ขอความคิดเห็นครับ ผมคิดถูกมั๊ย ที่กำลังจะเลิกกับภรรยา

แต่งงานกันมา 10ปีแล้วครับช่วงแรกเธอเป็นแม่บ้าน แต่ด้วยงานของผมต้องย้ายที่บ่อย พอลูกเข้าเรียนจึงจำเป็นต้องแยกกันอยู่ เธอก็กลับไปหางานทำที่บ้านของเธอ ผ่านมา5ปีแล้วครับ เธออยู่กับลูกและพ่อ แม่ของเธอ โดยผมกลับบ้านทุกอาทิตย์ หรือถ้าไม่ว่างก็ไม่เกิน 2อาทิตย์ ผมไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เคยคิดนอกใจ ผมรักครอบครัวมาก  เราไม่เคยทะเลาะอาจจะมีเถียงกันบ้างตามประสาลิ้นกับฟัน ความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นประมาณ 5-6เดือนที่ผ่านมานี่เอง เธอเริ่มไม่สนใจ ไม่ใส่ใจผม ไม่มีsexกัน เท่าที่ถามเธอก็บอกตรงๆนะครับ ว่าความรักมันน้อยลงแล้ว ที่สำคัญเธอมีอาชีพที่ทำให้เธออยู่ได้สบายๆแล้ว ส่วนที่ไม่อยากจะสัมผัสกัน เวลาแต่งตัวไม่อยากให้เห็น(ปกติ10กว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยปกปิดอาบน้ำถูกหลังให้กันได้) เพราะไม่อยากให้เกิดอารมณ์ เดี๋ยวจะต้องจบลงที่การมีsexอีก เธอเบื่อ!!!!   เวลาผมกลับไปหาครอบครัว ก็คือต้องไปบ้านเธอ ไปแล้วผมรู้สึกไม่มีตัวตนครับ เธอก็จะคุยกับเพื่อนบ้าง ลูกค้าบ้าง คือคุยกับคนอื่น นานๆครั้งจะหันมาคุยกับผม(จากที่เธอเป็นคนที่ติดผมเลยแหละ) ตอนเข้านอนจากที่เมื่อก่อนถ้าผมทำอะไรอยู่ เธอจะมาเรียก แต่เดี๋ยวนี้เธอเข้านอนตั้งแต่เมื่อไหร่ผมยังไม่รู้เลย ที่ผ่านมาคุยกันทุกวัน วันละหลายครั้ง ทุกวันนี้โทรมาก็แค่ ให้คุยกับลูก แต่เธอจะคุยกับผมน้อยลงไปเยอะเลย        จนที่สุดผมทนไม่ได้ที่จะอยู่แบบนี้ ผมคิดว่าถ้า คนสองคน รักกันไม่พอ อยู่ด้วยกันมันจะพาลให้ทะเลาะกัน จึงโทรไปคุยว่าจะหย่ากันดีมั้ย เธอก็บอกว่ามันเร็วไปรับไม่ทัน  ยังรักผมอยู่ ยังคิดถึงเป็นห่วงอยู่ แต่ผมมองว่า เธอคงจะแค่รู้สึกผูกพันธ์ ที่บอกว่ายังรักก็อาจจะเหลือแต่ไม่มากพอที่จะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ ผมก็พูดความรู้สึกทั้งหมดออกไป เธอบอกผมเป็นคนดีมาก เธอขอโทษ แต่จะให้เธอกลับมาน่ารักเหมือนคนที่ผมรู้จัก เป็นเธอคนที่รักผมมากคงจะไม่ได้แล้ว เธอคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วล่ะ  สุดท้ายผมถามว่าที่เปลี่ยนไปแบบนี้เพราะมีใครใหม่มั๊ย เธอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน  เธอบอกว่าถ้าเลิกกันจริงก็ให้ผมไปหาลูกทุกอาทิตย์เหมือนเดิม ถ้าผมทำใจได้แล้ว ก็ไปเที่ยวกัน สามคนพ่อ แม่ ลูกนะ  อยู่เป็นเพื่อนกัน ดูแลกันไปนะ แต่สถานภาพระหว่างเราก็ไม่ใช่ สามี ภรรยาแล้ว เป็นแค่เพื่อนกัน       จริงๆผมนัดว่าวันเสาร์จะเข้าไปคุยให้ พ่อ แม่เธอรับรู้และถือโอกาส บอกลาอย่างจริงจังแบบไม่ใช่ทางโทรศัพท์    

