โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ตลาดหลักทรัพย์ฯแจ้งเตือน 24 บริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนระยะที่ 3 เร่งแก้ไขเหตุเพิกถอนภายในเดือนมี.ค.นี้ ไม่ทัน พร้อมเพิกถอน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้ปรับปรุงแนวทางดำเนินการต่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานตามข้อ 9 (6) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2542 ซึ่งเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2554 เป็นต้นมา โดยกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เนื่องจากปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน (NC&NPG) ต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานให้พ้นเหตุเพิกถอนภายใน 3 ปี
หากบริษัทมีความคืบหน้าในแก้ไขเหตุเพิกถอน แต่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว และบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์การขอขยายระยะเวลาฟื้นฟูกิจการ บริษัทก็อาจขอขยายเวลาได้ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี (รวมระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 4 ปี)
ทั้งนี้ในระหว่างปี 2554-2556 ตลาดหลักทรัพย์ ได้ประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 มาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 24 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เอบิโก้ โฮลดิ้งส์ บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัท บางกอกรับเบอร์ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัท เซอร์คิทอีเลคโทรนิคส์อินดัสตรีส์ บริษัท เซ็นทรัลอุตสาหกรรมกระดาษ บริษัท ดาต้าแมท บริษัท ไอทีวี บริษัท เค-เทค คอนสตรัคชั่น บริษัท แมงป่อง 1989 บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี บริษัท พัฒน์กล บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส บริษัท สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง บริษัท ซันวู้ดอินดัสทรีส์ บริษัท ไทย พร็อพเพอร์ตี้ บริษัท ตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล บริษัท ทีทีแอนด์ที บริษัท วีจีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น บริษัท วีรีเทล
นอกจากนี้ ยังได้มีหนังสือแจ้งบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว และสำเนาถึงคณะกรรมการบริษัททุกท่านได้ทราบทุกระยะรวมทั้งหมด 3 ครั้งด้วยเช่นกัน
ตลาดหลักทรัพย์ ยังแจ้งต่อว่า เพราะใกล้ครบกำหนด 3 ปีในการแก้ไขเหตุเพิกถอน ในเดือนมี.ค.นี้ จึงขอให้บริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ระยะที่ 3 จำนวน 24 บริษัท (NC&NPG STAGE 3) ให้เร่งดำเนินการตาม 2 แนวทางนี้ ภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ดังนี้
1.กรณีที่บริษัทดำเนินการให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ขอพ้นเหตุเพิกถอนที่ตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ บริษัทสามารถยื่นคำขอพ้นเหตุเพิกถอนต่อตลาดหลักทรัพย์ โดยมีหนังสือชี้แจงและแสดงเหตุผลหรือข้อมูลสนับสนุน ที่บริษัทเห็นว่าฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัทพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แล้ว
2.หากคืบหน้าในการแก้ไขเหตุเพิกถอน แต่บริษัทยังไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ขอพ้นเหตุเพิกถอนได้ และบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การขอขยายระยะเวลาการฟื้นฟูกิจการที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด บริษัทสามารถยื่นคำขอขยายเวลาได้ แต่ต้องยื่นคำขอพร้อมนำส่งหนังสือชี้แจงเหตุผลและข้อมูลสนับสนุนที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ขอขยายเวลา
โดยทั้ง 24 บริษัทจดทะเบียนดังกล่าว ต้องยื่นคำขอพ้นเหตุเพิกถอน หรือคำขอขยายเวลาฟื้นฟูกิจการ เพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งนำส่งงบการเงินประจำปี 2556 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต รวมทั้งคำชี้แจง หรือเอกสารข้อมูลที่สนับสนุน หรือเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคำขอดังกล่าวของบริษัทเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ ประกอบการพิจารณาคำขอภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้
"หากบริษัทจดทะเบียน ไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติการขอพ้นเหตุเพิกถอน หรือคุณสมบัติการขอขยายเวลาฟื้นฟูกิจการได้ภายใน 31 มี.ค.นี้ ตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป"ตลาดหลักทรัพย์ ระบุ
ส่วนบริษัท แมงป่อง 1989 ได้ยื่นคำขอพ้นเหตุต่อตลาดหลักทรัพย์แล้ว โดยอยู่ระหว่างพิจารณาคำขอพ้นเหตุเพิกถอนของบริษัท ขณะที่ทีทีแอนด์ที ครบกำหนด 3 ปีในการแก้ไขเหตุเพิกถอนวันที่ 22 เม.ย.นี้
สำหรับบริษัทจดทะเบียน ที่สามารถยื่นคำขอขยายเวลาการฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุเพิกถอนเมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกข้อ จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.มีส่วนของผู้ถือหุ้น (ภายหลังปรับปรุงความเห็นผู้สอบบัญชี) ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ จากการดำเนินงานจากธุรกิจหลัก 1 ปี 2.มีธุรกิจหลักที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องชัดเจน โดยปัจจัยในการพิจารณา เช่น มีรายได้เชิงพาณิชย์ มีทรัพย์สินที่ใช้ประกอบธุรกิจหลัก ใบอนุญาต/สัมปทานในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น
3.มีแนวทางแก้ไขเหตุเพิกถอนชัดเจน และมีการดำเนินการตามแผน และ 4. ผู้บริหารไม่มีลักษณะต้องห้ามตามประกาศ ก.ล.ต. และปฏิบัติตามเกณฑ์เปิดเผยข้อมูลครบถ้วน
ตลาดจ่อเพิกถอน 24 บจ.
