เพิ่งสมัครเข้าฟิตเนสมาได้สองเดือนค่ะ ก่อนหน้านี้เล่นโยคะอย่างเดียวที่สตูโยคะแห่งหนึ่ง อาทิตย์ละเฉลี่ย 5 คลาสขึ้นไป รู้สึกสุขภาพดีขึ้น รูปร่างดีขึ้นมาก ก็เลยอยากเล่นต่อ แต่เวลาว่างเหลือน้อยลง และเลิกงานค่ำลงจากเดิม เลยไปเล่นโยคะที่เดิมไม่ได้ค่ะ
ฟิตเนสที่นี่จัดว่าใหญ่ และเคยดัง(แบบมีชื่อเสีย) (พิมพ์ไม่ผิดค่ะไม่มีงองู)
และไม่ได้ดังมากเท่าบางที่ในตอนนี้
เหตุผลหลักที่สมัครที่นี่เพราะตารางคลาส"โยคะ" เยอะ
และมีเวลาให้เล่นเยอะ ภายในสาขาเดียวค่ะ พอดีมีเพื่อนเล่นฟิตเนสอยู่ที่นั่น เพื่อนก็เลยพาไปสมัครค่ะ
เดือนแรกเข้าไปเล่นแบบเงียบๆ ไม่รับสายเทรนเนอร์ ไม่คุยกับใคร เข้าไปเล่นโยคะอย่างเดียว ... มันก็โอนะ แต่ก็สู้สตูโยคะอย่างเดียวไม่ได้จริงๆ พอผ่านไป 1 เดือนก็มีเทรนเนอร์โทรมาบอกว่าให้ไปลองเทรนได้ 1 ครั้ง ตาม membership ที่ซื้อมาค่ะ
เพื่อนที่เล่นอยู่ก็เคยเตือนแล้วว่า ถ้าไม่อยากเล่นโดยมีเทรนเนอร์ก็อย่าไปลองเล่น หรือลองเล่นได้ก็อย่าซื้อครั้งแรก ไม่งั้นจะติดลูปนรกแบบมัน
เราก็พลาดฮะ เอาจิงๆ ด้วยความที่ลงทุนกับโยคะปีแรกคุ้มค่ามาก จ่ายเงินเฉลี่ยแค่เดือนละ 2000 แล้วชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก
เลยคิดว่าลองดูก็ได้แฮะ จ่ายเงินก้อนแรกไปหมื่นกว่าบาท เทรนเนอร์จะมีชั่วโมงที่ลงทะเบียน+ชั่วโมงที่แถมฟรีให้เพื่อส่งเสริมการขาย
พร้อมข้อตกลงกับเทรนเนอร์ว่าจะเข้ามาเทรนได้อย่างมากสองอาทิตครั้ง ก็จะหมดภายในหนึ่งปีพอดี
(จริงๆแล้วตอนแรกเทรนเนอร์เสนอแพคเกจที่เยอะโหดมาก เป็นยอดเงินร่วมสามหมื่นได้...แต่เราไม่สน และก็ไม่ได้อยากเทรนมากขนาดนั้น แค่อยากลองเล่นดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีผิดหูผิดตาแบบโยคะมั้ย) จ่ายรอบแรกนี่ เราไม่ได้คิดมาก เคยลงทุนแล้วได้ผล เลยลองลงทุนกับสิ่งใหม่ดูบ้าง หวังว่าจะได้ผลที่ดีในอีกทางบ้างเหมือนกัน
พอมาเล่นครั้งแรก(แบบที่จ่ายเงินไปแล้ว) สิ่งที่ได้เจอคือเทรนเนอร์ทำตัวเทคแคร์ดูแลเกินเหตุ ทำตัวตามคอนเซ็ปที่แบบว่า "ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง..." ทำให้รู้สึกหลอนมากในรอบแรก นี่ช้านมาเล่นฟิตเนส หรือมาเที่ยวบาร์ที่มีผู้ชายมาบริการวะ...
