ผมกับภรรยาเป็นอีกคู่นึงที่มีภาวะมีบุตรยาก ตัวผม(38) ภรรยา(37) จนมาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วภรรยาผมก็ได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรก พออายุครรภ์ได้ 20
สัปดาห์ ทางคุณหมอได้นัดเจาะน้ำคร่ำเพื่อดูเด็กในครรภ์ โดยนัดฟังผลเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ก่อนถึงวัดฟังผลก่อน 2 วันทางพยาบาลก็
โทรมาเลื่อนนัดให้เข้ามาฟังผลวันศุกร์ที่ 31 มกราคมแทนซึ่งทางตัวภรรยาผมก็แปลกใจแล้วว่าทำไมคุณหมอถึงโทรมาเลื่อนนัดพอถามกลับไปทาง
พยาบาลทางพยาบาลก็บอกว่าให้มาฟังจากปากคุณหมอเองดีกว่าค่ะ ซึ่งคืนนั้นภรรยาผมก็นอนไม่หลับตัวผมก็ได้แต่ปลอบใจเธอคงไม่มีอะไรมากหรอก
คนไข้วันเสาร์อาจเยอะคุณหมอแกคงเลื่อนมาฟังวันศุกร์แทน วันศุกร์มาถึงที่คลินิครอพบคุณหมอ คุณหมอถือผลมาพร้อมพูดกับภรรยาผมว่า โครโมโซมคู่
ที่ 21 มีปัญหาเด็กใน
ครรภ์จะเป็นดาวน์ซินโดม เท่านั้นแหละพอคุณหมอพูดจบภรรยาก็ปล่อยโฮในห้องทางผมและพยาบาลคุณหมอต้องปลอบใจเธอซึ่งเธอเหมือนเสียสติไปเ
พอภรรยาได้สติคุณหมอจึงแนะนำว่าควรจะยุติการตั้งครรภ์ โดยคุณหมอให้เวลาทำใจและตัดสินใจ 1 อาทิตย์เมื่อผมกลับมาถึงบ้านก็ได้นุ่งคุยกับภรรยากับ
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะทำแต่มันดีกว่าที่จะปล่อยให้เขาเกิดมาซึ่งเธอก็เข้าใจและยอมรับมัน พอวันเสาร์ผมจึงได้โทรบอกคุณหมอว่า
ทางผมและภรรยาจะยุติการตั้งครรภ์โดยทางคุณหมอได้นัดผมและภรรยาที่โรงพยาบาลเมือวันจันทน์ที่ผ่านมา พอถึงวันจันทน์ผมจึงได้ขึ้นไปหาภรรยาที่
บ้านเธอ (ภรรยมผมอยู่ต่างจังหวัดส่นตัวผมทำงานอยู่ กทม.) เมื่อผมเดินทางบ้านภรรยาทางคุณพ่อเธอและพี่สาวเธอก็รออยู่แล้วจึงพากันขับรถออกมา
โดยที่ตัวผมคิดว่าคงจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดแต่ปล่าวเลย พ่อเธอกลับพามาบ้านหลังนึงในอำเภอนึง ซึ่งผมมารู้ที่หลังว่าเป็นสำนักร่างทรง(หมอดู)
ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเรื่องหมอดูมากๆผิดกับครอบครัวของภรรยาแต่ค่อนข้างเชื่อเรื่องพวกนี้ พอผมรู้ผมจึงบอกเธอว่าผมไม่ขึ้นไปนะรออยู่ข้างล่างแต่
ทางพ่อเธอไม่ยอมบังคับให้ผมขึ้นไปให้ได้ผมจึงจำใจขึ้นไปนั่งดู ร่างทรงก็ทำพิธีไปพอเจ้าเข้าร่าง ร่างทรงก็ถามมาเรื่องลูกใช่ไหมภรรยาผมก็ถามเด็กใน
ครรภ์ปกติไหม ทางร่างทรงก็บอกเด็กปกติ สุขภาพแข็งแรง เธอถามไปว่าแต่หมอที่โรงพยาบาลให้เอาออก ร่างทรงบอกว่าอย่าไปเอาออกเชียวนะไอ้คนที่
สั่งเอาออกมันจะเป็นบาปกับไอ้คนนั้นกับตัวแม่เด็กด้วย (ผมนึกในใจ อย่างนี้คุณหมอที่ตรวพบว่าเด็กผิดปกติและยุติการตั้งครรภ์และเอาเด็กออกไม่บาปกัน
ทั้งประเทศแล้วเหรอครับ) ผมทนนั่งฟังเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ พร้อมกับเสียค่าครูอีก 4900 บาท และในวันรุ่งขึ้นต้องมาทำพิธีแก้กรรมให้กับเด็กในครรภ์อีก
เมื่อเสร็จพิธีและเดินทางกลับมาถึงบ้านเธอ ผมจึงขอคุยกับเธอว่าตกลงที่คุยกันจะไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลไม่ไปแล้วใช่ไหมกลับพาไปสำนักร่างทรง
ทำไมซึ่งผมไม่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เธอบอกผมว่าเธอจะเก็บลูกไว้ไม่เอาออกเธอบอกเธอทำใจไม่ได้ที่เราให้เขาเกิดมาแล้วเรากลับมาฆ่าก่อนที่เขาจะได้
เกิด ถ้าเอาลูกออกก็ฆ่าเธอตายตามพร้อมลูกไปด้วยดีกว่า ซึ่งผมก็ได้พยายามอธิบายเหตุผลว่าการที่เราให้เขาเกิดมามันไม่เป็นบาปมากกว่าเหรอ ซึ่งตอน
แรกทาง คุณพ่อเธอ พี่สาวเธอ ก็เห็นด้วยที่จะให้ยุติการตั้งครรภ์แต่ไปๆมาๆหลังจากไปสำนักร่างทรงกลับมาก็กลับมาพูดเหมือนกันว่าให้เก็บเด็กไว้ ซึ่งผมก็
พูดกับเธอว่าตกลงเชื่อไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์งั้นเหรอ เธอบอกว่า เธอเชื่อว่าปาฎิหารย์มีจริง ผมได้แต่นิ่งไม่พูดอะไรเพราะต่างคนต่างมีเหตุผล
ของตัวเอง ผมจึงกล่าวลาเธอและครอบครัวกลับกทม. ผมขี่รถกลับ กทม. ระยะทาง 400 กว่ากิโลด้วยใจที่เหม่อลอยและน้ำตาคลอตลอดทางเมื่อถึงบ้านที่
กทม. นั่งคิด นอนคิด ว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อจากนี้ดีสับสนมากๆ จากนี้ผมควรทำยังไงครับในเมื่อเธอยืนยันว่าจะเก็บลูกไว้ ขอบคุณและน้อมรับทุกความ
คิดเห็นครับ
ผลเจาะน้ำคร่ำลูกในท้องเป็นดาน์ซินโดมจะยุติการตั้งครรภ์แต่ภรรยาเลือกเชื่อไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ผมควรทำยังไงดีครับ
สัปดาห์ ทางคุณหมอได้นัดเจาะน้ำคร่ำเพื่อดูเด็กในครรภ์ โดยนัดฟังผลเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ก่อนถึงวัดฟังผลก่อน 2 วันทางพยาบาลก็
โทรมาเลื่อนนัดให้เข้ามาฟังผลวันศุกร์ที่ 31 มกราคมแทนซึ่งทางตัวภรรยาผมก็แปลกใจแล้วว่าทำไมคุณหมอถึงโทรมาเลื่อนนัดพอถามกลับไปทาง
พยาบาลทางพยาบาลก็บอกว่าให้มาฟังจากปากคุณหมอเองดีกว่าค่ะ ซึ่งคืนนั้นภรรยาผมก็นอนไม่หลับตัวผมก็ได้แต่ปลอบใจเธอคงไม่มีอะไรมากหรอก
คนไข้วันเสาร์อาจเยอะคุณหมอแกคงเลื่อนมาฟังวันศุกร์แทน วันศุกร์มาถึงที่คลินิครอพบคุณหมอ คุณหมอถือผลมาพร้อมพูดกับภรรยาผมว่า โครโมโซมคู่
ที่ 21 มีปัญหาเด็กใน
ครรภ์จะเป็นดาวน์ซินโดม เท่านั้นแหละพอคุณหมอพูดจบภรรยาก็ปล่อยโฮในห้องทางผมและพยาบาลคุณหมอต้องปลอบใจเธอซึ่งเธอเหมือนเสียสติไปเ
พอภรรยาได้สติคุณหมอจึงแนะนำว่าควรจะยุติการตั้งครรภ์ โดยคุณหมอให้เวลาทำใจและตัดสินใจ 1 อาทิตย์เมื่อผมกลับมาถึงบ้านก็ได้นุ่งคุยกับภรรยากับ
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะทำแต่มันดีกว่าที่จะปล่อยให้เขาเกิดมาซึ่งเธอก็เข้าใจและยอมรับมัน พอวันเสาร์ผมจึงได้โทรบอกคุณหมอว่า
