เอ่ยถึงมะเร็งไม่เกิดขึ้นกับใครคงไม่รู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกได้ดีเท่าตนเองเป็นแน่แท้ เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว มันเกิดอะไรขึ้น มันกระทบกับชีวิต ความคิดความอ่านในการดำรงชีวิตอย่างไร หรือจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต มันผิดพลาดหรือพระเจ้าแกล้งหรือเป็นโชคชะตากันแน่ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น แล้วถ้าเป็นเรื่องที่เกิดกับพวกเราเอง จะรับมือกันอย่างไร
วันนั้นปลายปี 2551 ผมเริ่มมีอาการจุก ท้องอืด อยู่ทุกวัน จนทนไม่ไหวต้องเข้าโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจดูเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2552 เพราะไม่ไหวแล้วทั้งอาการจุก แน่นหน้าอก (ไม่ใช่แน่นอกต้องยกออก!!) ท้องอืด และอาเจียนทั้งคืน ตอนแรกหมอคาดว่าน่าจะเป็นอาการนิ่วในถุงน้ำดี แต่พอทำ CT Scan กลับพบก้อนเนื้อก้อนใหญมากราว 3X4 ซม ในกระเพาะอาหาร แล้วยังลามไปที่ตับขวา ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าคงต้องผ่าตัดและน่าจะเป็นกรณีใหญ่ แต่ยังไม่รายงานว่าเป็นอะไรให้ผมทราบ รวมทั้งต้องให้โรงพยาบาลศิริราชเป็นผู้ดำเนินการเพราะโรงพยาบาลที่นี่ไม่มีเครื่องมือและความสามารถมากพอ ผมเลยชักแปลกใจแต่แจ้งไปว่าไม่เป็นไร ผมขอไปโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้ๆศิริราช และมีอาจารย์หมอที่ผมสนิทอยู่ท่านหนึ่งช่วยดูให้ก็ได้ และแล้วทางโรงพยาบาลก็สั่งเอาข้อมูลทั้งหมดให้สำเนาผมมา ผมเลยแอบอ่าน พระเจ้า หมอเขียนว่าเป็นโรค Gastric Carcinoma invasion to right lope Liver คนอื่นอ่านแล้วไม่รู้ แต่ผมรู้ดีเพราะผมจบมาทางสายวิทยาศาตร์การแพทย์ มันคือ มะเร็งกระเพาะอาหารลามไปที่ขั้วตับขวา !!!
เมื่อผมมาที่โรงพยาบาลเอกชนใหญ่แห่งนี้ซึ่งมีชื่อเสียงมาก เพราะหมอที่นี่ล้วนมาจากศิริราชและเป็นอาจารย์หมอกันทั้งนั้น อาจารย์หมอแจ้งว่าพบก้อนเนื้อในกระเพาะอาหารต้องส่องกล้องเอาชิ้นเนื้อมาตรวจโดยวิธีพิเศษที่เรียกว่า EUS และ FNA ผมไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่ต้องดมยาสลบเอาชิ้นเนื้อมาตรวจและมีเครื่องอยู่ที่ศิริราช ผมเลยถูกทำทุกอย่างที่ศิริราชเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2556 รออยู่ 3 วัน ผลออกมาว่าไม่พบเนื้อร้าย หรือเชื้อก่อโรคใดๆ ทุกอย่างดีหมด และผมก็เริ่มรู้สึกอาการดีขึ้นด้วย แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นสงสัยมะเร็งกระเพาะอาหารออกไป ผมเลยถูกส่งต่อไปอาจารย์หมออีกท่านที่เก่งทางด้านผ่าตัดเปลี่ยนตับ !!!
อาจารย์ท่านใหม่ดูแล้วบอกว่าน่าจะเป็นมะเร้ง GIST ( Gastro Intestinal Stromal Tumor)
เป็นมะเร็งทางเดินอาหารที่พบได้น้อยและวินิจฉัยได้ยากมาก และต้องผ่าตัดออกอย่างเดียว พูดง่ายๆคือเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารลามไปที่ตับนั่นเอง ผมจึงถูกนัดให้ผ่าตัดใหญ่ที่โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 27 ม.ค. 2556 ช่วงแห่งการรอคอยก่อนผ่าตัดจึงเป็นเรื่องที่อึดอัดและคิดมากว่าจะเกิดอะไรกับชีวิตหลังผ่าตัด ครอบครัวจะอยู่อย่างไร แต่ตอนนั้นผมไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้นจนคิดว่าเราไม่ได้เป็นมะเร็งหรอก เพราะผมดูแลสุขภาพมาก กินปลากับผักเป็นหลัก ไม่ทานของมันมากไป ใครๆก็แปลกใจว่าผมจะเป็นมะเร็งได้อย่างไร
วันผ่าตัดเป็นวันหลังจากเทศกาลตรุษจีน 1 วันพอดี 27 ม.ค. 2556 ผมอยากผ่าตัดเร็วๆ เบื่อการรอคอย และเป็นห่วงครอบครัวในการดำรงชีวิต ผมเริ่มเขียนพินัยกรรมทิ้งไว้ เพราะผมทราบดีว่าใครเป็นมะเร็ง GIST อยู่ได้ไม่นาน กรณีผ่าตัดผมเป็นกรณีผ่าตัดใหญ่ ทุกอย่างถูกเตรียมการไปหมดทั้ง หมอดมยา การ Block หลัง และแล้วการผ่าตัดก็เริ่มขึ้นตอน 10:30 ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งตอน 14:00 ยังมีอาการเบลอๆจากฤทธิ์ยาอยู่ และอาจารย์เจ้าของไข้แจ้งว่าโชคดีมาก พบก้างปลาทะลุกระเพะอาหารทำให้อักเสบ มีการสร้าง Cell เป็นกลุ่มดันทะลุออกมาไปที่ตับขวา เอาก้างปลาออกไปอย่างเดียว ไม่มีการผ่าเอาตับกับกระเพาะอาหารออกไปแต่อย่างใด ผมดีใจมากรวมทั้งครอบครัวผมด้วย ผมเองก็สำรวจรอบๆตัวว่ามีอะไรติดตัวมาบ้าง พบเพียงสายน้ำเกลือ สายท่อสวนปัสสาวะ สาย Dip ยา แต่ไม่มีสายให้เลือด มีเพียงแผลผ่าตัดเปิดหน้าท้องเป็นแนวยาวเท่านั้น ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดเพราะมีการให้ Morphine
ทันทีที่รู้ว่าไม่เป็นมะเร็ง ทุกคนที่อยุ่รอบข้างก็โล่งอกเพราะทุกคนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ ลูกชายคนโตจากที่เคยรับส่งโดยแม่ ก็ต้องนั่ง Taxi ไปโรงเรียนกลับโดยรถโดยสารและพักค้างที่บ้านน้องชายผม ส่วนคนเล็กดูจะง่ายหน่อยเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้านน้องชายที่ย้ายไปพักกัน มันเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่งหรือไม่ก็เป็นชีวิตใหม่ที่ โชคดีในความโชคร้ายหรือโชคร้ายในความโชคดี ไม่รู้อันใดมาก่อนกัน แต่ที่แน่ๆทุกคนต่างหัวเราะและดีใจเป็นที่กล่าวขานในหมู่เพื่อนฝูง ทุกวันนี้ผมยังเก็บก้างปลานั้นไว้อยู่ เล็กนิดเดียวไม่เกิน 3 ซม แต่ราคาประมาณ 150,000 บาทจากค่าผ่าตัด และผลสรุปสุดท้ายจากการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจพบว่าไม่มีเนื้อรายใดๆ ทุกวันนี้ผมไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น มีแต่รอยแผบผ่าตัดยาวฝากเอาไว้ที่หน้าท้องเป็นเครื่องเตือนใจ
ผมดูแลสุขภาพมาตลอด 14 ปีก่อนเกิดเหตุนี้ มีวินัยในการกินและเลือกอาหารมาก แต่มันยังไม่มากพอ เพราะขาดการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน ถึงตอนนี้ผมจึงดูแลการกินมากขึ้น ไม่กินอิ่มจนเกินไป ออกกำลังกายมากขึ้น ทำบุญใส่บาตรและทำทานที่มีโอกาสทุกครั้ง ผมไม่ทราบว่ามันเป้นปาฎิหารย์หรือโชคกันแน่ แต่คงไม่มีครั้งที่สองแน่นอน ถ้าผมยังยืนอยู่บนความประมาท
กร แสงตะวัน
เรื่องแค่นี้ทำให้เกือบเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
วันนั้นปลายปี 2551 ผมเริ่มมีอาการจุก ท้องอืด อยู่ทุกวัน จนทนไม่ไหวต้องเข้าโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจดูเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2552 เพราะไม่ไหวแล้วทั้งอาการจุก แน่นหน้าอก (ไม่ใช่แน่นอกต้องยกออก!!) ท้องอืด และอาเจียนทั้งคืน ตอนแรกหมอคาดว่าน่าจะเป็นอาการนิ่วในถุงน้ำดี แต่พอทำ CT Scan กลับพบก้อนเนื้อก้อนใหญมากราว 3X4 ซม ในกระเพาะอาหาร แล้วยังลามไปที่ตับขวา ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าคงต้องผ่าตัดและน่าจะเป็นกรณีใหญ่ แต่ยังไม่รายงานว่าเป็นอะไรให้ผมทราบ รวมทั้งต้องให้โรงพยาบาลศิริราชเป็นผู้ดำเนินการเพราะโรงพยาบาลที่นี่ไม่มีเครื่องมือและความสามารถมากพอ ผมเลยชักแปลกใจแต่แจ้งไปว่าไม่เป็นไร ผมขอไปโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้ๆศิริราช และมีอาจารย์หมอที่ผมสนิทอยู่ท่านหนึ่งช่วยดูให้ก็ได้ และแล้วทางโรงพยาบาลก็สั่งเอาข้อมูลทั้งหมดให้สำเนาผมมา ผมเลยแอบอ่าน พระเจ้า หมอเขียนว่าเป็นโรค Gastric Carcinoma invasion to right lope Liver คนอื่นอ่านแล้วไม่รู้ แต่ผมรู้ดีเพราะผมจบมาทางสายวิทยาศาตร์การแพทย์ มันคือ มะเร็งกระเพาะอาหารลามไปที่ขั้วตับขวา !!!
เมื่อผมมาที่โรงพยาบาลเอกชนใหญ่แห่งนี้ซึ่งมีชื่อเสียงมาก เพราะหมอที่นี่ล้วนมาจากศิริราชและเป็นอาจารย์หมอกันทั้งนั้น อาจารย์หมอแจ้งว่าพบก้อนเนื้อในกระเพาะอาหารต้องส่องกล้องเอาชิ้นเนื้อมาตรวจโดยวิธีพิเศษที่เรียกว่า EUS และ FNA ผมไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่ต้องดมยาสลบเอาชิ้นเนื้อมาตรวจและมีเครื่องอยู่ที่ศิริราช ผมเลยถูกทำทุกอย่างที่ศิริราชเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2556 รออยู่ 3 วัน ผลออกมาว่าไม่พบเนื้อร้าย หรือเชื้อก่อโรคใดๆ ทุกอย่างดีหมด และผมก็เริ่มรู้สึกอาการดีขึ้นด้วย แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นสงสัยมะเร็งกระเพาะอาหารออกไป ผมเลยถูกส่งต่อไปอาจารย์หมออีกท่านที่เก่งทางด้านผ่าตัดเปลี่ยนตับ !!!
อาจารย์ท่านใหม่ดูแล้วบอกว่าน่าจะเป็นมะเร้ง GIST ( Gastro Intestinal Stromal Tumor)
เป็นมะเร็งทางเดินอาหารที่พบได้น้อยและวินิจฉัยได้ยากมาก และต้องผ่าตัดออกอย่างเดียว พูดง่ายๆคือเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารลามไปที่ตับนั่นเอง ผมจึงถูกนัดให้ผ่าตัดใหญ่ที่โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 27 ม.ค. 2556 ช่วงแห่งการรอคอยก่อนผ่าตัดจึงเป็นเรื่องที่อึดอัดและคิดมากว่าจะเกิดอะไรกับชีวิตหลังผ่าตัด ครอบครัวจะอยู่อย่างไร แต่ตอนนั้นผมไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้นจนคิดว่าเราไม่ได้เป็นมะเร็งหรอก เพราะผมดูแลสุขภาพมาก กินปลากับผักเป็นหลัก ไม่ทานของมันมากไป ใครๆก็แปลกใจว่าผมจะเป็นมะเร็งได้อย่างไร
วันผ่าตัดเป็นวันหลังจากเทศกาลตรุษจีน 1 วันพอดี 27 ม.ค. 2556 ผมอยากผ่าตัดเร็วๆ เบื่อการรอคอย และเป็นห่วงครอบครัวในการดำรงชีวิต ผมเริ่มเขียนพินัยกรรมทิ้งไว้ เพราะผมทราบดีว่าใครเป็นมะเร็ง GIST อยู่ได้ไม่นาน กรณีผ่าตัดผมเป็นกรณีผ่าตัดใหญ่ ทุกอย่างถูกเตรียมการไปหมดทั้ง หมอดมยา การ Block หลัง และแล้วการผ่าตัดก็เริ่มขึ้นตอน 10:30 ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งตอน 14:00 ยังมีอาการเบลอๆจากฤทธิ์ยาอยู่ และอาจารย์เจ้าของไข้แจ้งว่าโชคดีมาก พบก้างปลาทะลุกระเพะอาหารทำให้อักเสบ มีการสร้าง Cell เป็นกลุ่มดันทะลุออกมาไปที่ตับขวา เอาก้างปลาออกไปอย่างเดียว ไม่มีการผ่าเอาตับกับกระเพาะอาหารออกไปแต่อย่างใด ผมดีใจมากรวมทั้งครอบครัวผมด้วย ผมเองก็สำรวจรอบๆตัวว่ามีอะไรติดตัวมาบ้าง พบเพียงสายน้ำเกลือ สายท่อสวนปัสสาวะ สาย Dip ยา แต่ไม่มีสายให้เลือด มีเพียงแผลผ่าตัดเปิดหน้าท้องเป็นแนวยาวเท่านั้น ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดเพราะมีการให้ Morphine
ทันทีที่รู้ว่าไม่เป็นมะเร็ง ทุกคนที่อยุ่รอบข้างก็โล่งอกเพราะทุกคนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ ลูกชายคนโตจากที่เคยรับส่งโดยแม่ ก็ต้องนั่ง Taxi ไปโรงเรียนกลับโดยรถโดยสารและพักค้างที่บ้านน้องชายผม ส่วนคนเล็กดูจะง่ายหน่อยเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้านน้องชายที่ย้ายไปพักกัน มันเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่งหรือไม่ก็เป็นชีวิตใหม่ที่ โชคดีในความโชคร้ายหรือโชคร้ายในความโชคดี ไม่รู้อันใดมาก่อนกัน แต่ที่แน่ๆทุกคนต่างหัวเราะและดีใจเป็นที่กล่าวขานในหมู่เพื่อนฝูง ทุกวันนี้ผมยังเก็บก้างปลานั้นไว้อยู่ เล็กนิดเดียวไม่เกิน 3 ซม แต่ราคาประมาณ 150,000 บาทจากค่าผ่าตัด และผลสรุปสุดท้ายจากการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจพบว่าไม่มีเนื้อรายใดๆ ทุกวันนี้ผมไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น มีแต่รอยแผบผ่าตัดยาวฝากเอาไว้ที่หน้าท้องเป็นเครื่องเตือนใจ
ผมดูแลสุขภาพมาตลอด 14 ปีก่อนเกิดเหตุนี้ มีวินัยในการกินและเลือกอาหารมาก แต่มันยังไม่มากพอ เพราะขาดการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน ถึงตอนนี้ผมจึงดูแลการกินมากขึ้น ไม่กินอิ่มจนเกินไป ออกกำลังกายมากขึ้น ทำบุญใส่บาตรและทำทานที่มีโอกาสทุกครั้ง ผมไม่ทราบว่ามันเป้นปาฎิหารย์หรือโชคกันแน่ แต่คงไม่มีครั้งที่สองแน่นอน ถ้าผมยังยืนอยู่บนความประมาท
กร แสงตะวัน