แนะนำเลยนะคะ ถ้าคุณเซงทะเลาะกับแฟนหรือนอยด์คุณพ่อบ้าน
อาจจะได้หุ่นที่ดีแถมหายเซ็งโดยที่ไม่ต้องเสียเงินไปนั่งบาร์
แต่รู้สึกว่าพี่เค้าไม่ได้ตั้งใจหรือใส่รายละเอียดในการสอนเท่าไหร่นัก เข้าใจนะคะว่านี่คือการตลาด แต่บางทีก็การตลาดมากไปจนลืมแก่นสารว่าคนที่มาเทรน คาดหวังความรู้ คาดหวังปั้นร่างให้ดูดี สร้างกล้ามเนื้อและสุขภาพที่ดี มากกว่าการมาหาผู้ชายแก้เซง หนูไม่ได้หน้าตาดีอะไรด้วยค่ะ หุ่นที่ได้มา ก็มาจากโยคะล้วนๆ ไม่ได้เป๊ะเวอร์เหมือนคนที่เล่นฟิตเนสจนเชี่ยวชาญ แต่พี่เขาก็จะพยายามพูดเอาใจว่าแบบ เราหุ่นดีนะ ต้องแก้ตรงนั้น ตรงนี้ รวมไปถึง น้องหน้าตาดีนะ เพื่อนพี่ ลูกค้าพี่บลาๆๆ หลอนค่ะ พูดเลย หนูไม่ได้เคลิบเคลิ้ม
พอไปเทรนครั้งที่สองเท่านั้น พี่แกเริ่มเปลี่ยนแนวการตลาด (หลังจากที่ผ่านครึ่งชม.แรกไป แกพยายามป้อยอแล้วดูแล้วไม่คล้อยตาม) ก็เริ่มชวนคุยเพื่อการขายด้วยวิธีอื่น ประมาณว่าป้อยอไม่สำเร็จ ก็เลยต้องตีสนิทด้วยการชวนคุยเรื่องเรียน เรื่องมหาลัยแทน ได้ผลค่ะ รู้สึกแย่กับพี่แกน้อยลง ...พี่แกสาธยายชีวิตให้ฟังตั้งแต่ทำงานอะไรมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนสุดท้ายก็คงจะเป็นไม้เด็ดของการขอเงินรอบที่สอง คือเล่าระบบการเลื่อนระดับของเทรนเนอร์ ค่าสอนรายชั่วโมงที่เทรนเนอร์จะได้ เมื่ออยู่ในเลเว่วที่ต่างกัน รวมไปถึงยอดขายที่ require จากแต่ละ Level เป็นแสนๆค่ะ ...โห!!! โหดมากค่ะ ปิดยอดไม่ได้ก็ลดเลเว่วพี่เขาให้รายได้ค่าสอนต่อชั่วโมงลดลงอีก และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ "เลเว่วของเทรนเน่อ ไม่ได้วัดจากความสามารถ แต่วัดจากยอดขายค่ะ"
รอบที่สองเลยหลวมตัวเสียเงินช่วยให้พี่เขาปิดยอดได้ไปอีกเป็นหมื่น ทั้งๆที่ชั่วโมงเทรนในมือที่มีอยู่ เหลืออีกตั้งยี่สิบกว่าชั่วโมง
และรอบนี้ซื้อชั่วโมงการเทรนที่ไม่มีเอกสารลงทะเบียนอะไรให้ด้วยค่ะ เรียกง่ายๆว่าเหมือนเป็นชั่วโมงฟรีทั้งหมด ความมั่นคงของเงินหมื่นอยู่ที่ลมปากของคนที่เริ่มจะเชื่อไม่ได้และ แฮะ ...
กลับบ้านมารู้สึกโง่ เอ๊ะ!!! โดนหลอกใช่มั้ยนี่ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามีชั่วโมงเทรนในมือ สี่สิบกว่าชั่วโมง แต่ได้ลงทะเบียนจริงกับทางฟิตเนสแค่ 18 ชั่วโมง ชีวิตเริ่มไม่มั่นใจแล้วแฮะว่าถ้าพี่คนนี้เลิกทำ หรือออกไปจากฟิตเนสนี้ ค่าสอนชั่วโมงที่ฟรี จะหายไปด้วยหรือเปล่า
พอกลับไปคุยกับเพื่อนที่พามาสมัครค่ะ (เพื่อนเป็นผู้ชายนะคะ)
