ยอมรับว่ามันเจ็บปวดนะ.....คำพูดที่คุณคอยทิ่มตำคนที่ "ด้อยโอกาส" ทางสังคมอย่างผมและคนไทยอีกหลายๆ ล้านคน แต่ขอบใจนะ...ที่แสดงตัวตนเผยธาตุแท้ของตัวเธอออกมาให้เห็น...ขอบใจจ๊ะ...ขอบใจจริงๆ
ชาติที่แล้วหนูคงทำบุญมาเยอะจึงได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด สำหรับผมอย่าว่าแต่ช้อนแสตนเลสเลยครับ มีช้อนสังสะสีผุๆ ให้คาบก็นับว่าบุญหัวแล้ว ชีวิตในเมืองของหนูกับชีวิตในชนบทต่างก็มีมิติที่ซับซ้อนและหลากหลาย เป็นต้นว่า การแก้ปัญหาของชีวิตในเมืองก็ไม่ได้หมายความว่าจะแก้ปัญหาชีวิตในชนบทได้ และทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน...... จึงไม่อยากจะเห็นและได้ยินคนที่มีการศึกษาสูงเช่นหนูเอา “ตรรกะ” ชีวิตของคนในเมืองไปวางทาบตรรกะชีวิตของคนชนบท แล้วสรุปว่าพวกเขาโง่และหลอกง่าย
บนพื้นฐานความเป็น “มนุษย์” ความโง่และความฉลาดไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าคนในเมืองต้องฉลาดหรือคนชนบทต้องโง่เท่านั้น กล่าวให้ถึงที่สุดก็คือ...ทุกๆ คนต่างก็มีความฉลาดและความโง่ในตัวพร้อมๆ กัน ถ้าหากเอาเพียง “การศึกษา” เป็นตัวชี้ว่าใครฉลาดกว่าใครแล้ว คนชนบทอย่างผมอาจจะมีแนวโน้มฉลาดกว่าหนูตั๊นอยู่บ้าง อย่างไรก็แล้วแต่....ผมไม่กล้าที่จะว่าหนูตั๊นโง่หรอกนะเพราะอย่างน้อยๆ หนูก็คือมนุษย์เช่นเดียวกันกับผมและคนอื่นๆ ไม่ว่าจะชนบทหรือในเมือง
การใช้ชีวิต “ในเมือง” พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแทบจะทุกอย่างอย่างหนูอาจจะทำให้หนูลืมไปว่ายังมีคนอีกล้านๆ คนที่มีความสุขสบายในแบบฉบับของเขาในสังคมชนบท การกางมุ้งนอนในกระท่อมที่ชายทุ่งกับการนอนในห้องแอร์หรูไม่ได้ชี้ว่าใครโง่ใครฉลาด ฯลฯ แต่การให้เกียรติและเคารพ “แนวทางในการดำเนินชีวิต” ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันต่างหากที่พอจะเป็นตัวชี้ว่าใครฉลาดใครโง่? ถ้ามามัวแต่ยึดเอาความเป็น “ชนบท” กับ “ในเมือง” เป็นม่านบังตาเช่นนี้แล้ว ไม่มีวันหรอก....ไม่มีวันเลยที่คนเรียนมาสูงอย่างหนูจะมองทะลุม่านบังตาตรงนี้ได้
ประวัติการกระทบกระทั่งกันระหว่างสังคม “ในเมือง” กับ “ชนบท” หรือระหว่าง “ความศิวิไลซ์” กับ “ความหล้าหลัง” มีมาตลอดแทบจะทุกประเทศตั้งแต่ในอดีตและปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะปะทุจากฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า “ศิวิไลซ์” ก่อน อย่างเช่นเผ่าอารยันในอินเดีย คนอเมริกากับเผ่าอินเดียแดง เมื่ออีกฝ่ายรู้สึกถูกกดดันและเหยียดหยามก็จะลุกฮือต่อสู้ ผลแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาแต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือการเสียชีวิตด้วยเหตุเพียงเพราะการเอาความศิวิไลซ์ของอีกฝ่ายไปวางทาบอีกฝ่าย ที่เมืองไทยของเราก็มีอยู่ให้เห็นในปัจจุบันและในอดีต ไม่ว่าจะเป็นกบฏผีบุญ(จากภาคอีสาน) กบฎเงี้ยวเมืองน่าน หรือแม้แต่กบฎแบ่งแยกดินแดนของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าไปทำไมมี.....ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิงอย่าง “จูหยวนจาง” ก็คือคนยากจนจากชนบทที่ถูกกดขี่จากส่วนกลางจนเหลือทนจึงรวบรวมคนขึ้นต่อต้านจนเป็นต้นราชวงศ์หมิงที่รุ่งเรืองยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายดินแสลงฯ
ตั๊น จิตภัสร์.....Thank you for showing who you are underneath.
