งานกร่อยเว้ยเฮ้ย แข้งซีเกมส์โวยได้รับเงินอัดฉีดไม่ตามสัญญาที่ทีมบอกจะได้คนละ 1 ล้านบาทแต่ได้จริงไม่ถึงครึ่งล้านบาท เผยโดนจับหาร 38 นักเตะ 20 คนได้ส่วนแบ่งเท่าทีมงานที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ถึง 18 คน
คว้าแชมป์มอบความสุขให้คนไทยทั้งประเทศแท้ๆ แต่ล่าสุดนักเตะทีมชาติไทยชุดแชมป์กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 "เนปิดอว์เกมส์" ที่พม่ากลับเจอทุกข์เมื่อได้รับเงินอัดฉีดไม่ตรงตามที่ทีมได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ โดยนักเตะ "ช้างศึก" เปิดเผยว่าทีมเคยบอกว่าหากได้แชมป์จะอัดฉีดคนละ 1 ล้านบาท แต่ถึงตรงนี้ได้กันคนละไม่ถึงครึ่งล้าน
"ช่วงอยู่พม่าตั้งแต่ก่อนแข่ง เลขาทีมมาบอกทีมว่าถ้าได้แชมป์จะได้อัดฉีดคนละ 1 ล้านบาท ตรงนี้นักเตะทุกคนได้ยินและรับรู้ทำให้มีความฮึกเหิมกันมากจนคว้าแชมป์ในที่สุด แต่พอได้แชมป์กลับมาเมืองไทยเริ่มมีการพูดแล้วว่าจะได้อัดฉีดคนละเฉียดล้าน แต่ทุกคนยังพอรับได้เพราะเกือบๆล้าน แต่เอาเข้าจริงๆกลายเป็นว่าได้ไม่ถึงครึ่ง"
“ต้องบอกว่าปัญหาเริ่มตั้งแต่ทีมไปรับอัดฉีดเหรียญทองคนละ 2 แสนบาทจาก กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ วันนั้นทางเลขาทีมจะให้เอาเงินของทั้ง 20 คนมารวมกันเป็น 4 ล้านบาทเพื่อหารแบ่งทีมงานด้วย แต่พวกเราไม่ยอมเพราะเช็คเป็นชื่อแต่ละคนอยู่แล้วและเงินส่วนนี้น่าจะเป็นของนักฟุตบอล เนื่องจากส่วนแบ่งของผู้ฝึกสอนและสมาคมฟุตบอลก็มีสัดส่วนอยู่แล้ว”
"หลังจากเหตุการณ์วันนั้นอีกเป็นเดือนพวกเราไม่ได้รับเงินอัดฉีดเพิ่มเลย ตอนแรกคิดว่าสมาคมฟุตบอลยังไม่จ่าย แต่มารู้ทีหลังว่าทีมไปรับเช็คมาแล้วแต่กลับไม่เอามาให้นักฟุตบอลจึงได้ทวงถามไปก่อนจะได้คำตอบว่าจะหารแบ่งรวมกันทั้งหมด 38 คน แบ่งเป็นนักฟุตบอล 20 คนและทีมงาน 18 คน ส่วนยอดอัดฉีดอยู่ที่ 9 ล้านบาทคือสมาคมฟุตบอล 8 ล้านบาทและเครื่องดื่มช้าง 1 ล้านบาท"
“จากยอดทั้งหมดถ้าหารเท่ากับหมด 38 คนนักฟุตบอลจะได้เพิ่มอีกคนละประมาณ 2.5 แสนบาท รวมกับจากกองทุนพัฒนากีฬาชาติ 2 แสนบาทจะได้เป็นคนละ 4.5 แสนบาท ตรงนี้ไม่เท่ากับที่ทีมเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะได้คนละล้านบาท พวกเราจึงลงความเห็นกันว่าจะไม่รับเงินก้อนนี้เพราะไม่ใช่ตามที่คุยกันไว้และหลายคนผิดแผนชีวิตไปหมด จากที่คิดว่าจะได้มาซื้อรถหรือทำบ้านก็ผิดหวังหมด"
"หลังจากที่พวกเราโวยวายทางเลขาทีมไปก็มีผู้ใหญ่มาคุยบอกว่าอย่าเพิ่งเป็นข่าวเดี๋ยวจะเคลียร์ให้ แต่พวกผมรับไม่ได้เพราะมีคนชื่อ ต้น ณ ระนอง ไปโพสต์ต่อว่าพวกเราในเว็บบอร์ดไทยแลนด์สู้สู้บอกว่านักฟุตบอลไม่เห็นความสำคัญของทีมงานทำให้แฟนบอลมองพวกผมไม่ดี ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย พวกผมเข้าใจถึงความสำคัญของทีมงานทุกคน แต่ต้องถามถึงความเหมาะสมในการแบ่งเงินอัดฉีด"