ผมรักเธอมากจริงๆ สงสารลูกด้วยถ้าอะไรๆมันจะต้องเปลี่ยน วันนึงถ้าผมหรือเธอมีคนใหม่ แล้วลูกล่ะ ผมสับสนมากๆครับ อยากเลิกเพราะกลับไปก็จะเจอเหตุการณ์เดิมๆที่ทำให้ผมน้อยใจมาก รู้สึกไม่มีตัวตน  ไม่อยากเลิกเพราะยังรักเธอมากๆ และกลัวปัญหาที่จะเกิดกับลูกซึ่งเป็นที่รักที่สุดของผม      ผมต้องตัดสินใจให้ดีก่อนวันเสาร์เพราะถ้าผมคุยกับผู้ใหญ่แล้ว ผมจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรอีกไม่ได้แล้ว ขอกำลังใจ ขอความเห็นด้วยนะครับ



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาเพิ่มเติมหลังจากวันนี้ผมได้โทรไปคุยกับภรรยาอีกครั้ง เรื่องทบทวนเรื่องการหย่า
เธอ : ก็บอกไปแล้วว่ายังไม่อยากให้หย่า ไม่อยากให้หายไปเลย ถ้าอะไรมันจะเกิดก็ให้มันค่อยๆเป็นไปตามเวลา  
ผม : แล้วสถานะของ ระหว่างเรา คืออะไร  
เธอ : ก็เพื่อนกัน เพื่อนที่สนิทมากรู้ใจกันมากที่สุด  เป็นพ่อของลูก
ผม : แล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม  เป็นคู่ชีวิตไม่ได้แล้วเหรอ  
เธอ : มันยาก กับการที่ชั้นต้องฝืนใจทำอะไร   ทุกวันนี้ชั้นพอแล้วอยู่เพื่อลูก มีคนรอบกาย พ่อ แม่ พี่ มีลูก   สมมุติว่าถ้าวันนี้คุณจะมีใครใหม่ จะ
        ไม่มาหา ชั้นก็จะไม่รั้งไม่เสียใจ ชั้นอยู่ได้  
ผม : อึ้ง!!!! (ดูเหมือนจะไม่มีตัวตนเลยนะครับ ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกแบบนี้แย่จริงๆ) ไป10วิ  คือสรุปว่าคุณจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงให้มันกลับมา
       เหมือนเดิมเลยเหรอ ทำไม่ได้แล้วใช่มั๊ย ผมทำอะไรผิด ทำอะไรพลาดบอกมาสิ ผมพร้อมที่จะปรับปรุง
เธอ : ก็ไม่มีอะไรที่ผ่านมาก็ดีแล้ว คุณก็ไม่ได้มีอะไรบกพร่อง แต่อะไรก็ไม่รู้ให้คำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเปลี่ยนไป ถ้าอดทนได้ก็อยู่กัน
       ไป แล้วถ้าอยู่ไปแล้วก็อาจจะเป็นเหมือนเดิมได้มั้ง ตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้เหมือนกัน
ผม : งั้นเรื่องที่จะไปคุยกับพ่อ แม่ หยุดไว้ก่อนนะ อยู่กันแบบนี้ไปก่อนก็ได้ แต่ขอร้องอย่างนึงได้มั๊ย อย่าทิ้งขว้างทำเหมือนไม่สนใจผมได้มั๊ย
       ผมเจ็บนะ ผมเสียใจ
เธอ : อืม จะพยายาม แค่นี้นะจะขับรถแระ
ผม : แอบยิ้ม ดีใจอยู่คนเดียว (นึกในใจ เอาวะลองดูซักตั้ง คิดถึงลูกให้มากๆๆๆๆ คิดถึงตัวเองให้น้อยลง)

ขอบคุณครับทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ผมน้อมรับ ทั้งคำติ และคำชมครับ ขอบคุณจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
คุณกับภรรยายังคุยกันเข้าใจดี ไม่มีปัญหาทะเลาะกัน ภรรยาเองก็บอกคุณตรง ๆ ว่ารู้สึกยังไง เราคิดว่าเป็นเพราะการที่คุณสองคนอยู่คนละที่ ภรรยาอยู่กับพ่อแม่และลูก ภรรยาคุณจึงปรับตัวเองจากที่เคยต้องการคุณ กลายเป็นว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีคุณอยู่ใกล้ แต่ก็ยังรักคุณอยู่ ไม่อย่างนั้นก็คงยอมหย่ากับคุณตอนที่คุณขอหย่าไปแล้ว

