ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายตัวเก่งทีมชาติไทย ของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกโรงทวงเงินค่าอัดฉัดซีเกมส์ หลังยังไม่ได้ครบตามสัญญา พร้อมชี้ไม่หวั่นหากจะหลุดทีมชาติเพราะไม่พอใจเรื่องนี้
จากปัญหาที่นักเตะทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ออกมาร้องเรียนหลังได้เงินอัดฉีดไม่ครบ ตามที่สัญญากันไว้ โดยในตอนแรกจะให้คนละ 1 ล้านบาท แต่ตัวนักบอลเองกลับไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวตามสัญญา
แข้งวัย 23 ปี รายนี้ เผยว่า "ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่า นักเตะน้องๆในทีมทุกคน ต่างไม่พอใจเรื่องนี้ ไม่ใช่ผมแค่คนเดียว แต่ที่ผมออกมาพูด เพราะผมเป็นกัปตันทีมและรุ่นพี่ ช่วงการแข่งขันซีเกมส์ ผมก็ขอแรงพวกน้องๆให้ช่วยเล่นกันสุดกำลัง แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นผมก็ต้องเป็นคนออกตัวก่อน"
"สำหรับเรื่องที่ผมรู้สึกแย่อีกเรื่องคือ มีฝ่ายทีมงานบางคน เดินทางไปกับทีมฟุตบอล แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย เดินไปมาอย่างเดียว แต่พอมีการแบ่งเงินกลับได้ส่วนแบ่ง 2แสน 5 หมื่นบาท เท่ากับนักเตะ"
แบ็คซ้ายจอมเทคนิค ยังเผยต่อว่า " ตอนหลังแม้จะมีการแบ่งสัดส่วนเป็น 80-20 พวกนักเตะก็ยังได้ไม่ครบ คือเพิ่มจาก 2 แสนกว่าเป็น 3 แสนกว่าเท่านั้น ก็ยังขัดกับที่ผู้จัดการทีมได้บอกไว้ว่าจะให้นักบอลคนละ 1 ล้านบาท"
"ปัญหาเกิดขึ้นเพราะยอดอัดฉีดทั้งหมดยังได้ไม่ครบ บางคนยังไม่ได้ให้ ทางสมาคมฟุตบอลจึงบอกให้พวกผมรับเงินก้อนนี้ไปก่อน แล้วจะทยอยจ่ายให้ในส่วนที่เหลือ แต่ผมบอกเลยว่า ถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่เอาเลยก็ได้ เพราะเสียความรู้สึกไปแล้ว และต้องการที่จะรับเงินทั้งหมดทีเดียว ผมคิดว่าถ้ารับเงินส่วนแรก ส่วนที่เหลือก็คงเงียบไป"
อุ้มยังกล่าวทิ้งท้ายว่า"หากการบริหารจัดการยังเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ผมไม่อยากเล่นให้ทีมชาติ แต่ถ้าเล่นแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ คงลำบากใจ ซึ่งถ้าทางสมาคมคิดว่าผมเป็นตัวปัญหา จะตัดผมออกจากทีมชาติก็ได้ ผมก็ไม่แคร์"เจ้าอุ้มร่ายยาว
ทางด้านฝั่ง นาย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า " เรื่องนี้มันส่งผลถึงกำลังใจของเด็ก การบริหารจัดการแบบนี้ทำให้เด็กในทีมชาติไม่มีความศรัทธา จะไม่ให้ก็ไม่ให้ เพราะพวกเขายอมสละเพื่อชาติอยู่แล้ว ทำไม่ได้ก็อย่าไปให้ความหวังลมๆแล้งกับนักเตะเลย"
ธีราทร ทวงค่าอัดฉีดซีเกมส์ หลังได้ไม่ครบจำนวน ไม่กลัวหากต้องหลุดจากทีมชาติ
จากปัญหาที่นักเตะทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ออกมาร้องเรียนหลังได้เงินอัดฉีดไม่ครบ ตามที่สัญญากันไว้ โดยในตอนแรกจะให้คนละ 1 ล้านบาท แต่ตัวนักบอลเองกลับไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวตามสัญญา
แข้งวัย 23 ปี รายนี้ เผยว่า "ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่า นักเตะน้องๆในทีมทุกคน ต่างไม่พอใจเรื่องนี้ ไม่ใช่ผมแค่คนเดียว แต่ที่ผมออกมาพูด เพราะผมเป็นกัปตันทีมและรุ่นพี่ ช่วงการแข่งขันซีเกมส์ ผมก็ขอแรงพวกน้องๆให้ช่วยเล่นกันสุดกำลัง แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นผมก็ต้องเป็นคนออกตัวก่อน"
"สำหรับเรื่องที่ผมรู้สึกแย่อีกเรื่องคือ มีฝ่ายทีมงานบางคน เดินทางไปกับทีมฟุตบอล แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย เดินไปมาอย่างเดียว แต่พอมีการแบ่งเงินกลับได้ส่วนแบ่ง 2แสน 5 หมื่นบาท เท่ากับนักเตะ"
แบ็คซ้ายจอมเทคนิค ยังเผยต่อว่า " ตอนหลังแม้จะมีการแบ่งสัดส่วนเป็น 80-20 พวกนักเตะก็ยังได้ไม่ครบ คือเพิ่มจาก 2 แสนกว่าเป็น 3 แสนกว่าเท่านั้น ก็ยังขัดกับที่ผู้จัดการทีมได้บอกไว้ว่าจะให้นักบอลคนละ 1 ล้านบาท"
"ปัญหาเกิดขึ้นเพราะยอดอัดฉีดทั้งหมดยังได้ไม่ครบ บางคนยังไม่ได้ให้ ทางสมาคมฟุตบอลจึงบอกให้พวกผมรับเงินก้อนนี้ไปก่อน แล้วจะทยอยจ่ายให้ในส่วนที่เหลือ แต่ผมบอกเลยว่า ถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่เอาเลยก็ได้ เพราะเสียความรู้สึกไปแล้ว และต้องการที่จะรับเงินทั้งหมดทีเดียว ผมคิดว่าถ้ารับเงินส่วนแรก ส่วนที่เหลือก็คงเงียบไป"
อุ้มยังกล่าวทิ้งท้ายว่า"หากการบริหารจัดการยังเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ผมไม่อยากเล่นให้ทีมชาติ แต่ถ้าเล่นแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ คงลำบากใจ ซึ่งถ้าทางสมาคมคิดว่าผมเป็นตัวปัญหา จะตัดผมออกจากทีมชาติก็ได้ ผมก็ไม่แคร์"เจ้าอุ้มร่ายยาว
ทางด้านฝั่ง นาย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า " เรื่องนี้มันส่งผลถึงกำลังใจของเด็ก การบริหารจัดการแบบนี้ทำให้เด็กในทีมชาติไม่มีความศรัทธา จะไม่ให้ก็ไม่ให้ เพราะพวกเขายอมสละเพื่อชาติอยู่แล้ว ทำไม่ได้ก็อย่าไปให้ความหวังลมๆแล้งกับนักเตะเลย"