สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิป
วันนี้พาพันมีเรื่องราวรักษ์โลกที่น่าสนใจมาฝากพี่ๆ อีกเช่นเคยครับ เท้าความไปถึงเมื่อช่วงธันวาที่ผ่านมา พาพันมีโอกาสไปเข้าคลาสเรียนวิชา
“Scrap Design” ของ อาจารย์สิงห์ อินทรชูโต ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาครับ ซึ่งวิชานี้น่าสนใจมากๆ เพราะแค่ชื่อวิชาก็เตะตา สะดุดใจแล้ว ... ครับผม “Scrap design” แปลคร่าวๆ ก็น่าจะพอเดาออกแล้วว่าเกี่ยวข้องกับการออกแบบสิ่งของเหลือใช้หรือขยะ แต่แปลเองอาจไม่ได้ความรวมทั้งหมด พาพันเลยเตรียมข้อมูลมาเล่าแจ้งแถลงไขให้พี่ๆ แล้วครับ
อาจารย์สิงห์ อธิบายภาพรวมของวิชานี้ให้พาพันฟังว่า “Scrap Design” เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่อง Upcycling ครับ ซึ่งคำๆ นี้หมายถึง กระบวนการแปลงเศษวัสดุเหลือใช้ หรือการทำให้วัสดุเหลือใช้หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถใช้งานตามหน้าที่เดิมได้แล้วกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงขึ้นและมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พูดง่ายๆ ก็คือการแปลงของที่ใช้การไม่ได้หรือพวกขยะนั่นแหละครับ ให้มีราคาและใช้งานได้นั่นเอง
วิชานี้นอกจากจะได้ทฤษฎีในการแปลงวัสดุเหลือใช้แล้ว นักศึกษาทุกคนต้องลงมือปฏิบัติจริงโดยการลงมือแปลงวัสดุเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ด้วยครับ โดยการเรียนการสอนในแต่ละเทอมนั้นหัวข้อของเหลือใช้ที่จะนำมาออกแบบจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับ อย่างในเทอมนี้ 2556-2557 เราจะออกแบบและพัฒนาของใหม่ๆ จากเศษวัสดุที่เป็นขยะอาหารและจากโรงพยาบาลครับ! น่าสนใจและน่าตกใจไหมครับ !!!
พาพันขอขยายความเพิ่มครับว่า ขยะอาหารเนี่ย ได้มาจากอาหารทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นพวกเปลือกต่างๆ ทั้งเปลือกผัก
ผลไม้ เช่น เปลือกส้ม เปลือกกล้วย ชิ้นมะนาวที่คั้นน้ำออกแล้ว เปลือกแคนตาลูป แล้วก็มีเปลือกของสัตว์ อย่างเช่น เปลือกกุ้ง ปู หอย และยังรวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใส่อาหาร จำพวกโฟม หลอดดูดน้ำ ด้วยครับ
ส่วนขยะกลุ่มที่ 2 ที่นำมาพัฒนากันในเทอมนี้คือ ของเหลือใช้ที่ได้จากโรงพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกบรรจุภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ สายน้ำเกลือ ถุงน้ำยาล้างไต (ถุงน้ำยาที่ใส่น้ำยาใหม่นะครับ ไม่ได้ใส่น้ำที่เปลี่ยนถ่ายออกมา) ฝาปลอกเข็มฉีดยา ผ้าห่อเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น ซึ่งเศษวัสดุเหล่านี้สะอาดและปลอดเชื้อครับ เท่าที่เราเห็นกันทั่วไปก็พอจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าทั้งขยะทั้ง 2 กลุ่มนี้ มีจำนวนมหาศาลมาก ถ้าสามารถนำมาผ่านกระบวนการแล้วทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ก็คงช่วยลดขยะได้เยอะเลย
อ้อ...พาพันลืมบอกไปครับ วิชานี้เรียนกันทุกเย็นวันพฤหัสครับ ตั้งแต่ 17.30-20.30 น. ครับ เรียนกันที่ห้อง Scrap Lab ที่ตึกสถาปัตย์ อยู่ชั้นล่างเลยครับ เข้าถึงง่ายมาก ในการเรียนในแต่ละครั้ง อาจารย์จะแบ่งเป็น 2 ช่วงครับ ช่วงแรกจะเป็นช่วงบรรยาย และช่วงที่สองจะเป็นการถกปัญหา หาทางแก้ และนำเสนอความก้าวหน้าของแต่ละทีมในการทดลอง ทดสอบ และผลิตชิ้นงานครับ โดยอาจารย์ให้นักศึกษาจับคู่กัน และให้แต่ละคู่นั้นเลือกพัฒนาสิ่งของเหลือใช้จากทั้ง ขยะอาหาร และ ขยะจากโรงพยาบาล อย่างละ 1 วัสดุครับ
