คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เข้าใจถูกต้องแล้วครับ บัตรเดบิต ก็คือบัตรเงินสดหรือบางบัตรพ่วงกับเอทีเอ็ม เราต้องมีเงินในบัญชีหรือในบัตร(เช่นบัตร 7-11) จึงจะใช้ได้ วงเงินที่ใช้จะเท่ากับเงินในบัญชีครับ
ส่วนบัตรเครดิต เหมือนเรากู้เงินธนาคารครับ เขาต้องตรวจสอบเครดิตเราก่อน จึงจะออกบัตรให้ บัตรนี้ไม่ต้องมีเงินในบัตรก็ใช้บัตรได้ แต่มีลิมิตเท่าที่เขาให้เท่านั้น และจะมีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ย เช่น เขาตัดยอดใช้บัตรวันที่ 20 และต้องชำระวันที่ 5 ของเดือนถัดไป ถ้าคุณใช้บัตรวันที่ 10 ก็จะมีเวลาปลอดดอกเบี้ย วันที่ 10-20 และ 21 - 5 ของเดือนถัดมารวมเป็น 26 วันครับ ถ้าไม่จ่ายในกำหนดก็จะถูกคิดดอกเบี้ยนับจากวันที่ 20 เลย
ส่วนบัตรเครดิต เหมือนเรากู้เงินธนาคารครับ เขาต้องตรวจสอบเครดิตเราก่อน จึงจะออกบัตรให้ บัตรนี้ไม่ต้องมีเงินในบัตรก็ใช้บัตรได้ แต่มีลิมิตเท่าที่เขาให้เท่านั้น และจะมีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ย เช่น เขาตัดยอดใช้บัตรวันที่ 20 และต้องชำระวันที่ 5 ของเดือนถัดไป ถ้าคุณใช้บัตรวันที่ 10 ก็จะมีเวลาปลอดดอกเบี้ย วันที่ 10-20 และ 21 - 5 ของเดือนถัดมารวมเป็น 26 วันครับ ถ้าไม่จ่ายในกำหนดก็จะถูกคิดดอกเบี้ยนับจากวันที่ 20 เลย
แสดงความคิดเห็น
ทำไมต้องชื่อบัตรเครดิต - บัตรเดบิต
ผมสงสัยเรื่อง ชื่อของเงินพลาสติคทั้ง 2 แบบมานานแล้วครับ แต่ก็ลืมถามตลอด
บัตรเครดิต - บัตรเดบิต ที่มาของชื่อมัน มาจากไหนครับ
ที่ผมเดาไว้ อย่างแรกเลย คือ
Credit ในภาษาอังฤษ แปลว่า ซื้อเงินเชื่อ
Debit ในภาษาอังกฤษ แปลว่า หักบัญชี หรือ รายการ transaction ที่เป็นการหักเงินออกจากบัญชี
หรืออีกแบบหนึ่ง คือ ตามการบัญชี ที่แบ่งฝั่งซ้าย(เดบิต) คือ สินทรัพย์ และ ฝั่งขวา(เครดิต) คือ หนี้+ทุน
บัตรเครดิต มันสร้างหนี้ไว้ก่อน ยังไม่ชำระในทันที (Liability) เราเลยเรียกมันว่า เครดิต เช่นที่เราซื้อสินค้าเงินเชื่อแล้วค่อยจ่ายเงินเมื่อถึงกำหนดชำระ
ส่วนบัตรเดบิต มัน link กับ account ที่เป็นเงินสดในธนาคาร (สินทรัพย์) ของเราโดยตรง เราเลยเรียกมันว่า เดบิต
ไม่รู้เข้าใจถูกซักอันไหมนะครับ ฮ่าๆ