางออกจากบ้านที่ จ.อ่างทอง ตี 3 ถึงที่สำนักงานฯ เวลาตี 4 ครึ่ง
พอถึงที่หมาย ผมต้องไปนั่งต่อคิวที่ลานจอดรถ (ตอนผมไปคนก็เยอะพอประมาณแล้วละครับ) ผมก็นั่งต่อแถวรอคิว (ลืมบอกไปว่า พ่อผมเป็นคนทำหนังสือเดินทางนะ ไม่ใช่ผม แต่ท่านเอาผมไปด้วยเพราะท่านอายุมากแล้ว นั่งรอกับพื้นต่อคิวไม่ได้ ก็เพราะโรคคนแก่นั้นแหละ)
ผมนั่งต่อแถวตี 4 ครึ่ง ถึงเกือบ 7 โมงเช้า เจ้าหน้าที่จึงให้ขึ้นรับบัตรคิว "ชั่วคราว" ที่ชั้น 5 OK...ไม่มีปัญหาอะไร รับบัตรคิว "ชั่วคราว" พร้อมยื่นบัตรประชาชนของผม เจ้าหน้าที่ก็จดเลขท้ายของบัตรประชาชนผมไว้ในบัตรคิวไว้ (OK ผมเข้าใจว่ากลัวพวกรับจ้างจองบัตรคิว แล้วเอาไปขายต่อ)
พอถึงเวลารับบัตรคิว "จริง" ผมก็เอาบัตรคิวชั่วคราวให้พ่อพร้อมกับบัตรประชาชนของผมไว้ เพราะผมคิดว่าเดี๋ยวเขาต้องถามแน่ๆ ว่าเลขท้ายบัตรประชาชนในบัตรคิวไม่ตรงกับบัตรฯของพ่อผม
พ่อผมเดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่เรียกคิวเพื่อจะขอรับบัตรคิวตัวจริง เขาขอดูบัตรคิวชั่วคราวปรากฎว่าก็เกิดเรื่องอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆว่า เลขท้ายไม่ตรงกัน ผมเห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้าไปคุยด้วย เพื่อแสดงยืนยันว่าเป็นลูกจริงๆ
พ่อผมก็พยายามอธิบายว่าให้ลูกนั่งจองคิวให้ เพราะนั่งกับพื้นไม่ไหว แก่แล้ว พร้อมชี้ให้ดูว่าบัตรผม กับบัตรพ่อ "นามสกุลเดียวกัน" เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟัง
แต่กลับบอกว่า เจ้าหน้าที่เขาบอกตลอดว่าแล้วห้ามจองคิวให้กัน (ผมก็นั่งอยู่ตลอด แต่ไม่ได้ยินที่ว่าเลยสักนิด) ผมก็ของขึ้นเลยสิ "เฮ้ย! พ่อผมอายุมากแล้ว นั่งรอกับพื้นไม่ไหว ก็เลยให้ผมนั่งรอเอาบัตรคิวแทน นี่ไงบัตรผม นามสกุลเดียวกันกับพ่อผม แล้วจะยังไง ถ้าพี่ไม่ให้คิวผม ถ้าอย่างงั้น สมมุติว่าพ่อของพี่อายุสัก 80-90 พี่ยังจะให้พ่อนั่งรอคิวกับพื้นไหม นั่งตั้งแต่ตึ 4 ครึ่ง ยัน 7 โมงเช้า แถมขึ้นมานั่งรอที่ชั้น 5 อีก 1 ชั่วโมง อ่ะ พ่อพี่จะนั่งรอไหวไหม"
เจ้าหน้าที่เรียกคิวตอบแบบน้ำเสียงกวนๆ "ไม่คุยครับ ไปเคลียกับเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิวชั่วคราวเอง"
ผมกับพ่อก็ไปคุยกับเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิวชั่วคราว ขอบอกเป็นผู้หญิง อายุไม่มากเท่าไร แต่กวนบาทาผมมาก พอเล่าให้ฟังว่าผมมานั่งรอจองบัตรคิวให้พ่อผม เพราะพ่อนั่งไม่ไหว เจ้าหล่อนกวนบาทาขึ้นมาทันที "ขอดูทะเบียนบ้านของคนที่เป็นลูกค่ะ จะดูว่าเป็นพ่อลูกกันจริงไหม"