เค้าก็บอกว่า " แกพลาดแล้วล่ะ..." คือมันก็โดนขอเงินปิดยอดบ่อยๆ จนตอนนี้มันเลิกเทรนไปแล้ว ทั้งที่เหลือชั่วโมงเทรนอยู่อีกเยอะมาก (คิดเป็นเงินประมาณหมื่นกว่าบาท) ของเพื่อนเรานี่ เวลามาขอนี่ดู"ดราม่า"และจำเป็นยิ่งกว่าของเราอีก คือเค้ามีคนในทีมหลายคน ถ้าน้องคนนั้นปิดยอดไม่ได้ น้องจะต้องออกจากฟิตเนสนี้ไป (นี่ฟิตเนสหรือบ้าน AF กันล่ะคะเนี่ย) พอช่วยน้องคนที่หนึ่งเสร็จ ก็จะมีน้องคนที่สอง ที่สามในทีมนั้นมาให้ช่วยเรื่อยๆ (โอว นี่มันอัลไลกัน)
ตอนนี้เพื่อนเราคนนี้เลิกเทรนไปแล้วอย่างที่บอก มันบอกว่า ถ้าอยากปิดลูปนรกนี้ก็ต้องเลิกเทรนไปเลย ไม่ว่าจะเหลือชั่วโมงเทรนเท่าไหร่ก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะถ้าไปอีกก็เจออีก เสียเงินอีก ไม่ว่าเราจะยืนกรานชัดเจนแค่ไหนว่าไม่ซื้อ เค้าก็จะทำให้เราซื้อจนได้ ไม่ด้วยคำอ้อนวอนขอร้อง ก็ด้วยวิธีการชักจูงใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
อันนี้เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ... เราเริ่มถามตัวเอง แล้วก็โทรไปเล่าให้เพื่อนสนิทสาวสวยคนนึงฟัง
เพื่อนคนนี้นางเคยเล่นฟิตเนสแถวบ้านซึ่งเทรนเนอร์เหล่านี้ก็มักจะเคยเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสใหญ่ๆดังๆกันมาก่อน แล้วก็วนเข้าวนออกกันแบบที่ว่า turn over สูงกว่างานไอทีที่เราทำอยู่เสียอีก ยิ่งฟังว่า turnover สูง ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า พลาดและ ที่จ่ายเงินซื้อเชื่อแบบไม่มีหลักฐานอะไรเลยนี่หว่า (ซวยและกรู)
เนื่องจากเทรนเนอร์ที่สอนนางค่อนข้างสนิทกับนาง และก็เคยไปวนเวียนอยู่ในสังคมฟิตเนสของที่ใหญ่ๆมาเยอะ ทำให้นางได้ข้อมูลอะไรๆที่เป็นรายละเอียดมาเยอะมาก อย่างไม่คาดคิด !!!!
นางบอกว่า แรกๆนางก็โดนดูแลดีเว่อ และถูกป้อยอแบบเรา เหมือนมันเป็นวิธีการขายที่ถอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่นางก็ไม่ชอบ เทรนเนอร์นางก็เลยเลิกทำ (อาการเดียวกับเทรนเนอร์เรา) หลังๆนางเริ่มสนิทกับเทรนเนอร์เขาก็เลิกป้อยอ แล้วเขาก็ไม่ค่อย Hard sale แล้ว(โอว นางทำได้ไง...)
เพื่อนคนนี้นางเป็นคนที่สวยน่ารักแบบว่าคนจีบเยอะ แต่นางก็ไม่สนใจใครเท่าไหร่ อุอุ นางก็ไปเทรนเรื่อยๆ พอสนิทกับเทรนเนอร์แบบเพื่อนสนิทกะเพื่อน เทรนเนอร์นางก็ชอบเอารูปผู้หญิงที่หลอกจีบได้มาอวด ไม่ซ้ำหน้า เล่าเผาเรื่องของเทรนเนอร์คนอื่นที่มีเกย์หรือผู้หญิงรวยคอยเลี้ยง จนขับรถหรูมาทำงานทุกวันให้ฟัง ในสังคมเค้ามีการแข่งกันด้วยฮะ ว่าใครจับผู้หญิงหรือเกย์ได้รวยกว่ากัน (เห้ย นี่มันอัลไล) แถมมีอาชีพเสริมเป็นผู้ชายบาร์โฮส !!!! (เฮ้ยยย เซ้นกรูแรงหรอวะเนี่ย) แต่เทรนเนอร์ของนางไม่ได้ทำนะ (มั้ง) ผู้ชายกลุ่มนี้เป็นผู้ชายแท้แท้ แต่ก็อ้อนให้เลี้ยงดูได้ทั้งจากเกย์และผู้หญิง (เห้ยยย!!!!! สังคมมันโหดร้าย หรือที่ผ่านมาชั้นโลกสวยเกินไปคะ) จนหมดคอร์สที่ซื้อไว้นางก็เลิกไป เพราะหมด Member ที่นั่นพอดี และนางก็ไม่ได้เล่นฟิตเนสไปอีกนาน
