โฆษก ทบ.วอนอย่าด่วนสรุปเหตุปะทะแยกหลักสี่ ชี้ตำรวจอาศัยภาพฝั่ง กปปส.จากสื่อ แต่ฝั่ง “โกตี๋” ไร้นักข่าว-ไทยมุง สอบถามประชาชน-จนท.ทหารระบุชัดมีการใช้อาวุธจากอีกฝั่ง ชี้ต้องพิสูจน์ความเชื่อมโยง แนะอย่าเพิ่งกล่าวโทษไปมา รอกระบวนการยุติธรรม
วันนี้ (2 ก.พ.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ทหารยังคงเฝ้าระวังเหตุอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุเกิดขึ้นเหมือนกับที่บริเวณแยกหลักสี่ รวมถึงขณะนี้เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ความเห็นของแต่ละบุคคลเพื่อชี้นำสังคม ตนจึงขอได้ทุกคนโปรดระมัดระวัง เพราะเกรงว่าสังคมจะเกิดความสับสน จึงอยากให้ขั้นตอนการพิสูจน์ทราบเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง
กรณีเหตุปะทะที่บริเวณแยกหลักสี่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนกรณีที่ทั้งสองกลุ่มใช้อาวุธยิงตอบโต้กัน โดยบังเอิญกลุ่มผู้ใช้อาวุธที่อยู่ทางฝั่งด้านแยกหลักสี่ ทางหรือทางฝั่งของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาศัยภาพถ่ายที่ได้จากสื่อมวลชนที่ประจำอยู่ตรงบริเวณแยกหลักสี่ใกล้ๆ กับเชิงสะพานกับบริเวณใต้สะพานใกล้ป้อมตำรวจที่ได้มีการบันทึกภาพไว้ ทางตำรวจจะนำมาประกอบเป็นหลักฐานได้แล้วจากทางฝั่งหนึ่ง
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มผู้ใช้อาวุธอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งในพื้นที่หลายคนได้ให้ข้อมูลว่าน่าจะเป็นกลุ่มของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ที่รวมอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ และบริเวณหน้าวัดหลักสี่
แต่บังเอิญบริเวณพื้นที่นั้นไม่ค่อยมีสื่อมวลชน หรือประชาชนคนใดได้มีการบันทึกภาพไว้แล้วนำมาเผยแพร่จึงอาจต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ เช่น การสอบพยานบุคคลหรือร่องรอยอื่นๆ
โดยจากการสอบถามข้อมูลของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำอยู่บริเวณป้อมตำรวจระบุได้ชัดเจนว่ามีการใช้อาวุธมาจากทางฝั่งหน้าไอทีสแควร์ด้วยเช่นกัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธตอบโต้กันไปมา โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายทาง พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.กรม.ร.11 รอ.พร้อมด้วยรอง ผบก.น.2 ยังได้ร่วมกันตรวจที่เกิดเหตุพบร่อยรอยการใช้อาวุธมีมาจากหลายทิศทางโดยเฉพาะมีมาจากฝั่งหน้าไอทีสแควร์ด้วยเช่นกัน
“ขณะนี้คงจะประเมินโดยอาศัยภาพถ่ายที่เห็นจากทางฝั่งเดียวคงไม่ได้
จึงขออย่าเพิ่งด่วนสรุปจะต้องมีกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์อย่างเป็นทางการก่อน เพราะผู้ใช้อาวุธจากทั้งสองกลุ่มอาจยังต้องผ่านการตรวจสอบพิสูจน์ทราบถึงความเชื่อมโยงกับแต่ละกลุ่มอีกว่ามีส่วนร่วมอยู่ในกลุ่มแต่ละกลุ่มจริงหรือไม่ อย่าเพิ่งสรุปกล่าวโทษกันไปมา เพราะจะเป็นการขยายเพิ่มเติมความขัดแย้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องดำเนินการ ขณะที่กระบวนการสืบสวนสอบสวนยังไม่ครบองค์ประกอบ ขอทุกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม” พ.อ.วินธัยกล่าว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000012889
ทำไมทหารรีบออกมาแก้ตัวให้กบฎ แล้วทีชายชุดดำทำไมถึงด่วนสรุปได้ล่ะครับ