ตัวคุณเองก็ยังรักภรรยา แต่ผู้หญิงเมื่อมีอายุมากขึ้น กริยาท่าทางย่อมเปลี่ยนไป ไม่ใกล้ชิดติดพันคุณเหมือนที่เคยทำ คุณเองทำงานอยู่ไกล เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงเสาร์อาทิตย์ คุณต้องการภรรยาที่น่ารักเหมือนเดิม คุณต้องการพักผ่อน แต่ภรรยาคุณก็ต้องการพักผ่อนด้วยเหมือนกัน ต่างคนต่างเหนื่อยจากภาระระหว่างสัปดาห์ ภรรยาคุณจึงอาจจะทำกิจกรรมที่คุณมองว่าเป็นการข้ามหัวคุณ ไม่ให้ความสนใจคุณ เช่น คุยกับเพื่อน แต่ความจริงเราว่านั่นเป็นวิธีการพักผ่อนของภรรยาในช่วงวันหยุด สบายใจ ขอเมาท์หน่อย ทำนองนั้นน่ะค่ะ

ในเมื่อยังรักกัน ต่างคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรจากกันเพียงเพราะความน้อยใจ คุณเดินทางกลับบ้านแต่ละอาทิตย์ คุณก็เหนื่อยเดินทาง ภรรยาคุณไม่ได้เห็นคุณมาทั้งอาทิตย์ ปัญหาใหญ่น้อยอะไรที่เกิดขึ้น ภรรยาคุณก็ต้องแก้ไขเอง เช่น ปัญหารบกับลูก จิปาถะ คุณไม่ได้เห็นสิ่งที่ภรรยาคุณทำ เวลามีอะไรสนุกสนานอยากเล่า ก็ไม่สามารถคุยกันได้ทันที ภรรยาเลยเปลี่ยนไปติดเพื่อนแทน ถ้าคุณสองคนเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ แล้วเปลี่ยนบรรยากาศการพบกันเสียใหม่ คุณกับภรรยาอาจจะกำจัดความน่าเบื่อที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ได้ เป็นต้นว่า แทนที่คุณจะเดินทางไปหาภรรยาที่บ้านพ่อแม่ในวันสุดสัปดาห์ ก็เปลี่ยนเป็นนัดภรรยาให้มาหาคุณ หรือพบกันครึ่งทาง นัดกันเที่ยว ในช่วงหนึ่งเดือนคุณควรเที่ยวกับภรรยาสองต่อสองบ้าง ไม่จำเป็นต้องพาลูกไปด้วยทุกครั้ง ถ้าลูกยังเล็กมาก จ้างพี่เลี้ยงหรือวานญาติพี่น้องช่วยดูแลบางอาทิตย์ เพราะคุณตาคุณยายอาจจะดูไม่ไหว แต่ถ้าโตแล้ว ก็บอกลูกให้เข้าใจว่าพ่อกับแม่ขอเวลาส่วนตัวบ้างบางอาทิตย์

ถ้าคุณนัดพบภรรยาข้างนอก อย่าคาดหวังว่าจะหวานทันที จะต้องกลับมาเหมือนเดิมทันที แค่เดินคุยกัน พาไปกินข้าว พักโรงแรมบ้าง คุณเองก็อาจจะลางานวันศุกร์เพื่อที่จะมีเวลามากขึ้นอีกหน่อย ลาเป็นบางครั้ง เป็นระยะ นัดพบกันเหมือนเพื่อนก็ได้ค่ะ อย่าคาดหวังว่าจะหวานชื่น เพราะความจำเจระหว่างคุณกับภรรยานั้นคงสะสมมานาน ต้องใช้เวลานิดนึง แต่คุณสองคนมีต้นทุนดี คือยังมีความรักให้กัน ยังพูดกันตรง ๆ ได้ ค่อย ๆ เติมสิ่งที่ขาดไปให้กันและกันนะคะ

สำหรับเรื่องเซ็กส์ คุณบอกว่าภรรยาไม่ต้องการ อาจจะเป็นช่วงเปลี่ยนวัย ผู้หญิงจะเบื่อเรื่องแบบนี้ได้ถ้าพบกันแต่ในที่เดิม ๆ บรรยากาศเดิม ๆ ลูกเต้ากระจองอแง พ่อแม่ก็อยู่ในบ้าน จะนั่งอิงแอบอะไรกันก็ไม่ได้ การเปลี่ยนสถานที่อาจจะทำให้ภรรยาคุณรู้สึกดีขึ้น ชวนกันไปดูหนัง เปลี่ยนวิธีการไปเลย คุณเองก็น่าจะพอใจนะคะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงบ้าง คุณเป็นผู้ชาย ลองเป็นฝ่ายนำการเปลี่ยนแปลงเข้ามา