ภาพเริ่ม Flash back เทรนเนอร์คนแรกเห็นเราอายุไม่มาก ไม่ได้เห็นใบสมัคร เซลพาเดินไปฝากเฉยๆ เค้าดูไม่สนใจเราเท่าไหร่ พอเราบอกว่าจะเล่นแต่โยคะ เค้าก็เลิกจูงใจเราไปเลย เค้าอาจจะเป็นคนดีปกติที่ไม่ Hard sale ก็ได้นะ เราก็เลยไม่ได้สมัครเทรนนิ่งคอร์สกับเขา แต่พี่เทรนเนอร์คนถัดมานี้(คนที่สอนเราปัจจุบัน)โทรหาเราจากใบสมัคร เห็นรายได้ต่อเดือนของเรา ==' เพลียใจจุงเบย เพื่อนเราที่เล่นที่เดียวกันก็ไม่ได้โดนขายทีละหลายๆหมื่นแบบเรา เวลาถูกขอ เพราะมันเขียนรายได้น้อยๆเพราะมันทำบริษัทตัวเอง (เลขน้อย แต่หุ้นเยอะ) เพื่อนเราก็จะโดนทีละสองพัน ห้าพัน เห้ย!!! ทำไมเราโดนโหดกว่าเยอะเลยวะ
เราไม่ได้มาโจมตีเทรนเนอร์ฝ่ายเดียวนะคะ จริงๆแล้วส่วนนึง ฟิตเนสก็เอาเปรียบมากไปค่ะ ค่าสอนที่ได้ไม่ถึง 50% ของเงินที่ลูกค้าจ่ายจริงด้วยซ้ำ ถ้าเราไม่มีชั่วโมงที่เทรนเนอร์สอนฟรี ค่าเรียนจะตกชั่วโมงละ 800 อย่างถูกซึ่งเทียบกับค่าสอนชั่วโมงละ 80-150-200 บาท แล้วรู้สึกว่า โอ้ว นี่ส่งใครมาสอนเรา ไปเรียนกับครูโยคะตัวต่อตัวยังรู้สึกคุ้มค่ากว่าเยอะ T_T อย่างน้อยก็พัฒนาสกิลได้เร็วกว่าการเรียนรวมในคลาสมากขึ้นจริงๆ แล้วยอดขายที่ถูกตั้งไว้โหดแสนโหด ถ้าทำไม่ถึงก็ถูกลดระดับ หรือถ้าเป็นเลเว่วต่ำสุด ถ้าทำยอดไม่ได้ก็ต้องออกไป สุดท้ายก็มาลงกับผู้บริโภคที่ต้องจ่ายเงินเพื่อช่วยคนเหล่านั้น ทั้งๆที่เงินที่จ่ายไปอาจจะไปถึงคนที่เราช่วยจริงๆไม่ถึง 20% เราก็ต้องช่วยสินะเคอะ
พี่ๆที่จบวิทยาศาสตร์การกีฬาคนอื่นๆคงรู้สึกเสียสถาบันใช่มั้ยคะ เราก็ไม่รู้ค่ะว่าจะเยียวยาปัญหาเหล่านี้ได้ยังไง
รู้แต่ว่าเราคงไม่สนับสนุนธุรกิจขอเงินแบบห่วงโซ่ที่โหดร้ายแบบนี้อีกแล้ว ถ้าใช้ชั่วโมงเทรนให้หมดได้ก็จะพยายามใช้ แต่ถ้าไปแล้วจะต้องเสียเงินอีก จะหนีออกมาทันที และรอบนี้จะยอมจ่ายค่าโยคะหลายๆที่ แล้วไปเล่นที่อื่น เลิกเล่นที่ฟิตเนสนรกนั่นทันที
เราไม่รู้ว่าจะแก้ไขระบบนรกนี่ได้ยังไง แต่ไม่อยากให้โยนความผิดให้ใครคนใดคนหนึ่ง
...ลูกค้าฟิตเนสอาจจะต้องเลิกช่วยเหลือหรือใยดีกับนิยายน้ำเน่าหรือเรื่องแสนเศร้าของน้องเทรนเนอร์ที่ต้องออกจากงาน
...ฟิตเนสเซ็นเตอร์ควรจะมีวิธีทางการตลาดที่ดีกว่าการบีบให้เทรนเนอร์ทำยอดเยอะๆ ไม่งั้นถูกลดเงินค่าสอนหรือถูกให้ออกจากงานไป
พี่ๆเทรนเนอร์ที่เป็นคนปกติดีๆมีฝีมือจะได้ขายความสามารถที่มีในการเฟิร์มรูปร่างลูกค้า หรือความสามารถในการพัฒนาศักยภาพทางร่างกายให้ลูกค้าจริงๆ มากกว่าการหาทางทำให้พอใจเพื่อที่จะได้ขายได้ ทุกวิถีทาง
อยากขอความเห็นเพื่อนๆชาวพันทิปค่ะ เราควรจะหนีเลิกไปเทรนแบบเพื่อนเราดีมั้ย แต่ก็ทำใจยากอะ หมดเงินไปสองสามหมื่นบาทแล้ว...
แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าอยากแก้ไขระบบที่ทั้งเอาเปรียบเทรนเนอร์ และขูดรีดเงิน member เยี่ยงนี้
เอ๊ะ ... หรือฟิตเนสที่อื่นเค้าเป็นกันมั้ยคะ ขอความรู้แชร์กันหน่อยค่ะ
อยากให้เยียวยาฟิตเนสไทย... ทำไมเทรนเนอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อขอเงินคะ
ฟิตเนสที่นี่จัดว่าใหญ่ และเคยดัง(แบบมีชื่อเสีย) (พิมพ์ไม่ผิดค่ะไม่มีงองู)
และไม่ได้ดังมากเท่าบางที่ในตอนนี้ เหตุผลหลักที่สมัครที่นี่เพราะตารางคลาส"โยคะ" เยอะ
และมีเวลาให้เล่นเยอะ ภายในสาขาเดียวค่ะ พอดีมีเพื่อนเล่นฟิตเนสอยู่ที่นั่น เพื่อนก็เลยพาไปสมัครค่ะ
เดือนแรกเข้าไปเล่นแบบเงียบๆ ไม่รับสายเทรนเนอร์ ไม่คุยกับใคร เข้าไปเล่นโยคะอย่างเดียว ... มันก็โอนะ แต่ก็สู้สตูโยคะอย่างเดียวไม่ได้จริงๆ พอผ่านไป 1 เดือนก็มีเทรนเนอร์โทรมาบอกว่าให้ไปลองเทรนได้ 1 ครั้ง ตาม membership ที่ซื้อมาค่ะ
เพื่อนที่เล่นอยู่ก็เคยเตือนแล้วว่า ถ้าไม่อยากเล่นโดยมีเทรนเนอร์ก็อย่าไปลองเล่น หรือลองเล่นได้ก็อย่าซื้อครั้งแรก ไม่งั้นจะติดลูปนรกแบบมัน
เราก็พลาดฮะ เอาจิงๆ ด้วยความที่ลงทุนกับโยคะปีแรกคุ้มค่ามาก จ่ายเงินเฉลี่ยแค่เดือนละ 2000 แล้วชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก
เลยคิดว่าลองดูก็ได้แฮะ จ่ายเงินก้อนแรกไปหมื่นกว่าบาท เทรนเนอร์จะมีชั่วโมงที่ลงทะเบียน+ชั่วโมงที่แถมฟรีให้เพื่อส่งเสริมการขาย
พร้อมข้อตกลงกับเทรนเนอร์ว่าจะเข้ามาเทรนได้อย่างมากสองอาทิตครั้ง ก็จะหมดภายในหนึ่งปีพอดี
(จริงๆแล้วตอนแรกเทรนเนอร์เสนอแพคเกจที่เยอะโหดมาก เป็นยอดเงินร่วมสามหมื่นได้...แต่เราไม่สน และก็ไม่ได้อยากเทรนมากขนาดนั้น แค่อยากลองเล่นดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีผิดหูผิดตาแบบโยคะมั้ย) จ่ายรอบแรกนี่ เราไม่ได้คิดมาก เคยลงทุนแล้วได้ผล เลยลองลงทุนกับสิ่งใหม่ดูบ้าง หวังว่าจะได้ผลที่ดีในอีกทางบ้างเหมือนกัน
พอมาเล่นครั้งแรก(แบบที่จ่ายเงินไปแล้ว) สิ่งที่ได้เจอคือเทรนเนอร์ทำตัวเทคแคร์ดูแลเกินเหตุ ทำตัวตามคอนเซ็ปที่แบบว่า "ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง..." ทำให้รู้สึกหลอนมากในรอบแรก นี่ช้านมาเล่นฟิตเนส หรือมาเที่ยวบาร์ที่มีผู้ชายมาบริการวะ...