ผมก็ยังใจเย็นอยู่นะ เพราะถือว่าเจ้าหล่อนยังไม่ได้ดูบัตรประชาชนของพ่อผมและผม ยังไม่ได้เห็นว่านามสกุลเดียวกัน "ทะเบียนบ้านผม ไม่ได้เอามาครับ ชื่อผมกับพ่ออยู่กันคนละบ้านครับ แต่นี่บัตรประชาชนของผมกับของพ่อผมนามสกุลเดียวกันครับ" ผมบอกพร้อมชี้ให้ดู
"ขอดูทะเบียนบ้านนะคะ ไม่ได้ขอดูบัตรประชาชน ถ้าไม่มีต้องไปขอคัดมาคะ (เสียงแบบกวนๆ )"
"อ้าว..คือพี่ครับ (ผมเรียกพี่นะ ทั้งที่ผมอาจแก่กว่าด้วยซ้ำ) ต้องไปคัดเลยเหรอ ดูแค่บัตรประชาชนก็พอแล้วมั้งครับ นามสกุลก็นามสกุลเดียวกัน" ผมบอก
"ค่ะ แต่ขอดูทะเบียนบ้านคะ ขอโทษนะคะ เจ้าหน้าที่ "หัวไว" คะ ไม่ต้องอธิบายหลายรอบ" ยัยนี่บอก
ผมก็ของขึ้นรอบสองสิครับ ยัยนี่พูดบอกว่าตัวเอง "หัวไว" ผมไม่ต้องมาอธิบายหลายรอบ ยืนยันอย่างเดียวว่าจะขอดูทะเบียนบ้านผม ตกลงเจ้าหน้าที่ที่นี้หัวไวแล้วใช่มั้ยครับเนี้ย เออ..จะได้รู้ไว้ ว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่หัวไว (ปากไว) ..แต่โคตรไม่มีไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผู้มาใช้บริการพึงพอใจเลย
ผมก็จัดดอกแรกเลย "นี่นามสกุลเดียวกันนะครับ นี่พ่อผม ผมเป็นลูก พ่อผมนั่งพื้นต่อแถวรอคิวไม่ไหวหรอกตั้งสาม-สี่ชัวโมงอ่ะ แล้วทะเบียนบ้านของผม ไม่ได้เอามาหรอก ใครเขาจะเอามากัน ผมไม่ได้มาติดต่อขอทำ passport นะครับ พ่อผมเป็นคนมาติดต่อขอทำ passport ผมแค่มานั่งต่อแถวเอาบัตรคิวให้พ่อผมเฉยๆ นี่แค่บัตรคิวนะครับ บัตรประชาชนของผมก็บอกอยู่ว่านามสกุลเดียวกับพ่อผม จะเอาอะไรอีก"
"คะ ไม่ได้หรอกคะ เดี๋ยวคนอื่นเขาก็หาว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ "ทุจริต" " น้ำเสียงแบบกลัวตีนสุด ประหนึ่งว่าตัวเองมีการศึกษาสูงส่ง ประชาชนตาดำๆอย่างผมไม่เข้าใจหรอก แต่ขอโทษครับ ผมเป็นนิติกรนะครับ ทำงานราชการเหมือนกัน พ่อผมก็เป็นคณบดีของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง นี่ที่ทำหนังสือเดินทางก็เพราะจะไปดูงานต่างประเทศ
"นี่เรียกว่าทุจริตเลยเหรอครับ ผมมานั่งรอเอาบัตรคิวแทนพ่อเนี้ย พ่อผมอายุเยอะแล้วนั่งกับพื้นไม่ได้ ผมเป็นลูกนะครับ บัตรประชาชนก็นามสกุลเดียวกัน นี่เรียกทุจริตเหรอครับ" ผมเริ่มเน้นเสียงและหนักขึ้น ในใจคิด "ถ้ายังเถียงอีก สงสัยคงได้ลองดูแน่ว่า หัวยัยนี่จะไถลไปกับโต๊ะได้ไว สมกับที่คิดว่าตัวเองหัวไวหรือเปล่า"