เอาใจช่วยให้คุณกับภรรยาปรับปรุงความสัมพันธ์ใหม่ การหย่านั้นไม่ยากหรอกค่ะ แบ่งสมบัติกัน เซ็นใบหย่าแกร๊กเดียว เรียบร้อยแล้ว แต่หย่าไปเพื่ออะไรในเมื่อทั้งสองฝ่ายยังรักกันอยู่ ต่างฝ่ายต่างไม่ได้มีใคร ต่างฝ่ายต่างไม่เคยทำผิดต่อกัน คุณแต่งงานใหม่ อยู่กันไประยะนึง ภรรยาใหม่ก็จะเป็นเหมือนเดิม ลองหวนนึกถึงตอนที่คุณกับภรรยายังรักกัน การใช้ชีวิตคู่เป็นศิลปะทดสอบความสามารถในการจัดการ ทั้งสองฝ่ายต้องให้ความร่วมมือ แต่อย่าคาดหวังกันจนเกินไป ค่อยเป็นค่อยไป ลองให้เวลากับตัวเองและภรรยาคุณซักหนึ่งปี ทำตัวสบายๆ ใส่กัน อยู่กันสองต่อสองให้บ่อยขึ้น แล้วมองแผนการระยะยาวในชีวิตบ้าง คุณสองคนจะอยู่ห่างกันแบบนี้ตลอดไปหรือ ถ้ามีทางหางานอะไรที่อยู่ได้ใกล้กัน ลองหาดูค่ะ การอยู่ไกล การเดินทาง มันทำให้ทั้งคู่เหนื่อย รู้สึกเหมือนถูกทิ้ง แล้วก็อาจเกิดความรู้สึกเรียกร้องจากกันมากขึ้น แต่ต่างฝ่ายต่างก็ให้กันไม่ได้เพราะเหนื่อยนี่เอง

ขอให้คุณกับภรรยามีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จในการปรับตัวนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกินใจมาก
ลองอ่านและซึมซาบความรู้สึกอย่างช้า ๆ

"เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากชั้นไป....
เธอควรเป็นคนที่จูงมือชั้นออกไป "

ในวันแต่งงานของผม ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน
รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา
เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน
ดังนั้นผมจึงทำตาม
เธอเขินอายในอ้อมแขนผม

ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก...
นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี... ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม

เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว...
เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น...
ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...
ทุกๆเช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน
ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน
ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่งนัก...

แต่แล้ว
ความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....

เจนเข้ามาในชีวิตของผม .... ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน...
เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง..
หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก...

ที่นี่...เป็นอพาร์เมนท์ที่ผมซื้อให้เธอ...
เธอบอกว่า คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคน ถวิลหา...

คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม...
ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ..เธอบอกว่า
วันที่คุณประสบความสำเร็จ
ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา...

ผมเริ่มรู้สึกลังเล...
ผมรู้ว่าผมกำลังทรยศภรรยาผม...
แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว....
ผมปลีกตัวออกจากเจน "
วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันน๊ะ
ผมต้องเข้าออฟฟิศ " ...
แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก เพราะผมสัญญากับเธอว่าเราจะไปด้วยกัน...

ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดผม....
ทั้งที่จริงๆแล้วผมไม่เคยมีความคิดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม....
ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด...
เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน...
จริง ๆ แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก... ทุก ๆ
เย็นเธอจะวุ่นวายกับการทำอาหาร..ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน...
หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น...นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์....
มองเรือนร่างอันงดงามของเจน...
ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง

วันนึงผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่าจะเธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน...
เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร..
เธอมั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก...
ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง... เธอจะเป็นอย่างไร

วันนึงภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี...
พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก... เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ....
เธอเหมือนจะรับรู้มันได้... แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆกับพนักงานทุกคน....
แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้มนั้น

ในที่สุด...เจนก็บอกกบผมว่า...หย่ากับเธอน๊ะ..แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยักหน้า....

ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..
ผมมีอะไรจะบอกคุณ... เธอนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ...
ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการพูดไม่ออก..
แต่ท้ายที่สุดผมก็พูดออกไป...

ผมต้องการหย่า...

เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเลย...
ผมย้ำกับเธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...
แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย...เราไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น...

เธอร้องไห้อย่างหนัก...

ผมรู้ว่าเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา...
แต่ผมเองไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้...เป็นเพราะใจผมได้ให้เจนไปหมดแล้วงั้นเหรอ...
ผมคงไม่สามารถบอกเธออย่างนั้นได้..มันจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก...

ผมร่างสัญญาการหย่าร้างขึ้น...ระบุว่า..เธอเป็นเจ้าของบ้าน...
ทุกๆ อย่างในบ้าน ทั้งรถ... หุ้นบริษัท 30% ผมยกให้เธอหมด....

เธอเหลือบมองกระดาษที่ผมร่างขึ้นแล้วฉีกมันทิ้ง...
มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น...
ผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นระยะเวลาสิบปีกลายเป็นคนแปลกหน้ากันภายในหนึ่งวัน...
ผมไม่สามารถคืนคำที่ผมพูดไปได้...

เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด...
สำหรับผมแล้ว...การร้องไห้ของเธอเหมือนเป็นการปลดปล่ยยความสับสนของตัวผมเอง...

หลังจากที่ผมกลุ้มใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของผม..ในที่สุด...มันก็เป็นรูปธรรมขึ้นมาจริงๆ เสียที

คืนนั้น...ผมกลับถึงบ้านค่อนข้างดึก...
เห็นเธอเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ..ผมหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลีย...
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วพบว่า...

เธอเขียนเงื่อนไขการหย่าร้างว่าเธอไม่ต้องการสิ่งใดจากผม...
แต่เธอต้องการให้ผมให้เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อตั้งตัวสำหรับการหย่า...
และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นทุกอย่างต้องดำเนินไปตามปกติ...
ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอต้องการให้ลูกจบการศึกษาซึ่งกำลังจะมาถึงเสียก่อน..
เธอไม่อยากให้ลูกต้องเห็นความล้มเหลวในการแต่งงานของพ่อแม่ก่อนเวลานั้นจะมาถึง...

รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดในวันที่เราเข้าเรือนหอ..
ผมพยักหน้า..นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชั้น...

ชั้นมีเรื่องขอร้อง...
ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดจากห้องนอนไปถึงด้านล่างทุกวันนับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน
ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่า เธอคิดถึงวันดีๆ เหล่านั้น...
และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี

ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...
เธอหัวเราะถึงความไร้สาระของเงือนไข....
ภรรยาผมบอกกับผมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...

คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....

เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า...ความจริงเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไป...

พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...
ลูกชายเราตบมือแล้วพูดด้วยความดีใจว่า

ว้าว...วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น......
เธอบอกว่าอย่าบอกลูกเราถึงเรื่องของเรา...ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม...
ผมขับรถไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ

วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...
เราใกล้ชิดกันมากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ...
ผมถึงได้ตระหนักว่า....เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น

ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...

ในวันที่สี่...มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป...

วันที่ห้าและหก..เธอคอยเตือนผมในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..
ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร...และอื่นๆ อีกมากมาย...
ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่องนี้เลย...
ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย...

หรือบางทีคงเป็นเพราะผมแข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด...
เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้..นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น
ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้...
ลูกของเราร้องขึ้นว่า พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ...
สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็นภาพที่เขามีความสุขที่สุด....
เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ
ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย

และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง....ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด...เท้าผมแทบจะก้าวไม่ออก......เธอบอกกับผมว่า...

ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า...ผมกอดเธอแน่น...และผมก็ตระหนักว่า..
ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...ผมขึ้นรถทันทีเพื่อจะไปยังจุดหมายใหม่..
ผมลังเลเล็กน้อย..

แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้....เธอเปิดประตูออก...ผมบอกเธอว่า
เจน..ผมขอโทษ...ผมจะไม่หย่า....เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม.. คุณสบายดีหรือเปล่า
เจน...ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริง ๆ...ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...
ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อย...
ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ....มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน....
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว....ว่าตั้งแต่วันที่ผมอุ้มเธอเข้าบ้าน...เธอมีลูกให้ผม...ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่...
เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม....

ระหว่างทางกลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้....
พนักงานขายดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร....ผมให้เธอเขียนว่า...ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่