ทางผมและภรรยาจะยุติการตั้งครรภ์โดยทางคุณหมอได้นัดผมและภรรยาที่โรงพยาบาลเมือวันจันทน์ที่ผ่านมา พอถึงวันจันทน์ผมจึงได้ขึ้นไปหาภรรยาที่
บ้านเธอ (ภรรยมผมอยู่ต่างจังหวัดส่นตัวผมทำงานอยู่ กทม.) เมื่อผมเดินทางบ้านภรรยาทางคุณพ่อเธอและพี่สาวเธอก็รออยู่แล้วจึงพากันขับรถออกมา
โดยที่ตัวผมคิดว่าคงจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดแต่ปล่าวเลย พ่อเธอกลับพามาบ้านหลังนึงในอำเภอนึง ซึ่งผมมารู้ที่หลังว่าเป็นสำนักร่างทรง(หมอดู)
ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเรื่องหมอดูมากๆผิดกับครอบครัวของภรรยาแต่ค่อนข้างเชื่อเรื่องพวกนี้ พอผมรู้ผมจึงบอกเธอว่าผมไม่ขึ้นไปนะรออยู่ข้างล่างแต่
ทางพ่อเธอไม่ยอมบังคับให้ผมขึ้นไปให้ได้ผมจึงจำใจขึ้นไปนั่งดู ร่างทรงก็ทำพิธีไปพอเจ้าเข้าร่าง ร่างทรงก็ถามมาเรื่องลูกใช่ไหมภรรยาผมก็ถามเด็กใน
ครรภ์ปกติไหม ทางร่างทรงก็บอกเด็กปกติ สุขภาพแข็งแรง เธอถามไปว่าแต่หมอที่โรงพยาบาลให้เอาออก ร่างทรงบอกว่าอย่าไปเอาออกเชียวนะไอ้คนที่
สั่งเอาออกมันจะเป็นบาปกับไอ้คนนั้นกับตัวแม่เด็กด้วย (ผมนึกในใจ อย่างนี้คุณหมอที่ตรวพบว่าเด็กผิดปกติและยุติการตั้งครรภ์และเอาเด็กออกไม่บาปกัน
ทั้งประเทศแล้วเหรอครับ) ผมทนนั่งฟังเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ พร้อมกับเสียค่าครูอีก 4900 บาท และในวันรุ่งขึ้นต้องมาทำพิธีแก้กรรมให้กับเด็กในครรภ์อีก
เมื่อเสร็จพิธีและเดินทางกลับมาถึงบ้านเธอ ผมจึงขอคุยกับเธอว่าตกลงที่คุยกันจะไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลไม่ไปแล้วใช่ไหมกลับพาไปสำนักร่างทรง
ทำไมซึ่งผมไม่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เธอบอกผมว่าเธอจะเก็บลูกไว้ไม่เอาออกเธอบอกเธอทำใจไม่ได้ที่เราให้เขาเกิดมาแล้วเรากลับมาฆ่าก่อนที่เขาจะได้
เกิด ถ้าเอาลูกออกก็ฆ่าเธอตายตามพร้อมลูกไปด้วยดีกว่า ซึ่งผมก็ได้พยายามอธิบายเหตุผลว่าการที่เราให้เขาเกิดมามันไม่เป็นบาปมากกว่าเหรอ ซึ่งตอน
แรกทาง คุณพ่อเธอ พี่สาวเธอ ก็เห็นด้วยที่จะให้ยุติการตั้งครรภ์แต่ไปๆมาๆหลังจากไปสำนักร่างทรงกลับมาก็กลับมาพูดเหมือนกันว่าให้เก็บเด็กไว้ ซึ่งผมก็
พูดกับเธอว่าตกลงเชื่อไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์งั้นเหรอ เธอบอกว่า เธอเชื่อว่าปาฎิหารย์มีจริง ผมได้แต่นิ่งไม่พูดอะไรเพราะต่างคนต่างมีเหตุผล
ของตัวเอง ผมจึงกล่าวลาเธอและครอบครัวกลับกทม. ผมขี่รถกลับ กทม. ระยะทาง 400 กว่ากิโลด้วยใจที่เหม่อลอยและน้ำตาคลอตลอดทางเมื่อถึงบ้านที่
กทม. นั่งคิด นอนคิด ว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อจากนี้ดีสับสนมากๆ จากนี้ผมควรทำยังไงครับในเมื่อเธอยืนยันว่าจะเก็บลูกไว้ ขอบคุณและน้อมรับทุกความ
คิดเห็นครับ