ตลาดหลักทรัพย์ฯแจ้งเตือน 24 บริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนระยะที่ 3 เร่งแก้ไขเหตุเพิกถอนภายในเดือนมี.ค.นี้ ไม่ทัน พร้อมเพิกถอน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้ปรับปรุงแนวทางดำเนินการต่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานตามข้อ 9 (6) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2542 ซึ่งเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2554 เป็นต้นมา โดยกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เนื่องจากปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน (NC&NPG) ต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานให้พ้นเหตุเพิกถอนภายใน 3 ปี
หากบริษัทมีความคืบหน้าในแก้ไขเหตุเพิกถอน แต่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว และบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์การขอขยายระยะเวลาฟื้นฟูกิจการ บริษัทก็อาจขอขยายเวลาได้ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี (รวมระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 4 ปี)
ทั้งนี้ในระหว่างปี 2554-2556 ตลาดหลักทรัพย์ ได้ประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 มาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 24 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เอบิโก้ โฮลดิ้งส์ บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัท บางกอกรับเบอร์ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัท เซอร์คิทอีเลคโทรนิคส์อินดัสตรีส์ บริษัท เซ็นทรัลอุตสาหกรรมกระดาษ บริษัท ดาต้าแมท บริษัท ไอทีวี บริษัท เค-เทค คอนสตรัคชั่น บริษัท แมงป่อง 1989 บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี บริษัท พัฒน์กล บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล
บริษัท ซาฟารีเวิลด์ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส บริษัท สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง บริษัท ซันวู้ดอินดัสทรีส์ บริษัท ไทย พร็อพเพอร์ตี้ บริษัท ตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล บริษัท ทีทีแอนด์ที บริษัท วีจีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น บริษัท วีรีเทล
นอกจากนี้ ยังได้มีหนังสือแจ้งบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว และสำเนาถึงคณะกรรมการบริษัททุกท่านได้ทราบทุกระยะรวมทั้งหมด 3 ครั้งด้วยเช่นกัน
ตลาดหลักทรัพย์ ยังแจ้งต่อว่า เพราะใกล้ครบกำหนด 3 ปีในการแก้ไขเหตุเพิกถอน ในเดือนมี.ค.นี้ จึงขอให้บริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ระยะที่ 3 จำนวน 24 บริษัท (NC&NPG STAGE 3) ให้เร่งดำเนินการตาม 2 แนวทางนี้ ภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ดังนี้
1.กรณีที่บริษัทดำเนินการให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ขอพ้นเหตุเพิกถอนที่ตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ บริษัทสามารถยื่นคำขอพ้นเหตุเพิกถอนต่อตลาดหลักทรัพย์ โดยมีหนังสือชี้แจงและแสดงเหตุผลหรือข้อมูลสนับสนุน ที่บริษัทเห็นว่าฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัทพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แล้ว
2.หากคืบหน้าในการแก้ไขเหตุเพิกถอน แต่บริษัทยังไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ขอพ้นเหตุเพิกถอนได้ และบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การขอขยายระยะเวลาการฟื้นฟูกิจการที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด บริษัทสามารถยื่นคำขอขยายเวลาได้ แต่ต้องยื่นคำขอพร้อมนำส่งหนังสือชี้แจงเหตุผลและข้อมูลสนับสนุนที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ขอขยายเวลา
โดยทั้ง 24 บริษัทจดทะเบียนดังกล่าว ต้องยื่นคำขอพ้นเหตุเพิกถอน หรือคำขอขยายเวลาฟื้นฟูกิจการ เพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งนำส่งงบการเงินประจำปี 2556 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต รวมทั้งคำชี้แจง หรือเอกสารข้อมูลที่สนับสนุน หรือเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคำขอดังกล่าวของบริษัทเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ ประกอบการพิจารณาคำขอภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้
"หากบริษัทจดทะเบียน ไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติการขอพ้นเหตุเพิกถอน หรือคุณสมบัติการขอขยายเวลาฟื้นฟูกิจการได้ภายใน 31 มี.ค.นี้ ตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป"ตลาดหลักทรัพย์ ระบุ
ส่วนบริษัท แมงป่อง 1989 ได้ยื่นคำขอพ้นเหตุต่อตลาดหลักทรัพย์แล้ว โดยอยู่ระหว่างพิจารณาคำขอพ้นเหตุเพิกถอนของบริษัท ขณะที่ทีทีแอนด์ที ครบกำหนด 3 ปีในการแก้ไขเหตุเพิกถอนวันที่ 22 เม.ย.นี้
สำหรับบริษัทจดทะเบียน ที่สามารถยื่นคำขอขยายเวลาการฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุเพิกถอนเมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกข้อ จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.มีส่วนของผู้ถือหุ้น (ภายหลังปรับปรุงความเห็นผู้สอบบัญชี) ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ จากการดำเนินงานจากธุรกิจหลัก 1 ปี 2.มีธุรกิจหลักที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องชัดเจน โดยปัจจัยในการพิจารณา เช่น มีรายได้เชิงพาณิชย์ มีทรัพย์สินที่ใช้ประกอบธุรกิจหลัก ใบอนุญาต/สัมปทานในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น
3.มีแนวทางแก้ไขเหตุเพิกถอนชัดเจน และมีการดำเนินการตามแผน และ 4. ผู้บริหารไม่มีลักษณะต้องห้ามตามประกาศ ก.ล.ต. และปฏิบัติตามเกณฑ์เปิดเผยข้อมูลครบถ้วน