แนะนำเลยนะคะ ถ้าคุณเซงทะเลาะกับแฟนหรือนอยด์คุณพ่อบ้าน อาจจะได้หุ่นที่ดีแถมหายเซ็งโดยที่ไม่ต้องเสียเงินไปนั่งบาร์
แต่รู้สึกว่าพี่เค้าไม่ได้ตั้งใจหรือใส่รายละเอียดในการสอนเท่าไหร่นัก เข้าใจนะคะว่านี่คือการตลาด แต่บางทีก็การตลาดมากไปจนลืมแก่นสารว่าคนที่มาเทรน คาดหวังความรู้ คาดหวังปั้นร่างให้ดูดี สร้างกล้ามเนื้อและสุขภาพที่ดี มากกว่าการมาหาผู้ชายแก้เซง หนูไม่ได้หน้าตาดีอะไรด้วยค่ะ หุ่นที่ได้มา ก็มาจากโยคะล้วนๆ ไม่ได้เป๊ะเวอร์เหมือนคนที่เล่นฟิตเนสจนเชี่ยวชาญ แต่พี่เขาก็จะพยายามพูดเอาใจว่าแบบ เราหุ่นดีนะ ต้องแก้ตรงนั้น ตรงนี้ รวมไปถึง น้องหน้าตาดีนะ เพื่อนพี่ ลูกค้าพี่บลาๆๆ หลอนค่ะ พูดเลย หนูไม่ได้เคลิบเคลิ้ม
พอไปเทรนครั้งที่สองเท่านั้น พี่แกเริ่มเปลี่ยนแนวการตลาด (หลังจากที่ผ่านครึ่งชม.แรกไป แกพยายามป้อยอแล้วดูแล้วไม่คล้อยตาม) ก็เริ่มชวนคุยเพื่อการขายด้วยวิธีอื่น ประมาณว่าป้อยอไม่สำเร็จ ก็เลยต้องตีสนิทด้วยการชวนคุยเรื่องเรียน เรื่องมหาลัยแทน ได้ผลค่ะ รู้สึกแย่กับพี่แกน้อยลง ...พี่แกสาธยายชีวิตให้ฟังตั้งแต่ทำงานอะไรมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนสุดท้ายก็คงจะเป็นไม้เด็ดของการขอเงินรอบที่สอง คือเล่าระบบการเลื่อนระดับของเทรนเนอร์ ค่าสอนรายชั่วโมงที่เทรนเนอร์จะได้ เมื่ออยู่ในเลเว่วที่ต่างกัน รวมไปถึงยอดขายที่ require จากแต่ละ Level เป็นแสนๆค่ะ ...โห!!! โหดมากค่ะ ปิดยอดไม่ได้ก็ลดเลเว่วพี่เขาให้รายได้ค่าสอนต่อชั่วโมงลดลงอีก และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ "เลเว่วของเทรนเน่อ ไม่ได้วัดจากความสามารถ แต่วัดจากยอดขายค่ะ"
รอบที่สองเลยหลวมตัวเสียเงินช่วยให้พี่เขาปิดยอดได้ไปอีกเป็นหมื่น ทั้งๆที่ชั่วโมงเทรนในมือที่มีอยู่ เหลืออีกตั้งยี่สิบกว่าชั่วโมง
และรอบนี้ซื้อชั่วโมงการเทรนที่ไม่มีเอกสารลงทะเบียนอะไรให้ด้วยค่ะ เรียกง่ายๆว่าเหมือนเป็นชั่วโมงฟรีทั้งหมด ความมั่นคงของเงินหมื่นอยู่ที่ลมปากของคนที่เริ่มจะเชื่อไม่ได้และ แฮะ ...
กลับบ้านมารู้สึกโง่ เอ๊ะ!!! โดนหลอกใช่มั้ยนี่ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามีชั่วโมงเทรนในมือ สี่สิบกว่าชั่วโมง แต่ได้ลงทะเบียนจริงกับทางฟิตเนสแค่ 18 ชั่วโมง ชีวิตเริ่มไม่มั่นใจแล้วแฮะว่าถ้าพี่คนนี้เลิกทำ หรือออกไปจากฟิตเนสนี้ ค่าสอนชั่วโมงที่ฟรี จะหายไปด้วยหรือเปล่า
พอกลับไปคุยกับเพื่อนที่พามาสมัครค่ะ (เพื่อนเป็นผู้ชายนะคะ)
เค้าก็บอกว่า " แกพลาดแล้วล่ะ..." คือมันก็โดนขอเงินปิดยอดบ่อยๆ จนตอนนี้มันเลิกเทรนไปแล้ว ทั้งที่เหลือชั่วโมงเทรนอยู่อีกเยอะมาก (คิดเป็นเงินประมาณหมื่นกว่าบาท) ของเพื่อนเรานี่ เวลามาขอนี่ดู"ดราม่า"และจำเป็นยิ่งกว่าของเราอีก คือเค้ามีคนในทีมหลายคน ถ้าน้องคนนั้นปิดยอดไม่ได้ น้องจะต้องออกจากฟิตเนสนี้ไป (นี่ฟิตเนสหรือบ้าน AF กันล่ะคะเนี่ย) พอช่วยน้องคนที่หนึ่งเสร็จ ก็จะมีน้องคนที่สอง ที่สามในทีมนั้นมาให้ช่วยเรื่อยๆ (โอว นี่มันอัลไลกัน)