ชาติที่แล้วหนูคงทำบุญมาเยอะจึงได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด สำหรับผมอย่าว่าแต่ช้อนแสตนเลสเลยครับ มีช้อนสังสะสีผุๆ ให้คาบก็นับว่าบุญหัวแล้ว ชีวิตในเมืองของหนูกับชีวิตในชนบทต่างก็มีมิติที่ซับซ้อนและหลากหลาย เป็นต้นว่า การแก้ปัญหาของชีวิตในเมืองก็ไม่ได้หมายความว่าจะแก้ปัญหาชีวิตในชนบทได้ และทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน...... จึงไม่อยากจะเห็นและได้ยินคนที่มีการศึกษาสูงเช่นหนูเอา “ตรรกะ” ชีวิตของคนในเมืองไปวางทาบตรรกะชีวิตของคนชนบท แล้วสรุปว่าพวกเขาโง่และหลอกง่าย
บนพื้นฐานความเป็น “มนุษย์” ความโง่และความฉลาดไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าคนในเมืองต้องฉลาดหรือคนชนบทต้องโง่เท่านั้น กล่าวให้ถึงที่สุดก็คือ...ทุกๆ คนต่างก็มีความฉลาดและความโง่ในตัวพร้อมๆ กัน ถ้าหากเอาเพียง “การศึกษา” เป็นตัวชี้ว่าใครฉลาดกว่าใครแล้ว คนชนบทอย่างผมอาจจะมีแนวโน้มฉลาดกว่าหนูตั๊นอยู่บ้าง อย่างไรก็แล้วแต่....ผมไม่กล้าที่จะว่าหนูตั๊นโง่หรอกนะเพราะอย่างน้อยๆ หนูก็คือมนุษย์เช่นเดียวกันกับผมและคนอื่นๆ ไม่ว่าจะชนบทหรือในเมือง
การใช้ชีวิต “ในเมือง” พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแทบจะทุกอย่างอย่างหนูอาจจะทำให้หนูลืมไปว่ายังมีคนอีกล้านๆ คนที่มีความสุขสบายในแบบฉบับของเขาในสังคมชนบท การกางมุ้งนอนในกระท่อมที่ชายทุ่งกับการนอนในห้องแอร์หรูไม่ได้ชี้ว่าใครโง่ใครฉลาด ฯลฯ แต่การให้เกียรติและเคารพ “แนวทางในการดำเนินชีวิต” ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันต่างหากที่พอจะเป็นตัวชี้ว่าใครฉลาดใครโง่? ถ้ามามัวแต่ยึดเอาความเป็น “ชนบท” กับ “ในเมือง” เป็นม่านบังตาเช่นนี้แล้ว ไม่มีวันหรอก....ไม่มีวันเลยที่คนเรียนมาสูงอย่างหนูจะมองทะลุม่านบังตาตรงนี้ได้
ประวัติการกระทบกระทั่งกันระหว่างสังคม “ในเมือง” กับ “ชนบท” หรือระหว่าง “ความศิวิไลซ์” กับ “ความหล้าหลัง” มีมาตลอดแทบจะทุกประเทศตั้งแต่ในอดีตและปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะปะทุจากฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า “ศิวิไลซ์” ก่อน อย่างเช่นเผ่าอารยันในอินเดีย คนอเมริกากับเผ่าอินเดียแดง เมื่ออีกฝ่ายรู้สึกถูกกดดันและเหยียดหยามก็จะลุกฮือต่อสู้ ผลแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาแต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือการเสียชีวิตด้วยเหตุเพียงเพราะการเอาความศิวิไลซ์ของอีกฝ่ายไปวางทาบอีกฝ่าย ที่เมืองไทยของเราก็มีอยู่ให้เห็นในปัจจุบันและในอดีต ไม่ว่าจะเป็นกบฏผีบุญ(จากภาคอีสาน) กบฎเงี้ยวเมืองน่าน หรือแม้แต่กบฎแบ่งแยกดินแดนของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าไปทำไมมี.....ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิงอย่าง “จูหยวนจาง” ก็คือคนยากจนจากชนบทที่ถูกกดขี่จากส่วนกลางจนเหลือทนจึงรวบรวมคนขึ้นต่อต้านจนเป็นต้นราชวงศ์หมิงที่รุ่งเรืองยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายดินแสลงฯ