เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขไทย มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 จำนวน 4 ราย จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งสิ้น 64 ราย จาก 28 ประเทศ ประกอบด้วย สาขาการแพทย์ ได้แก่ ศ.นพ.เดวิด ดี.โฮ ผอ.และประธานกรรมการบริหารศูนย์วิจัยโรคเอดส์อรอนไดอะมอน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และ นพ.แอนโทนี ฟอซี ผอ. สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา สาขาสาธารณสุข ได้แก่ บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต ผอ. วิทยาลัยสุขภาพและเวช ศาสตร์เขตร้อน ม.ลอน ดอน สหราชอาณาจักร อดีตผอ.บริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ราชอาณาจักรเบลเยียม และ นพ.จิม ยอง คิม อดีต ผอ.แผนกเอชไอวี/เอดส์ องค์การอนามัยโลก สหรัฐอเมริกา
ผลงานของ ศ.นพ.เดวิด ดี.โฮ และ นพ.แอนโทนี ฟอซี ได้ทำให้โรคเอดส์กลายเป็นโรคที่สามารถบำบัดและควบคุมได้ โดยใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัว ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคนี้ในปัจจุบัน ส่วนผลงานของ บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต และ นพ.จิม ยอง คิม ทำให้ประชาคมโลกมีความตื่นตัวที่จะพัฒนาความสามารถในการป้องกันรักษาโรคเอดส์ รวมทั้งดำเนินการอย่างจริงจังที่จะให้ผู้ป่วยในประเทศต่าง ๆ มีโอกาสได้รับยาต้านไวรัสอย่างทั่วถึง ผลงานของท่านทั้งสี่เป็นการสร้างเสริมความเจริญก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของการแพทย์และการสาธารณสุข ทั้งเป็นประโยชน์อันไพศาลแก่มวลมนุษยชาติโดยแท้
ศ.ดร.เดวิด ดี.โฮ เผยถึงแรงบันดาลใจที่ทำการวิจัยว่า อยู่ในช่วงเวลาที่เชื้อไวรัสเอชไอวีเริ่มระบาดในสหรัฐอเมริกาคือ เกิดความสงสัยและต้องการรู้ว่าเชื้อเหล่านี้มีสาเหตุเกิดจากอะไร และจะมีความรุนแรงอย่างไร จึงได้ทุ่มเทให้แก่การค้นคว้าวิจัยเพื่อรักษาโรคร้าย ส่วนแนวทางการรักษาโรคเอดส์ในอนาคตนั้น ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาโรคเอดส์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มียาที่ควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดหรือมีอาการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถแทรกไปในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ยิ่งทำให้มีการรักษาที่เจาะจงลงไปเฉพาะไวรัสเอชไอวีเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น
ด้าน นพ.แอนโทนี ฟอซี เผยว่า ต้องไม่สับสนระหว่างการรักษากับการหายาที่จะทำให้โรคหมดสิ้นไป การรักษาที่มีประสิทธิภาพนับเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการตั้งแต่แรกเริ่ม หากทราบว่ามีเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายต้องรีบรักษา จะยิ่งทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ไม่มียารักษาให้หายขาด แต่หากรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยรักษาชีวิตให้มีอายุยืนยาวขึ้น เช่นเดียวกับ บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต เผยว่า แม้มียาที่มาช่วยบรรเทา แต่หากคนไข้ไม่กินยาตามที่แพทย์สั่ง ไม่มีวินัยในการรักษาก็ยิ่งมีปัญหาที่โรคจะเกิดการดื้อยา และการเข้าถึงยารักษาในชุมชนก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ในเมืองไทยได้มีการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เรื่องยาได้อย่างแพร่หลายและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการรักษาโรคเอดส์ต้องมีการรักษาควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ชุมชนในการที่จะเข้าถึงยารักษาได้.
dailynews.co.th
http://bit.ly/เพจข่าวดี
4 ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขไทย มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 จำนวน 4 ราย จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งสิ้น 64 ราย จาก 28 ประเทศ ประกอบด้วย สาขาการแพทย์ ได้แก่ ศ.นพ.เดวิด ดี.โฮ ผอ.และประธานกรรมการบริหารศูนย์วิจัยโรคเอดส์อรอนไดอะมอน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และ นพ.แอนโทนี ฟอซี ผอ. สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา สาขาสาธารณสุข ได้แก่ บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต ผอ. วิทยาลัยสุขภาพและเวช ศาสตร์เขตร้อน ม.ลอน ดอน สหราชอาณาจักร อดีตผอ.บริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ราชอาณาจักรเบลเยียม และ นพ.จิม ยอง คิม อดีต ผอ.แผนกเอชไอวี/เอดส์ องค์การอนามัยโลก สหรัฐอเมริกา
ผลงานของ ศ.นพ.เดวิด ดี.โฮ และ นพ.แอนโทนี ฟอซี ได้ทำให้โรคเอดส์กลายเป็นโรคที่สามารถบำบัดและควบคุมได้ โดยใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัว ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคนี้ในปัจจุบัน ส่วนผลงานของ บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต และ นพ.จิม ยอง คิม ทำให้ประชาคมโลกมีความตื่นตัวที่จะพัฒนาความสามารถในการป้องกันรักษาโรคเอดส์ รวมทั้งดำเนินการอย่างจริงจังที่จะให้ผู้ป่วยในประเทศต่าง ๆ มีโอกาสได้รับยาต้านไวรัสอย่างทั่วถึง ผลงานของท่านทั้งสี่เป็นการสร้างเสริมความเจริญก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของการแพทย์และการสาธารณสุข ทั้งเป็นประโยชน์อันไพศาลแก่มวลมนุษยชาติโดยแท้
ศ.ดร.เดวิด ดี.โฮ เผยถึงแรงบันดาลใจที่ทำการวิจัยว่า อยู่ในช่วงเวลาที่เชื้อไวรัสเอชไอวีเริ่มระบาดในสหรัฐอเมริกาคือ เกิดความสงสัยและต้องการรู้ว่าเชื้อเหล่านี้มีสาเหตุเกิดจากอะไร และจะมีความรุนแรงอย่างไร จึงได้ทุ่มเทให้แก่การค้นคว้าวิจัยเพื่อรักษาโรคร้าย ส่วนแนวทางการรักษาโรคเอดส์ในอนาคตนั้น ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาโรคเอดส์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มียาที่ควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดหรือมีอาการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถแทรกไปในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ยิ่งทำให้มีการรักษาที่เจาะจงลงไปเฉพาะไวรัสเอชไอวีเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น
ด้าน นพ.แอนโทนี ฟอซี เผยว่า ต้องไม่สับสนระหว่างการรักษากับการหายาที่จะทำให้โรคหมดสิ้นไป การรักษาที่มีประสิทธิภาพนับเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการตั้งแต่แรกเริ่ม หากทราบว่ามีเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายต้องรีบรักษา จะยิ่งทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ไม่มียารักษาให้หายขาด แต่หากรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยรักษาชีวิตให้มีอายุยืนยาวขึ้น เช่นเดียวกับ บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต เผยว่า แม้มียาที่มาช่วยบรรเทา แต่หากคนไข้ไม่กินยาตามที่แพทย์สั่ง ไม่มีวินัยในการรักษาก็ยิ่งมีปัญหาที่โรคจะเกิดการดื้อยา และการเข้าถึงยารักษาในชุมชนก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ในเมืองไทยได้มีการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เรื่องยาได้อย่างแพร่หลายและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการรักษาโรคเอดส์ต้องมีการรักษาควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ชุมชนในการที่จะเข้าถึงยารักษาได้.
dailynews.co.th
http://bit.ly/เพจข่าวดี