“ไม่มีใครติดใจที่หารส่วนแบ่งนักฟุตบอลเท่ากับสตาฟฟ์โค้ช แต่รายชื่อทีมงาน 18 คนที่ทีมอ้างมานั้นต้องบอกว่าบางคนเข้ามาอยู่กับทีมแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย บางคนเพิ่งมาอยู่กับทีมได้เดือนเดียวแต่พวกผมอยู่กันมาเป็นปี ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเองและมีความสำคัญ นักบอลก็มีหน้าที่ลงแข่งขัน แล้วอยากจะถามว่าเวลาบอลแพ้บอลตกรอบใครโดนด่า ทีมงานที่ว่ามาเสี่ยงโดนด่าเหมือนพวกนักบอลมั้ย”
"ที่พวกเราออกมาขอความเป็นธรรมเพราะต้องการให้มีการแบ่งเงินตามสัดส่วนที่เหมาะสม อีกทั้งจำนวนเงินที่ได้ก็ไม่ตรงตามที่ทีมเคยบอกไว้ ตอนนี้ทุกคนสงสัยอีกว่าเงินที่ผจก.ทีมบอกจะอัดฉีดเพิ่มเติมให้อยู่ที่ไหน รวมถึงเงินจากสปอนเซอร์ของทีมอย่างซิตี้แบงค์ด้วย เวลาแข่งพวกเราเต็มที่ แต่เรื่องนอกสนามก็ควรมีคนรักษาผลประโยชน์ให้พวกเราบ้าง ทุกคนจำได้ว่าใครพูดอะไรไว้กับพวกเราบ้าง"
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยรายหนึ่งได้ชีแจงเรื่องนี้ว่า ยืนยันว่าก่อนไปพม่าได้ตกลงกันแล้วว่าจะแบ่ง 50-50 แต่ที่เป็นปัญหาน่าจะเป็นเพราะนักฟุตบอลคาดหวังไว้สุง เพราะหารออกมาเท่ากันจึงไม่มาก แต่ตอนนี้ได้มีการคุยกันใหม่แล้วจะแบ่ง 80-20 นักบอลจะได้เพิ่มเป็นคนละ 3.6 แสนบาทจากยอด 7.2 ล้านบาท ส่วนทีมงานได้ 1.8 ล้านบาทไปแบ่งกัน ให้นักเตะทุกคนมารับเงินได้เลย
http://www.ballthaifc.com/view.php?id=4989 
อ้าว ไหนบอกคนละล้าน!แข้งซีเกมส์ทวงอัดฉีด
คว้าแชมป์มอบความสุขให้คนไทยทั้งประเทศแท้ๆ แต่ล่าสุดนักเตะทีมชาติไทยชุดแชมป์กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 "เนปิดอว์เกมส์" ที่พม่ากลับเจอทุกข์เมื่อได้รับเงินอัดฉีดไม่ตรงตามที่ทีมได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ โดยนักเตะ "ช้างศึก" เปิดเผยว่าทีมเคยบอกว่าหากได้แชมป์จะอัดฉีดคนละ 1 ล้านบาท แต่ถึงตรงนี้ได้กันคนละไม่ถึงครึ่งล้าน
"ช่วงอยู่พม่าตั้งแต่ก่อนแข่ง เลขาทีมมาบอกทีมว่าถ้าได้แชมป์จะได้อัดฉีดคนละ 1 ล้านบาท ตรงนี้นักเตะทุกคนได้ยินและรับรู้ทำให้มีความฮึกเหิมกันมากจนคว้าแชมป์ในที่สุด แต่พอได้แชมป์กลับมาเมืองไทยเริ่มมีการพูดแล้วว่าจะได้อัดฉีดคนละเฉียดล้าน แต่ทุกคนยังพอรับได้เพราะเกือบๆล้าน แต่เอาเข้าจริงๆกลายเป็นว่าได้ไม่ถึงครึ่ง"
“ต้องบอกว่าปัญหาเริ่มตั้งแต่ทีมไปรับอัดฉีดเหรียญทองคนละ 2 แสนบาทจาก กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ วันนั้นทางเลขาทีมจะให้เอาเงินของทั้ง 20 คนมารวมกันเป็น 4 ล้านบาทเพื่อหารแบ่งทีมงานด้วย แต่พวกเราไม่ยอมเพราะเช็คเป็นชื่อแต่ละคนอยู่แล้วและเงินส่วนนี้น่าจะเป็นของนักฟุตบอล เนื่องจากส่วนแบ่งของผู้ฝึกสอนและสมาคมฟุตบอลก็มีสัดส่วนอยู่แล้ว”