พอพาพันเข้ามาในห้องเรียนก็ได้เจอกับพี่ๆ นักศึกษาเยอะแยะ ที่น่าสนใจคือ พาพันเจอพี่ๆ ที่ทำงานแล้วมาร่วมเรียนวิชานี้ด้วย แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ในห้องเรียน Scrap Lab นี้ยังมีนักศึกษาต่างชาติด้วยครับ แสดงว่าคอร์สนี้ไม่ธรรมดาเลย พอพี่ๆ นักศึกษาทยอยมากันจนครบ มีประมาณ 20 กว่าคนครับ อาจารย์สิทธา อาจารย์รับเชิญในวันนี้ก็เริ่มบรรยายครับ และอย่างที่พาพันได้บอกไปว่ามีชาวต่างชาติมาเรียนด้วย เราเลยได้เรียนกันทั้งสองภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษครับ อินเตอร์สุดๆ พาพันเลยได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษด้วย ^^
อาจารย์สิทธาเปิดด้วยคำถามนี้ครับ “Design คืออะไร”
ซึ่งคำตอบจากพี่ๆ ก็มีหลากหลาย บ้างก็บอกว่าเป็นการทำให้ชิ้นงานสวยงาม บ้างก็ว่าทำให้ชิ้นงานใช้งานได้ บ้างก็ว่าการนำเศษวัสดุมาผลิตเป็นชิ้นงาน
ซึ่งอาจารย์สิทธาก็อธิบายให้ฟังว่า "การ Design หรือ การออกแบบ คือการเพิ่มมูลค่าให้ชิ้นงาน และทำให้ชิ้นงานมีรูปลักษณ์ที่สวยงามดึงดูดผู้ใช้ ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบคือการแก้ปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างมีวิสัยทัศน์"
อาจารย์สิทธายกตัวอย่างว่า ถ้าเรามีผ้าหนึ่งกอง เราจะออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ ถ้าเราใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ผลงานที่ออกมาอาจจะเป็น....
แค่ใส่ความคิดสร้างสรรค์จากผ้าหนึ่งกอง เราก็จะได้เก้าอี้เก๋ๆ แบบนี้ครับ
หรือการออกแบบชั้นวางของ ถ้าเราใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ชั้นหนังสือที่ออกมาอาจมีหน้าตาแบบนี้....??
จากชั้นหน้าตาธรรมดา พอใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบก็ดูไฉไลน่าใช้ขึ้นเยอะเลย
การออกแบบไม่ได้มีเฉพาะเรื่องข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเราเท่านั้นนะครับ การออกแบบได้ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตหรือวิถีชีวิตของคนเราเลยทีเดียว อาจารย์สิทธา ยกตัวอย่างว่า ในพื้นที่ที่น้ำสะอาดเข้าไม่ถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านจะต้องเดินทางไปขนน้ำเป็นระยะไกลมาก ซึ่งขนน้ำกว่า 20 ลิตร การที่ต้องไปขนน้ำจากที่แสนไกล ส่งผลให้ชาวบ้านเหล่านั้น ไม่มีเวลาทำงานหาเลี้ยงชีพ มีความลำบาก และส่งผลต่อสุขภาพของชาวบ้านในระยะยาว เพราะเวลาที่ชาวบ้านขนน้ำ เขาจะยกน้ำขึ้นทูนไว้บนหัวครับ ซึ่งน้ำหนักของน้ำที่หนักมากจะส่งผลต่อกระดูกต้นคอและศีรษะ ดังนั้นจึงมีการออกแบบเครื่องทุ่นแรงที่ชื่อ “Hippo Roller” ขึ้นมาครับ
เท่าที่เห็น คนที่ไปขนน้ำส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงและเด็กๆนะครับ พาพันลองคิดตามว่า ถ้าพาพันต้องทูนน้ำตั้ง 20 ลิตร ไว้บนหัว แล้วต้องเดินด้วยระยะทางไกลแบบนั้น พาพันว่าพาพันต้องไม่ไหวแน่ๆเลย
แต่พอมี “Hippo Roller” ผู้หญิงและเด็กๆก็ไม่ต้องทูนน้ำไว้บนหัวอีกต่อไป เพราะการขนน้ำจะกลายเป็นการเข็นน้ำ แบบนี้ครับ...