แต่ยัยนี่สงสัยเกิดไหวพริบดีขึ้นกระทันหัน หรือเพราะกลัวว่าผมจะอาละวาดก็ไม่รู้ รีบตอบทันที "คะ คะ" พร้อมกับขีดฆ่าตัวเลขบัตรประชาชนผมออก และใส่เลขบัตรประชาชนของพ่อผมแทน พ่อผมเลยเข้าไปรับบัตรคิวได้อย่างไม่มีปัญหา แต่แบบอารมณ์เสียสุดๆ
ที่เล่ามาขอแชร์ให้ทุกคนฟังนะครับ ใครทำงานที่สำนักงานนี้ หรือมีญาติที่ทำงานที่นี้ ช่วยเตือนกันหน่อยนะครับ เรื่องพูดจาให้ดีดีกับคนมาใช้บริการ อย่าให้ต้องร้องเรียนถึงหัวหน้าหรือผู้อำนวยการเลยครับ สงสารคนที่อยู่บ้านบ้าง เดี๋ยวจะไม่มีงาน มีเงินเดือนกิน
อ่อ...ผมขอฝากนิดนึงเกี่ยวกับการเมือง เรื่องม๊อบ กปปส. ปิดล้อมศูนย์ราชการเพื่อบีบไม่ให้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการทำงาน เพื่อไม่ให้ทำงานรับใช้นักการเมืองชั่วๆ ว่านี่ตกลงพวกคุณปิดเพื่อไล่รัฐบาล นักการเมือง แต่ตกลงใครเดือดร้อน รัฐบาล นักการเมือง หรือประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ฝากเอาไปคิดหน่อยครับ ทุกวันนี้คนอื่นเดือดร้อนจากม๊อบ กปปส. มากกว่าตอนพวก นปช. เผาเมืองซะอีก
ขอแชร์ความรู้สึกที่ไม่ดีในการไปทำหนังสือเดินทางที่บางนาในวันนี้
เป็นประสบการณ์ที่เสียความรู้สึกมากๆ กับตัวเจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ที่ทำหน้าที่แจกบัตรคิว "ชั่วคราว" กับเจ้าหน้าที่เรียกคิว มากๆ
เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยละกัน
วันนี้ (6 ก.พ. 57) ผมพาพ่อไปทำหนังสือเดินทางที่สาขาบางนา เดินทางออกจากบ้านที่ จ.อ่างทอง ตี 3 ถึงที่สำนักงานฯ เวลาตี 4 ครึ่ง
พอถึงที่หมาย ผมต้องไปนั่งต่อคิวที่ลานจอดรถ (ตอนผมไปคนก็เยอะพอประมาณแล้วละครับ) ผมก็นั่งต่อแถวรอคิว (ลืมบอกไปว่า พ่อผมเป็นคนทำหนังสือเดินทางนะ ไม่ใช่ผม แต่ท่านเอาผมไปด้วยเพราะท่านอายุมากแล้ว นั่งรอกับพื้นต่อคิวไม่ได้ ก็เพราะโรคคนแก่นั้นแหละ)
ผมนั่งต่อแถวตี 4 ครึ่ง ถึงเกือบ 7 โมงเช้า เจ้าหน้าที่จึงให้ขึ้นรับบัตรคิว "ชั่วคราว" ที่ชั้น 5 OK...ไม่มีปัญหาอะไร รับบัตรคิว "ชั่วคราว" พร้อมยื่นบัตรประชาชนของผม เจ้าหน้าที่ก็จดเลขท้ายของบัตรประชาชนผมไว้ในบัตรคิวไว้ (OK ผมเข้าใจว่ากลัวพวกรับจ้างจองบัตรคิว แล้วเอาไปขายต่อ)
พอถึงเวลารับบัตรคิว "จริง" ผมก็เอาบัตรคิวชั่วคราวให้พ่อพร้อมกับบัตรประชาชนของผมไว้ เพราะผมคิดว่าเดี๋ยวเขาต้องถามแน่ๆ ว่าเลขท้ายบัตรประชาชนในบัตรคิวไม่ตรงกับบัตรฯของพ่อผม
พ่อผมเดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่เรียกคิวเพื่อจะขอรับบัตรคิวตัวจริง เขาขอดูบัตรคิวชั่วคราวปรากฎว่าก็เกิดเรื่องอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆว่า เลขท้ายไม่ตรงกัน ผมเห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้าไปคุยด้วย เพื่อแสดงยืนยันว่าเป็นลูกจริงๆ
พ่อผมก็พยายามอธิบายว่าให้ลูกนั่งจองคิวให้ เพราะนั่งกับพื้นไม่ไหว แก่แล้ว พร้อมชี้ให้ดูว่าบัตรผม กับบัตรพ่อ "นามสกุลเดียวกัน" เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟัง
แต่กลับบอกว่า เจ้าหน้าที่เขาบอกตลอดว่าแล้วห้ามจองคิวให้กัน (ผมก็นั่งอยู่ตลอด แต่ไม่ได้ยินที่ว่าเลยสักนิด) ผมก็ของขึ้นเลยสิ "เฮ้ย! พ่อผมอายุมากแล้ว นั่งรอกับพื้นไม่ไหว ก็เลยให้ผมนั่งรอเอาบัตรคิวแทน นี่ไงบัตรผม นามสกุลเดียวกันกับพ่อผม แล้วจะยังไง ถ้าพี่ไม่ให้คิวผม ถ้าอย่างงั้น สมมุติว่าพ่อของพี่อายุสัก 80-90 พี่ยังจะให้พ่อนั่งรอคิวกับพื้นไหม นั่งตั้งแต่ตึ 4 ครึ่ง ยัน 7 โมงเช้า แถมขึ้นมานั่งรอที่ชั้น 5 อีก 1 ชั่วโมง อ่ะ พ่อพี่จะนั่งรอไหวไหม"
เจ้าหน้าที่เรียกคิวตอบแบบน้ำเสียงกวนๆ "ไม่คุยครับ ไปเคลียกับเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิวชั่วคราวเอง"
ผมกับพ่อก็ไปคุยกับเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิวชั่วคราว ขอบอกเป็นผู้หญิง อายุไม่มากเท่าไร แต่กวนบาทาผมมาก พอเล่าให้ฟังว่าผมมานั่งรอจองบัตรคิวให้พ่อผม เพราะพ่อนั่งไม่ไหว เจ้าหล่อนกวนบาทาขึ้นมาทันที "ขอดูทะเบียนบ้านของคนที่เป็นลูกค่ะ จะดูว่าเป็นพ่อลูกกันจริงไหม"
ผมก็ยังใจเย็นอยู่นะ เพราะถือว่าเจ้าหล่อนยังไม่ได้ดูบัตรประชาชนของพ่อผมและผม ยังไม่ได้เห็นว่านามสกุลเดียวกัน "ทะเบียนบ้านผม ไม่ได้เอามาครับ ชื่อผมกับพ่ออยู่กันคนละบ้านครับ แต่นี่บัตรประชาชนของผมกับของพ่อผมนามสกุลเดียวกันครับ" ผมบอกพร้อมชี้ให้ดู
"ขอดูทะเบียนบ้านนะคะ ไม่ได้ขอดูบัตรประชาชน ถ้าไม่มีต้องไปขอคัดมาคะ (เสียงแบบกวนๆ )"
"อ้าว..คือพี่ครับ (ผมเรียกพี่นะ ทั้งที่ผมอาจแก่กว่าด้วยซ้ำ) ต้องไปคัดเลยเหรอ ดูแค่บัตรประชาชนก็พอแล้วมั้งครับ นามสกุลก็นามสกุลเดียวกัน" ผมบอก
"ค่ะ แต่ขอดูทะเบียนบ้านคะ ขอโทษนะคะ เจ้าหน้าที่ "หัวไว" คะ ไม่ต้องอธิบายหลายรอบ" ยัยนี่บอก
ผมก็ของขึ้นรอบสองสิครับ ยัยนี่พูดบอกว่าตัวเอง "หัวไว" ผมไม่ต้องมาอธิบายหลายรอบ ยืนยันอย่างเดียวว่าจะขอดูทะเบียนบ้านผม ตกลงเจ้าหน้าที่ที่นี้หัวไวแล้วใช่มั้ยครับเนี้ย เออ..จะได้รู้ไว้ ว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่หัวไว (ปากไว) ..แต่โคตรไม่มีไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผู้มาใช้บริการพึงพอใจเลย