ทบ.หักหน้าตำรวจ เหตุปะทะหลักสี่ฝั่ง “โกตี๋” ก็มียิง
โฆษก ทบ.วอนอย่าด่วนสรุปเหตุปะทะแยกหลักสี่ ชี้ตำรวจอาศัยภาพฝั่ง กปปส.จากสื่อ แต่ฝั่ง “โกตี๋” ไร้นักข่าว-ไทยมุง สอบถามประชาชน-จนท.ทหารระบุชัดมีการใช้อาวุธจากอีกฝั่ง ชี้ต้องพิสูจน์ความเชื่อมโยง แนะอย่าเพิ่งกล่าวโทษไปมา รอกระบวนการยุติธรรม
วันนี้ (2 ก.พ.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ทหารยังคงเฝ้าระวังเหตุอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุเกิดขึ้นเหมือนกับที่บริเวณแยกหลักสี่ รวมถึงขณะนี้เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ความเห็นของแต่ละบุคคลเพื่อชี้นำสังคม ตนจึงขอได้ทุกคนโปรดระมัดระวัง เพราะเกรงว่าสังคมจะเกิดความสับสน จึงอยากให้ขั้นตอนการพิสูจน์ทราบเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง
กรณีเหตุปะทะที่บริเวณแยกหลักสี่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนกรณีที่ทั้งสองกลุ่มใช้อาวุธยิงตอบโต้กัน โดยบังเอิญกลุ่มผู้ใช้อาวุธที่อยู่ทางฝั่งด้านแยกหลักสี่ ทางหรือทางฝั่งของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาศัยภาพถ่ายที่ได้จากสื่อมวลชนที่ประจำอยู่ตรงบริเวณแยกหลักสี่ใกล้ๆ กับเชิงสะพานกับบริเวณใต้สะพานใกล้ป้อมตำรวจที่ได้มีการบันทึกภาพไว้ ทางตำรวจจะนำมาประกอบเป็นหลักฐานได้แล้วจากทางฝั่งหนึ่ง
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มผู้ใช้อาวุธอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งในพื้นที่หลายคนได้ให้ข้อมูลว่าน่าจะเป็นกลุ่มของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ที่รวมอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ และบริเวณหน้าวัดหลักสี่ แต่บังเอิญบริเวณพื้นที่นั้นไม่ค่อยมีสื่อมวลชน หรือประชาชนคนใดได้มีการบันทึกภาพไว้แล้วนำมาเผยแพร่จึงอาจต้องอาศัยองค์ประกอบอื่นๆ เช่น การสอบพยานบุคคลหรือร่องรอยอื่นๆ
โดยจากการสอบถามข้อมูลของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำอยู่บริเวณป้อมตำรวจระบุได้ชัดเจนว่ามีการใช้อาวุธมาจากทางฝั่งหน้าไอทีสแควร์ด้วยเช่นกัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธตอบโต้กันไปมา โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายทาง พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.กรม.ร.11 รอ.พร้อมด้วยรอง ผบก.น.2 ยังได้ร่วมกันตรวจที่เกิดเหตุพบร่อยรอยการใช้อาวุธมีมาจากหลายทิศทางโดยเฉพาะมีมาจากฝั่งหน้าไอทีสแควร์ด้วยเช่นกัน
“ขณะนี้คงจะประเมินโดยอาศัยภาพถ่ายที่เห็นจากทางฝั่งเดียวคงไม่ได้ จึงขออย่าเพิ่งด่วนสรุปจะต้องมีกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์อย่างเป็นทางการก่อน เพราะผู้ใช้อาวุธจากทั้งสองกลุ่มอาจยังต้องผ่านการตรวจสอบพิสูจน์ทราบถึงความเชื่อมโยงกับแต่ละกลุ่มอีกว่ามีส่วนร่วมอยู่ในกลุ่มแต่ละกลุ่มจริงหรือไม่ อย่าเพิ่งสรุปกล่าวโทษกันไปมา เพราะจะเป็นการขยายเพิ่มเติมความขัดแย้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องดำเนินการ ขณะที่กระบวนการสืบสวนสอบสวนยังไม่ครบองค์ประกอบ ขอทุกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม” พ.อ.วินธัยกล่าว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000012889
ทำไมทหารรีบออกมาแก้ตัวให้กบฎ แล้วทีชายชุดดำทำไมถึงด่วนสรุปได้ล่ะครับ