เห็นแบบนี้ เรียกได้ว่าการออกแบบได้เปลี่ยนวิถีชีวิตคนเราเลยนะครับ
ไม่ใช่แค่แก้ปัญหา แต่ทำให้การขนน้ำกลายเป็นเรื่องสนุกไปเลย
นอกจากนี้อาจารย์สิทธายังได้เล่าให้ฟังด้วยครับว่าที่ MIT (Massachusetts Institute of Technology) จะมีคอร์สนึงที่เป็นวิชาเกี่ยวกับการออกแบบ โดยให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มกันผลิตผลงานสร้างสรรค์อะไรก็ได้ และเมื่อจบเทอมจะมีการนำเสนอผลงานอย่างใหญ่โต ซึ่งมีคนสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมากครับ นักศึกษาบางกลุ่มก็ลงมือทำตั้งแต่ต้นเทอม บางกลุ่มก็มาเผาเอาไม่กี่คืนก่อนวันเสนอผลงาน ซึ่งอาจารย์บอกว่าเคล็ดลับในการผลิตงาน ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ตอนคิด ถ้าให้เวลาในการคิด หรือ Ideation มาก งานก็จะออกมาดีครับ มาเร่งๆ ทำที่หลัง งานออกมาจะไม่ดีครับ
และเมื่อเรากล้าที่จะคิดงาน อย่าปล่อยให้ความกลัวและเงื่อนไขต่างๆ มาขวางเราไว้นะครับ
ว้าว..พาพันได้เปิดโลกและได้ความรู้ใหม่ๆ มาเยอะเลยครับ พาพันชอบเรียนวิชานี้แล้วสิ ได้ความรู้เยอะเลย พาพันจะได้เอามาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟัง และจะได้เอาไปประยุกต์ใช้ด้วย น่าเสียดายที่วันนี้พาพันไม่ได้เตรียมทานข้าวก่อนเข้าเรียน ตอนนี้ท้องร้องเสียงดังมาก พาพันเลยได้อยู่เรียนเฉพาะช่วงบรรยายเท่านั้น เสียดายจังที่ไม่ได้ฟังพี่ๆ นักศึกษาพรีเซนท์ว่ากำลังออกแบบชิ้นงานจากวัสดุกันยังไงบ้าง
แต่อาทิตย์หน้าพาพันจะเตรียมตัวมาอย่างดีแน่นอนครับ และแน่นอนพาพันจะเก็บข้อมูลมาเล่าให้พี่ๆ ฟังต่อด้วยครับ ว่าการแปลงวัสดุเหลือใช้มาเป็นชิ้นงานเนี่ย จะมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไรบ้าง ติดตามเรื่องราวรักษ์โลกอย่างนี้ต่อในกระทู้หน้านะครับ วันนี้ สวัสดีครับ
Fact of this course
-วิชา Scrap Design เป็นวิชาเลือกในหลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครับ วิชานี้เริ่มมีการเรียนการสอนตั้งแต่ปี 2008 ปัจจุบันวิชานี้เปิดสอนเป็นปีที่ 6 แล้วครับ
-วิชา Scrap Design จะเปิดสอนในภาคปลายการศึกษา ใน 1 เทอม มีเรียนทั้งหมด 18 ครั้ง และครั้งละ 3 ชั่วโมง โดย 1 คาบเรียนมีการแบ่งการสอนเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเป็นการบรรยายและหลังจากนั้นจะเป็นการอภิปรายผลงานและกระบวนการปฎิบัติของนักศึกษา
-ใน 1 เทอม วิชา Scrap Design สามารถรองรับนักเรียนได้สูงสุดจำนวน 20 คน โดยแบ่งเป็นนักศึกษาปริญญาตรี 10 คน ส่วนนักศึกษาปริญญาโทและกับบุคลภายนอกไม่ได้จำกัด
-วัตถุประสงค์ของวิชานี้คือ เพื่อเน้นกระบวนการพัฒนาการออกแบบเศษวัสดุ เชิงลึกอย่างเป็นระบบและสร้างสรรค์ หามุมมองใหม่เพื่อ
แก้ไขสถานการณ์ขยะด้วยผสมผสานระเบียบวิธีวิจัยในการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์ผลการทดลองต่างๆ ก่อนการออกแบบชิ้นงาน
-ในการเรียนวิชานี้ นักศึกษาจะได้ลงมือออกแบบผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุจริง โดยในแต่ละเทอมจะมีโจทย์เศษวัสดุที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