ผมก็จัดดอกแรกเลย "นี่นามสกุลเดียวกันนะครับ นี่พ่อผม ผมเป็นลูก พ่อผมนั่งพื้นต่อแถวรอคิวไม่ไหวหรอกตั้งสาม-สี่ชัวโมงอ่ะ แล้วทะเบียนบ้านของผม ไม่ได้เอามาหรอก ใครเขาจะเอามากัน ผมไม่ได้มาติดต่อขอทำ passport นะครับ พ่อผมเป็นคนมาติดต่อขอทำ passport ผมแค่มานั่งต่อแถวเอาบัตรคิวให้พ่อผมเฉยๆ นี่แค่บัตรคิวนะครับ บัตรประชาชนของผมก็บอกอยู่ว่านามสกุลเดียวกับพ่อผม จะเอาอะไรอีก"
"คะ ไม่ได้หรอกคะ เดี๋ยวคนอื่นเขาก็หาว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ "ทุจริต" " น้ำเสียงแบบกลัวตีนสุด ประหนึ่งว่าตัวเองมีการศึกษาสูงส่ง ประชาชนตาดำๆอย่างผมไม่เข้าใจหรอก แต่ขอโทษครับ ผมเป็นนิติกรนะครับ ทำงานราชการเหมือนกัน พ่อผมก็เป็นคณบดีของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง นี่ที่ทำหนังสือเดินทางก็เพราะจะไปดูงานต่างประเทศ
"นี่เรียกว่าทุจริตเลยเหรอครับ ผมมานั่งรอเอาบัตรคิวแทนพ่อเนี้ย พ่อผมอายุเยอะแล้วนั่งกับพื้นไม่ได้ ผมเป็นลูกนะครับ บัตรประชาชนก็นามสกุลเดียวกัน นี่เรียกทุจริตเหรอครับ" ผมเริ่มเน้นเสียงและหนักขึ้น ในใจคิด "ถ้ายังเถียงอีก สงสัยคงได้ลองดูแน่ว่า หัวยัยนี่จะไถลไปกับโต๊ะได้ไว สมกับที่คิดว่าตัวเองหัวไวหรือเปล่า"
แต่ยัยนี่สงสัยเกิดไหวพริบดีขึ้นกระทันหัน หรือเพราะกลัวว่าผมจะอาละวาดก็ไม่รู้ รีบตอบทันที "คะ คะ" พร้อมกับขีดฆ่าตัวเลขบัตรประชาชนผมออก และใส่เลขบัตรประชาชนของพ่อผมแทน พ่อผมเลยเข้าไปรับบัตรคิวได้อย่างไม่มีปัญหา แต่แบบอารมณ์เสียสุดๆ
ที่เล่ามาขอแชร์ให้ทุกคนฟังนะครับ ใครทำงานที่สำนักงานนี้ หรือมีญาติที่ทำงานที่นี้ ช่วยเตือนกันหน่อยนะครับ เรื่องพูดจาให้ดีดีกับคนมาใช้บริการ อย่าให้ต้องร้องเรียนถึงหัวหน้าหรือผู้อำนวยการเลยครับ สงสารคนที่อยู่บ้านบ้าง เดี๋ยวจะไม่มีงาน มีเงินเดือนกิน
อ่อ...ผมขอฝากนิดนึงเกี่ยวกับการเมือง เรื่องม๊อบ กปปส. ปิดล้อมศูนย์ราชการเพื่อบีบไม่ให้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการทำงาน เพื่อไม่ให้ทำงานรับใช้นักการเมืองชั่วๆ ว่านี่ตกลงพวกคุณปิดเพื่อไล่รัฐบาล นักการเมือง แต่ตกลงใครเดือดร้อน รัฐบาล นักการเมือง หรือประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ฝากเอาไปคิดหน่อยครับ ทุกวันนี้คนอื่นเดือดร้อนจากม๊อบ กปปส. มากกว่าตอนพวก นปช. เผาเมืองซะอีก