"หลังจากเหตุการณ์วันนั้นอีกเป็นเดือนพวกเราไม่ได้รับเงินอัดฉีดเพิ่มเลย ตอนแรกคิดว่าสมาคมฟุตบอลยังไม่จ่าย แต่มารู้ทีหลังว่าทีมไปรับเช็คมาแล้วแต่กลับไม่เอามาให้นักฟุตบอลจึงได้ทวงถามไปก่อนจะได้คำตอบว่าจะหารแบ่งรวมกันทั้งหมด 38 คน แบ่งเป็นนักฟุตบอล 20 คนและทีมงาน 18 คน ส่วนยอดอัดฉีดอยู่ที่ 9 ล้านบาทคือสมาคมฟุตบอล 8 ล้านบาทและเครื่องดื่มช้าง 1 ล้านบาท"
“จากยอดทั้งหมดถ้าหารเท่ากับหมด 38 คนนักฟุตบอลจะได้เพิ่มอีกคนละประมาณ 2.5 แสนบาท รวมกับจากกองทุนพัฒนากีฬาชาติ 2 แสนบาทจะได้เป็นคนละ 4.5 แสนบาท ตรงนี้ไม่เท่ากับที่ทีมเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะได้คนละล้านบาท พวกเราจึงลงความเห็นกันว่าจะไม่รับเงินก้อนนี้เพราะไม่ใช่ตามที่คุยกันไว้และหลายคนผิดแผนชีวิตไปหมด จากที่คิดว่าจะได้มาซื้อรถหรือทำบ้านก็ผิดหวังหมด"
"หลังจากที่พวกเราโวยวายทางเลขาทีมไปก็มีผู้ใหญ่มาคุยบอกว่าอย่าเพิ่งเป็นข่าวเดี๋ยวจะเคลียร์ให้ แต่พวกผมรับไม่ได้เพราะมีคนชื่อ ต้น ณ ระนอง ไปโพสต์ต่อว่าพวกเราในเว็บบอร์ดไทยแลนด์สู้สู้บอกว่านักฟุตบอลไม่เห็นความสำคัญของทีมงานทำให้แฟนบอลมองพวกผมไม่ดี ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย พวกผมเข้าใจถึงความสำคัญของทีมงานทุกคน แต่ต้องถามถึงความเหมาะสมในการแบ่งเงินอัดฉีด"
“ไม่มีใครติดใจที่หารส่วนแบ่งนักฟุตบอลเท่ากับสตาฟฟ์โค้ช แต่รายชื่อทีมงาน 18 คนที่ทีมอ้างมานั้นต้องบอกว่าบางคนเข้ามาอยู่กับทีมแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย บางคนเพิ่งมาอยู่กับทีมได้เดือนเดียวแต่พวกผมอยู่กันมาเป็นปี ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเองและมีความสำคัญ นักบอลก็มีหน้าที่ลงแข่งขัน แล้วอยากจะถามว่าเวลาบอลแพ้บอลตกรอบใครโดนด่า ทีมงานที่ว่ามาเสี่ยงโดนด่าเหมือนพวกนักบอลมั้ย”
"ที่พวกเราออกมาขอความเป็นธรรมเพราะต้องการให้มีการแบ่งเงินตามสัดส่วนที่เหมาะสม อีกทั้งจำนวนเงินที่ได้ก็ไม่ตรงตามที่ทีมเคยบอกไว้ ตอนนี้ทุกคนสงสัยอีกว่าเงินที่ผจก.ทีมบอกจะอัดฉีดเพิ่มเติมให้อยู่ที่ไหน รวมถึงเงินจากสปอนเซอร์ของทีมอย่างซิตี้แบงค์ด้วย เวลาแข่งพวกเราเต็มที่ แต่เรื่องนอกสนามก็ควรมีคนรักษาผลประโยชน์ให้พวกเราบ้าง ทุกคนจำได้ว่าใครพูดอะไรไว้กับพวกเราบ้าง"
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยรายหนึ่งได้ชีแจงเรื่องนี้ว่า ยืนยันว่าก่อนไปพม่าได้ตกลงกันแล้วว่าจะแบ่ง 50-50 แต่ที่เป็นปัญหาน่าจะเป็นเพราะนักฟุตบอลคาดหวังไว้สุง เพราะหารออกมาเท่ากันจึงไม่มาก แต่ตอนนี้ได้มีการคุยกันใหม่แล้วจะแบ่ง 80-20 นักบอลจะได้เพิ่มเป็นคนละ 3.6 แสนบาทจากยอด 7.2 ล้านบาท ส่วนทีมงานได้ 1.8 ล้านบาทไปแบ่งกัน ให้นักเตะทุกคนมารับเงินได้เลย
http://www.ballthaifc.com/view.php?id=4989