อย่างในเทอมนี้ เศษวัสดุที่เป็นโจทย์ที่ต้องนำมาผลิตผลงานคือ เศษอาหารและของเหลือใช้จากโรงพยาบาล (Food waste & Hospital waste)
-อาจารย์ผู้สอนในรายวิชานี้มีทั้งหมด 4 ท่าน ดังนี้
1.ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต 2.อ.รุ่งทิพย์ ลุยเลา 3.ดร.สิทธา สุขกสิ 4.ดร.ชิราวุฒิ เพชรเย็น
-การวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียนวิชา Scrap design
1.การเสนองาน Midterm และ ความก้าวหน้าของงาน (Progress) 30%
2. การเสนองานขั้นสุดท้าย (Final Presentation) 30%
3. ความสนใจเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอและมีส่วนร่วมในชั้นเรียน (Attendance) 20%
4. รายงาน (Report) 20%
-สิ่งที่อาจารย์อยากสื่อสารอะไรผ่านการสอนวิชานี้ คือ
" All the problems can solve by creative design "
และนี่คือตัวอย่างผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ใช้พื้นฐานความรู้จากวิชา "Scrap design"ครับ
ทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์รักษ์โลกชิ้นนี้แบบเต็มๆ ได้ที่
อัพเดท...เมื่อเจ้าวัสดุ "Metile" (โลหะ+ไม้) ได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ดีไซน์เท่ !!!
"บันทึกของพาพัน@pantip ตอน วิชาออกแบบเศษวัสดุเหลือใช้"
วันนี้พาพันมีเรื่องราวรักษ์โลกที่น่าสนใจมาฝากพี่ๆ อีกเช่นเคยครับ เท้าความไปถึงเมื่อช่วงธันวาที่ผ่านมา พาพันมีโอกาสไปเข้าคลาสเรียนวิชา “Scrap Design” ของ อาจารย์สิงห์ อินทรชูโต ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาครับ ซึ่งวิชานี้น่าสนใจมากๆ เพราะแค่ชื่อวิชาก็เตะตา สะดุดใจแล้ว ... ครับผม “Scrap design” แปลคร่าวๆ ก็น่าจะพอเดาออกแล้วว่าเกี่ยวข้องกับการออกแบบสิ่งของเหลือใช้หรือขยะ แต่แปลเองอาจไม่ได้ความรวมทั้งหมด พาพันเลยเตรียมข้อมูลมาเล่าแจ้งแถลงไขให้พี่ๆ แล้วครับ
อาจารย์สิงห์ อธิบายภาพรวมของวิชานี้ให้พาพันฟังว่า “Scrap Design” เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่อง Upcycling ครับ ซึ่งคำๆ นี้หมายถึง กระบวนการแปลงเศษวัสดุเหลือใช้ หรือการทำให้วัสดุเหลือใช้หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถใช้งานตามหน้าที่เดิมได้แล้วกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงขึ้นและมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พูดง่ายๆ ก็คือการแปลงของที่ใช้การไม่ได้หรือพวกขยะนั่นแหละครับ ให้มีราคาและใช้งานได้นั่นเอง
วิชานี้นอกจากจะได้ทฤษฎีในการแปลงวัสดุเหลือใช้แล้ว นักศึกษาทุกคนต้องลงมือปฏิบัติจริงโดยการลงมือแปลงวัสดุเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ด้วยครับ โดยการเรียนการสอนในแต่ละเทอมนั้นหัวข้อของเหลือใช้ที่จะนำมาออกแบบจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับ อย่างในเทอมนี้ 2556-2557 เราจะออกแบบและพัฒนาของใหม่ๆ จากเศษวัสดุที่เป็นขยะอาหารและจากโรงพยาบาลครับ! น่าสนใจและน่าตกใจไหมครับ !!!