ตอนนี้เพื่อนเราคนนี้เลิกเทรนไปแล้วอย่างที่บอก มันบอกว่า ถ้าอยากปิดลูปนรกนี้ก็ต้องเลิกเทรนไปเลย ไม่ว่าจะเหลือชั่วโมงเทรนเท่าไหร่ก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะถ้าไปอีกก็เจออีก เสียเงินอีก ไม่ว่าเราจะยืนกรานชัดเจนแค่ไหนว่าไม่ซื้อ เค้าก็จะทำให้เราซื้อจนได้ ไม่ด้วยคำอ้อนวอนขอร้อง ก็ด้วยวิธีการชักจูงใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
อันนี้เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ... เราเริ่มถามตัวเอง แล้วก็โทรไปเล่าให้เพื่อนสนิทสาวสวยคนนึงฟัง
เพื่อนคนนี้นางเคยเล่นฟิตเนสแถวบ้านซึ่งเทรนเนอร์เหล่านี้ก็มักจะเคยเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสใหญ่ๆดังๆกันมาก่อน แล้วก็วนเข้าวนออกกันแบบที่ว่า turn over สูงกว่างานไอทีที่เราทำอยู่เสียอีก ยิ่งฟังว่า turnover สูง ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า พลาดและ ที่จ่ายเงินซื้อเชื่อแบบไม่มีหลักฐานอะไรเลยนี่หว่า (ซวยและกรู)
เนื่องจากเทรนเนอร์ที่สอนนางค่อนข้างสนิทกับนาง และก็เคยไปวนเวียนอยู่ในสังคมฟิตเนสของที่ใหญ่ๆมาเยอะ ทำให้นางได้ข้อมูลอะไรๆที่เป็นรายละเอียดมาเยอะมาก อย่างไม่คาดคิด !!!!
นางบอกว่า แรกๆนางก็โดนดูแลดีเว่อ และถูกป้อยอแบบเรา เหมือนมันเป็นวิธีการขายที่ถอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่นางก็ไม่ชอบ เทรนเนอร์นางก็เลยเลิกทำ (อาการเดียวกับเทรนเนอร์เรา) หลังๆนางเริ่มสนิทกับเทรนเนอร์เขาก็เลิกป้อยอ แล้วเขาก็ไม่ค่อย Hard sale แล้ว(โอว นางทำได้ไง...)
เพื่อนคนนี้นางเป็นคนที่สวยน่ารักแบบว่าคนจีบเยอะ แต่นางก็ไม่สนใจใครเท่าไหร่ อุอุ นางก็ไปเทรนเรื่อยๆ พอสนิทกับเทรนเนอร์แบบเพื่อนสนิทกะเพื่อน เทรนเนอร์นางก็ชอบเอารูปผู้หญิงที่หลอกจีบได้มาอวด ไม่ซ้ำหน้า เล่าเผาเรื่องของเทรนเนอร์คนอื่นที่มีเกย์หรือผู้หญิงรวยคอยเลี้ยง จนขับรถหรูมาทำงานทุกวันให้ฟัง ในสังคมเค้ามีการแข่งกันด้วยฮะ ว่าใครจับผู้หญิงหรือเกย์ได้รวยกว่ากัน (เห้ย นี่มันอัลไล) แถมมีอาชีพเสริมเป็นผู้ชายบาร์โฮส !!!! (เฮ้ยยย เซ้นกรูแรงหรอวะเนี่ย) แต่เทรนเนอร์ของนางไม่ได้ทำนะ (มั้ง) ผู้ชายกลุ่มนี้เป็นผู้ชายแท้แท้ แต่ก็อ้อนให้เลี้ยงดูได้ทั้งจากเกย์และผู้หญิง (เห้ยยย!!!!! สังคมมันโหดร้าย หรือที่ผ่านมาชั้นโลกสวยเกินไปคะ) จนหมดคอร์สที่ซื้อไว้นางก็เลิกไป เพราะหมด Member ที่นั่นพอดี และนางก็ไม่ได้เล่นฟิตเนสไปอีกนาน
