Credit:
http://shows.voicetv.co.th/news-update/95860.html
ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กับพวกซึ่งเป็นเครือญาติรวม 7 คน ทั้งหมด 46 ล้านบาท พร้อมดอกผลของเงิน หรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นให้ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยให้นายสุพจน์ ส่งมอบทรัพย์สิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องพร้อมดอกผลให้แก่แผ่นดิน ผ่านกระทรวงการคลัง หากไม่สามารถดำเนินการให้ทรัพย์สินใดได้แก่แผ่นดิน ให้นายสุพจน์ ชดใช้เงินหรือโอนทรัพย์สินตามจำนวนมูลค่าที่ยังขาดอยู่แก่แผ่นดินจนครบจากข้อหาร่ำรวยผิดปกติ โดยระบุว่า ไม่มีหลักฐานมาแสดง เพื่อยืนยันที่มาที่ไปของทรัพย์ได้ ขณะที่ข้อต่อสู้ก็เลื่อนลอย ไม่มีน้ำหนัก
จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจสอบทรัพย์สินแล้วชี้มูลความผิดว่า นายสุพจน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต่างๆ ได้
โดย ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2554 ที่มีคนร้าย 8 คน บุกเข้าปล้นบ้านนายสุพจน์ ในซอยลาดพร้าว 64 และถูกตำรวจจับกุมได้ เข้าเบิกความยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า ทรัพย์ทั้งหมดได้มาจากการปล้นทรัพย์ ซึ่งมีสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือ เพราะปกติแล้วจะไม่มีคนร้ายคนใดไปขวนขวาย แสวงทรัพย์สินอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง และยังต้องคืนให้แก่ผู้เสียหาย กรณีนี้จึงยังไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่เจ้าพนักงานตำรวจและคนร้าย จะร่วมมือกันบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์ของกลาง
นอก จากนี้ จากการรับฟังการไต่สวนพยานฝ่ายนายสุพจน์ ผู้คัดค้าน กับพวกแล้ว ล้วนแต่เป็นพยานผู้ใกล้ชิดมีส่วนได้ส่วนเสีย เห็นว่าเป็นการเบิกความลอย ๆ ปราศจากหลักฐาน ขัดต่อเหตุผลหลายประการ รวมทั้งการโต้แย้งและคัดค้านของนายสุพจน์ไม่อาจจะนำมารับฟังได้
31 มกราคม 2557 เวลา 16:10 น.
ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และพวกรวมมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท
ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กับพวกซึ่งเป็นเครือญาติรวม 7 คน ทั้งหมด 46 ล้านบาท พร้อมดอกผลของเงิน หรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นให้ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยให้นายสุพจน์ ส่งมอบทรัพย์สิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องพร้อมดอกผลให้แก่แผ่นดิน ผ่านกระทรวงการคลัง หากไม่สามารถดำเนินการให้ทรัพย์สินใดได้แก่แผ่นดิน ให้นายสุพจน์ ชดใช้เงินหรือโอนทรัพย์สินตามจำนวนมูลค่าที่ยังขาดอยู่แก่แผ่นดินจนครบจากข้อหาร่ำรวยผิดปกติ โดยระบุว่า ไม่มีหลักฐานมาแสดง เพื่อยืนยันที่มาที่ไปของทรัพย์ได้ ขณะที่ข้อต่อสู้ก็เลื่อนลอย ไม่มีน้ำหนัก
จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจสอบทรัพย์สินแล้วชี้มูลความผิดว่า นายสุพจน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต่างๆ ได้
โดย ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2554 ที่มีคนร้าย 8 คน บุกเข้าปล้นบ้านนายสุพจน์ ในซอยลาดพร้าว 64 และถูกตำรวจจับกุมได้ เข้าเบิกความยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า ทรัพย์ทั้งหมดได้มาจากการปล้นทรัพย์ ซึ่งมีสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือ เพราะปกติแล้วจะไม่มีคนร้ายคนใดไปขวนขวาย แสวงทรัพย์สินอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง และยังต้องคืนให้แก่ผู้เสียหาย กรณีนี้จึงยังไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่เจ้าพนักงานตำรวจและคนร้าย จะร่วมมือกันบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์ของกลาง
นอก จากนี้ จากการรับฟังการไต่สวนพยานฝ่ายนายสุพจน์ ผู้คัดค้าน กับพวกแล้ว ล้วนแต่เป็นพยานผู้ใกล้ชิดมีส่วนได้ส่วนเสีย เห็นว่าเป็นการเบิกความลอย ๆ ปราศจากหลักฐาน ขัดต่อเหตุผลหลายประการ รวมทั้งการโต้แย้งและคัดค้านของนายสุพจน์ไม่อาจจะนำมารับฟังได้
31 มกราคม 2557 เวลา 16:10 น.