พาพันขอขยายความเพิ่มครับว่า ขยะอาหารเนี่ย ได้มาจากอาหารทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นพวกเปลือกต่างๆ ทั้งเปลือกผัก
ผลไม้ เช่น เปลือกส้ม เปลือกกล้วย ชิ้นมะนาวที่คั้นน้ำออกแล้ว เปลือกแคนตาลูป แล้วก็มีเปลือกของสัตว์ อย่างเช่น เปลือกกุ้ง ปู หอย และยังรวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใส่อาหาร จำพวกโฟม หลอดดูดน้ำ ด้วยครับ
ส่วนขยะกลุ่มที่ 2 ที่นำมาพัฒนากันในเทอมนี้คือ ของเหลือใช้ที่ได้จากโรงพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกบรรจุภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ สายน้ำเกลือ ถุงน้ำยาล้างไต (ถุงน้ำยาที่ใส่น้ำยาใหม่นะครับ ไม่ได้ใส่น้ำที่เปลี่ยนถ่ายออกมา) ฝาปลอกเข็มฉีดยา ผ้าห่อเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น ซึ่งเศษวัสดุเหล่านี้สะอาดและปลอดเชื้อครับ เท่าที่เราเห็นกันทั่วไปก็พอจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าทั้งขยะทั้ง 2 กลุ่มนี้ มีจำนวนมหาศาลมาก ถ้าสามารถนำมาผ่านกระบวนการแล้วทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ก็คงช่วยลดขยะได้เยอะเลย
อ้อ...พาพันลืมบอกไปครับ วิชานี้เรียนกันทุกเย็นวันพฤหัสครับ ตั้งแต่ 17.30-20.30 น. ครับ เรียนกันที่ห้อง Scrap Lab ที่ตึกสถาปัตย์ อยู่ชั้นล่างเลยครับ เข้าถึงง่ายมาก ในการเรียนในแต่ละครั้ง อาจารย์จะแบ่งเป็น 2 ช่วงครับ ช่วงแรกจะเป็นช่วงบรรยาย และช่วงที่สองจะเป็นการถกปัญหา หาทางแก้ และนำเสนอความก้าวหน้าของแต่ละทีมในการทดลอง ทดสอบ และผลิตชิ้นงานครับ โดยอาจารย์ให้นักศึกษาจับคู่กัน และให้แต่ละคู่นั้นเลือกพัฒนาสิ่งของเหลือใช้จากทั้ง ขยะอาหาร และ ขยะจากโรงพยาบาล อย่างละ 1 วัสดุครับ
พอพาพันเข้ามาในห้องเรียนก็ได้เจอกับพี่ๆ นักศึกษาเยอะแยะ ที่น่าสนใจคือ พาพันเจอพี่ๆ ที่ทำงานแล้วมาร่วมเรียนวิชานี้ด้วย แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ในห้องเรียน Scrap Lab นี้ยังมีนักศึกษาต่างชาติด้วยครับ แสดงว่าคอร์สนี้ไม่ธรรมดาเลย พอพี่ๆ นักศึกษาทยอยมากันจนครบ มีประมาณ 20 กว่าคนครับ อาจารย์สิทธา อาจารย์รับเชิญในวันนี้ก็เริ่มบรรยายครับ และอย่างที่พาพันได้บอกไปว่ามีชาวต่างชาติมาเรียนด้วย เราเลยได้เรียนกันทั้งสองภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษครับ อินเตอร์สุดๆ พาพันเลยได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษด้วย ^^
อาจารย์สิทธาเปิดด้วยคำถามนี้ครับ “Design คืออะไร”
ซึ่งคำตอบจากพี่ๆ ก็มีหลากหลาย บ้างก็บอกว่าเป็นการทำให้ชิ้นงานสวยงาม บ้างก็ว่าทำให้ชิ้นงานใช้งานได้ บ้างก็ว่าการนำเศษวัสดุมาผลิตเป็นชิ้นงาน
ซึ่งอาจารย์สิทธาก็อธิบายให้ฟังว่า "การ Design หรือ การออกแบบ คือการเพิ่มมูลค่าให้ชิ้นงาน และทำให้ชิ้นงานมีรูปลักษณ์ที่สวยงามดึงดูดผู้ใช้ ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบคือการแก้ปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างมีวิสัยทัศน์"
อาจารย์สิทธายกตัวอย่างว่า ถ้าเรามีผ้าหนึ่งกอง เราจะออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ ถ้าเราใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ผลงานที่ออกมาอาจจะเป็น....
หรือการออกแบบชั้นวางของ ถ้าเราใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ชั้นหนังสือที่ออกมาอาจมีหน้าตาแบบนี้....??
การออกแบบไม่ได้มีเฉพาะเรื่องข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเราเท่านั้นนะครับ การออกแบบได้ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตหรือวิถีชีวิตของคนเราเลยทีเดียว อาจารย์สิทธา ยกตัวอย่างว่า ในพื้นที่ที่น้ำสะอาดเข้าไม่ถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านจะต้องเดินทางไปขนน้ำเป็นระยะไกลมาก ซึ่งขนน้ำกว่า 20 ลิตร การที่ต้องไปขนน้ำจากที่แสนไกล ส่งผลให้ชาวบ้านเหล่านั้น ไม่มีเวลาทำงานหาเลี้ยงชีพ มีความลำบาก และส่งผลต่อสุขภาพของชาวบ้านในระยะยาว เพราะเวลาที่ชาวบ้านขนน้ำ เขาจะยกน้ำขึ้นทูนไว้บนหัวครับ ซึ่งน้ำหนักของน้ำที่หนักมากจะส่งผลต่อกระดูกต้นคอและศีรษะ ดังนั้นจึงมีการออกแบบเครื่องทุ่นแรงที่ชื่อ “Hippo Roller” ขึ้นมาครับ
ไม่ใช่แค่แก้ปัญหา แต่ทำให้การขนน้ำกลายเป็นเรื่องสนุกไปเลย
นอกจากนี้อาจารย์สิทธายังได้เล่าให้ฟังด้วยครับว่าที่ MIT (Massachusetts Institute of Technology) จะมีคอร์สนึงที่เป็นวิชาเกี่ยวกับการออกแบบ โดยให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มกันผลิตผลงานสร้างสรรค์อะไรก็ได้ และเมื่อจบเทอมจะมีการนำเสนอผลงานอย่างใหญ่โต ซึ่งมีคนสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมากครับ นักศึกษาบางกลุ่มก็ลงมือทำตั้งแต่ต้นเทอม บางกลุ่มก็มาเผาเอาไม่กี่คืนก่อนวันเสนอผลงาน ซึ่งอาจารย์บอกว่าเคล็ดลับในการผลิตงาน ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ตอนคิด ถ้าให้เวลาในการคิด หรือ Ideation มาก งานก็จะออกมาดีครับ มาเร่งๆ ทำที่หลัง งานออกมาจะไม่ดีครับ
ว้าว..พาพันได้เปิดโลกและได้ความรู้ใหม่ๆ มาเยอะเลยครับ พาพันชอบเรียนวิชานี้แล้วสิ ได้ความรู้เยอะเลย พาพันจะได้เอามาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟัง และจะได้เอาไปประยุกต์ใช้ด้วย น่าเสียดายที่วันนี้พาพันไม่ได้เตรียมทานข้าวก่อนเข้าเรียน ตอนนี้ท้องร้องเสียงดังมาก พาพันเลยได้อยู่เรียนเฉพาะช่วงบรรยายเท่านั้น เสียดายจังที่ไม่ได้ฟังพี่ๆ นักศึกษาพรีเซนท์ว่ากำลังออกแบบชิ้นงานจากวัสดุกันยังไงบ้าง