ภาพเริ่ม Flash back เทรนเนอร์คนแรกเห็นเราอายุไม่มาก ไม่ได้เห็นใบสมัคร เซลพาเดินไปฝากเฉยๆ เค้าดูไม่สนใจเราเท่าไหร่ พอเราบอกว่าจะเล่นแต่โยคะ เค้าก็เลิกจูงใจเราไปเลย เค้าอาจจะเป็นคนดีปกติที่ไม่ Hard sale ก็ได้นะ เราก็เลยไม่ได้สมัครเทรนนิ่งคอร์สกับเขา แต่พี่เทรนเนอร์คนถัดมานี้(คนที่สอนเราปัจจุบัน)โทรหาเราจากใบสมัคร เห็นรายได้ต่อเดือนของเรา ==' เพลียใจจุงเบย เพื่อนเราที่เล่นที่เดียวกันก็ไม่ได้โดนขายทีละหลายๆหมื่นแบบเรา เวลาถูกขอ เพราะมันเขียนรายได้น้อยๆเพราะมันทำบริษัทตัวเอง (เลขน้อย แต่หุ้นเยอะ) เพื่อนเราก็จะโดนทีละสองพัน ห้าพัน เห้ย!!! ทำไมเราโดนโหดกว่าเยอะเลยวะ
เราไม่ได้มาโจมตีเทรนเนอร์ฝ่ายเดียวนะคะ จริงๆแล้วส่วนนึง ฟิตเนสก็เอาเปรียบมากไปค่ะ ค่าสอนที่ได้ไม่ถึง 50% ของเงินที่ลูกค้าจ่ายจริงด้วยซ้ำ ถ้าเราไม่มีชั่วโมงที่เทรนเนอร์สอนฟรี ค่าเรียนจะตกชั่วโมงละ 800 อย่างถูกซึ่งเทียบกับค่าสอนชั่วโมงละ 80-150-200 บาท แล้วรู้สึกว่า โอ้ว นี่ส่งใครมาสอนเรา ไปเรียนกับครูโยคะตัวต่อตัวยังรู้สึกคุ้มค่ากว่าเยอะ T_T อย่างน้อยก็พัฒนาสกิลได้เร็วกว่าการเรียนรวมในคลาสมากขึ้นจริงๆ แล้วยอดขายที่ถูกตั้งไว้โหดแสนโหด ถ้าทำไม่ถึงก็ถูกลดระดับ หรือถ้าเป็นเลเว่วต่ำสุด ถ้าทำยอดไม่ได้ก็ต้องออกไป สุดท้ายก็มาลงกับผู้บริโภคที่ต้องจ่ายเงินเพื่อช่วยคนเหล่านั้น ทั้งๆที่เงินที่จ่ายไปอาจจะไปถึงคนที่เราช่วยจริงๆไม่ถึง 20% เราก็ต้องช่วยสินะเคอะ
พี่ๆที่จบวิทยาศาสตร์การกีฬาคนอื่นๆคงรู้สึกเสียสถาบันใช่มั้ยคะ เราก็ไม่รู้ค่ะว่าจะเยียวยาปัญหาเหล่านี้ได้ยังไง
รู้แต่ว่าเราคงไม่สนับสนุนธุรกิจขอเงินแบบห่วงโซ่ที่โหดร้ายแบบนี้อีกแล้ว ถ้าใช้ชั่วโมงเทรนให้หมดได้ก็จะพยายามใช้ แต่ถ้าไปแล้วจะต้องเสียเงินอีก จะหนีออกมาทันที และรอบนี้จะยอมจ่ายค่าโยคะหลายๆที่ แล้วไปเล่นที่อื่น เลิกเล่นที่ฟิตเนสนรกนั่นทันที
เราไม่รู้ว่าจะแก้ไขระบบนรกนี่ได้ยังไง แต่ไม่อยากให้โยนความผิดให้ใครคนใดคนหนึ่ง
...ลูกค้าฟิตเนสอาจจะต้องเลิกช่วยเหลือหรือใยดีกับนิยายน้ำเน่าหรือเรื่องแสนเศร้าของน้องเทรนเนอร์ที่ต้องออกจากงาน
...ฟิตเนสเซ็นเตอร์ควรจะมีวิธีทางการตลาดที่ดีกว่าการบีบให้เทรนเนอร์ทำยอดเยอะๆ ไม่งั้นถูกลดเงินค่าสอนหรือถูกให้ออกจากงานไป
พี่ๆเทรนเนอร์ที่เป็นคนปกติดีๆมีฝีมือจะได้ขายความสามารถที่มีในการเฟิร์มรูปร่างลูกค้า หรือความสามารถในการพัฒนาศักยภาพทางร่างกายให้ลูกค้าจริงๆ มากกว่าการหาทางทำให้พอใจเพื่อที่จะได้ขายได้ ทุกวิถีทาง
อยากขอความเห็นเพื่อนๆชาวพันทิปค่ะ เราควรจะหนีเลิกไปเทรนแบบเพื่อนเราดีมั้ย แต่ก็ทำใจยากอะ หมดเงินไปสองสามหมื่นบาทแล้ว...
แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าอยากแก้ไขระบบที่ทั้งเอาเปรียบเทรนเนอร์ และขูดรีดเงิน member เยี่ยงนี้
เอ๊ะ ... หรือฟิตเนสที่อื่นเค้าเป็นกันมั้ยคะ ขอความรู้แชร์กันหน่อยค่ะ