แต่อาทิตย์หน้าพาพันจะเตรียมตัวมาอย่างดีแน่นอนครับ และแน่นอนพาพันจะเก็บข้อมูลมาเล่าให้พี่ๆ ฟังต่อด้วยครับ ว่าการแปลงวัสดุเหลือใช้มาเป็นชิ้นงานเนี่ย จะมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไรบ้าง ติดตามเรื่องราวรักษ์โลกอย่างนี้ต่อในกระทู้หน้านะครับ วันนี้ สวัสดีครับ
Fact of this course
-วิชา Scrap Design เป็นวิชาเลือกในหลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครับ วิชานี้เริ่มมีการเรียนการสอนตั้งแต่ปี 2008 ปัจจุบันวิชานี้เปิดสอนเป็นปีที่ 6 แล้วครับ
-วิชา Scrap Design จะเปิดสอนในภาคปลายการศึกษา ใน 1 เทอม มีเรียนทั้งหมด 18 ครั้ง และครั้งละ 3 ชั่วโมง โดย 1 คาบเรียนมีการแบ่งการสอนเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเป็นการบรรยายและหลังจากนั้นจะเป็นการอภิปรายผลงานและกระบวนการปฎิบัติของนักศึกษา
-ใน 1 เทอม วิชา Scrap Design สามารถรองรับนักเรียนได้สูงสุดจำนวน 20 คน โดยแบ่งเป็นนักศึกษาปริญญาตรี 10 คน ส่วนนักศึกษาปริญญาโทและกับบุคลภายนอกไม่ได้จำกัด
-วัตถุประสงค์ของวิชานี้คือ เพื่อเน้นกระบวนการพัฒนาการออกแบบเศษวัสดุ เชิงลึกอย่างเป็นระบบและสร้างสรรค์ หามุมมองใหม่เพื่อ
แก้ไขสถานการณ์ขยะด้วยผสมผสานระเบียบวิธีวิจัยในการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์ผลการทดลองต่างๆ ก่อนการออกแบบชิ้นงาน
-ในการเรียนวิชานี้ นักศึกษาจะได้ลงมือออกแบบผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุจริง โดยในแต่ละเทอมจะมีโจทย์เศษวัสดุที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
อย่างในเทอมนี้ เศษวัสดุที่เป็นโจทย์ที่ต้องนำมาผลิตผลงานคือ เศษอาหารและของเหลือใช้จากโรงพยาบาล (Food waste & Hospital waste)
-อาจารย์ผู้สอนในรายวิชานี้มีทั้งหมด 4 ท่าน ดังนี้
1.ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต 2.อ.รุ่งทิพย์ ลุยเลา 3.ดร.สิทธา สุขกสิ 4.ดร.ชิราวุฒิ เพชรเย็น
-การวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียนวิชา Scrap design
1.การเสนองาน Midterm และ ความก้าวหน้าของงาน (Progress) 30%
2. การเสนองานขั้นสุดท้าย (Final Presentation) 30%
3. ความสนใจเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอและมีส่วนร่วมในชั้นเรียน (Attendance) 20%
4. รายงาน (Report) 20%
-สิ่งที่อาจารย์อยากสื่อสารอะไรผ่านการสอนวิชานี้ คือ
" All the problems can solve by creative design "
และนี่คือตัวอย่างผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ใช้พื้นฐานความรู้จากวิชา "Scrap design"ครับ
ทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์รักษ์โลกชิ้นนี้แบบเต็มๆ ได้ที่ อัพเดท...เมื่อเจ้าวัสดุ "Metile" (โลหะ+ไม้) ได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ดีไซน์เท่ !!!